80Y-ตอนที่ 65 รูปแบบอาคมผนึก
ภายในถ้ำปีศาจ
สถานที่แห่งนี้วิเศษมาก
มีปีศาจที่แข็งแกร่งมากกว่า 3,000 ตัวกำลังหลับใหลอยู่ภายในถ้ำปีศาจแห่งนี้
และ ด้านในยังเป็นสถานที่อยู่อาศัยของเทพปีศาจหลายตัว
ในอดีต พวกมันล้วนเป็นตัวตนที่ทรงพลังที่สุดเป็นผู้นำนิกายปีศาจทั้ง 18 นิกาย
ความแข็งแกร่งของพวกมันในเวลานั้นไร้ผู้ใดทัดเทียม
แต่เมื่อหมดยุคสมัยในตอนนั้นไปแล้ว พวกมันก็ต้องเลือก
เลือกที่จะจากไปตามกาลเวลาโดยสูญเสียความรุ่งโรจน์ทั้งหมดที่เคยมีไป?
หรือผนึกตัวเองและรอยุคสมัยหน้ามาถึง?
นี่เป็นคำถามที่เรียบง่าย
พวกมันส่วนใหญ่ได้เลือกตัวเลือกที่สอง และ นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้มีปีศาจจำนวนมากและกระทั่งเทพปีศาจเลือกที่จะปิดผนึกตัวเองในถ้ำแห่งนี้
ยิ่งแข็งแกร่งเพียงใด พลังที่มันต้องสูญเสียไปหลังจากสิ้นสุดยุคสมัยก็จะเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น
ดังนั้นพวกมันจำเป็นจะต้องปิดผนึกตัวเองให้หลับใหลอย่างสนิท
มิฉะนั้นหากพวกมันตื่นขึ้นมา แม้แต่การหายใจธรรมดา ก็ยังต้องสูญเสียพลังที่ที่มีไป
ดังนั้น เทพปีศาจ และ ปีศาจส่วนใหญ่ภายในถ้ำจึงหลับสนิท
มีปีศาจเพียงกลุ่มเล็ก ๆ เท่านั้นที่ตื่นขึ้นเมื่อ 1,500 ปีก่อน
พวกมันประเมินเวลาผิดและถูกจอมมารปราบปรามในเวลานั้น
เช่นเดียวกัน ปีศาจนับสิบเหล่านี้ก็สนับสนุนซึ่งกันและจนมาจนถึงตอนนี้
ในขั้นต้นพวกมันพยายามทำลายผนึกและดูดซับพลังทางโลกของยุคสมัยใหม่เพื่อที่จะฟื้นคืนความแข็งแกร่งในอดีต
แต่ใครจะไปคิดว่าพวกมันจะได้พบกับ หลินจิ่วเฟิง?
หลังจากรอมา 1,500 ปีโดยเปล่าประโยชน์ พวกมันส่วนใหญ่ก็สูญเสียพลังไปมาก
ฐานการบ่มเพาะพลังของพวกมันแม้ว่าจะสู.ส่ง แต่พวกมันก็ไม่สามารถใช้งานได้เนื่องจากขาดพลังปราณคอยหล่อเลี้ยง
บางทีพวกมันอาจจะสามารถเอาชนะเทพมนุษย์ธรรมดาได้ แต่พวกมันไม่มีโอกาสเอาชนะ หลินจิ่วเฟิง เลย
นี่เป็นเหตุผลที่ในสองวันมานี้ หลินจิ่วเฟิง สามารถเอาชนะปีศาจได้อย่างง่ายดายและยังคงลงชื่อเข้าใช้ตามปกติ
พวกปีศาจที่ตื่นขึ้นมานี้ล้วนแล้วแต่โกรธเคือง
พวกมันไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการต่อสู้กับ หลินจิ่วเฟิง
เมื่อหลายปีก่อนพวกมันมีชื่อเสียงไปทั่วโลกหล้า
แม้ว่าเวลาจะผ่านไป ความภาคภูมิใจของพวกมันก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
ดังนั้นพวกมันไม่เต็มใจที่จะยอมรับความพ่ายแพ้เหล่านี้
“วันพรุ่งนี้พวกเราต้องร่วมมือโจมตีเขาพร้อมกัน!”
ปีศาจหลายสิบตัวได้พูดคุยกันเกี่ยวกับแผนการที่จะจัดการ หลินจิ่วเฟิง
“เราควรปลุกเทพปีศาจหรือไม่?”ปีศาจบางตัวรู้สึกกังวลว่าตนเองจะไม่สามารถต่อกรกับ หลินจิ่วเฟิงได้ พวกมันต้องการปลุกเทพปีศาจให้ตื่นขึ้นมา
“เจ้าโง่งั้นหรือ? แม้ว่าเทพปีศาจจะสามารถเอาชนะเจ้าเด็กเหลือขอนี่ได้ แต่พวกเขาก็จะดูดซับพลังงานทางโลกไป หากสิ่งนี้เกิดขึ้น พวกเขาก็จะกลายเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งในยุคสมัยใหม่อีกครั้ง แต่พวกเราล่ะ?”
ปีศาจคอยาวได้ทักท้วง
มันยังคงมีความทะเยอทะยานในใจของมัน-นั่นก็คือการก้าวข้ามเทพปีศาจ
ปีศาจอีกตัวก็คิดเรื่องนี้เช่นเดียวกัน ตราบใดที่พวกมันร่วมมือกันย่อมสามารถเอาชนะ หลินจิ่วเฟิง และ ออกไปสู่โลกภายนอกเพื่อดูดซับพลังทางโลก จากนั้นพวกมันก็จะกลายเป็นเทพปีศาจได้
ปีศาจนับสิบได้สรุปแผนการของพวกเขา
วันรุ่งขึ้น หลินจิ่วเฟิง ได้มาที่นี่ตั้งแต่เช้าตรู่
เขาได้เปิดผนึก
หึ่ม!
ทันใดนั้น ปีศาจมากกว่า 10 ตัวก็โจมตีพร้อมกัน
พวกมันได้ปลดปล่อยกลิ่นอายพลัง ฐานการบ่มเพาะพลัง และ พลังปราณแท้จริงที่เหลืออยู่ภายในร่างกายออกมาทั้งหมด
เห็นได้ชัดว่าพวกมันต้องการฆ่า หลินจิ่วเฟิง ในคราวเดียว
รัศมีกลิ่นอายพลังที่รุนแรง ได้พลุ้งพล่านไปทั่ว ขณะที่พวกมันกำลังเคลื่อนไหวเสียงกรีดร้องอันโหยหวนก็ได้ดังขึ้น
รัศมีพลังเหล่านี้ได้พุ่งเข้าหา หลินจิ่วเฟิง
มองเห็นฉากนี้ การแสดงออกของ หลินจิ่วเฟิง ยังคงนิ่งสงบ แต่ดวงตาของเขาได้หรี่ลง
ขณะที่รัศมีพลังเหล่าีน้พุ่งเข้ามาหาเขา จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ขนาดใหญ่ของเขาก็กระจายตัวออกไป
คลื่นน!
พวกปีศาจเหล่านี้ราวกับแม่น้ำที่ไหลลงมาจากน้ำตก พวกมันคิดว่าตนเองนั้นอยู่ยงคงกระพัน
แต่ในวินาทีต่อมา สิ่งที่พวกมันต้องเผชิญคือคลื่นมหาสมุทรขนาดใหญ่
ทันทีที่คลื่นมหาสมุทรถาโถมลงมา
มันก็แช่แข็งพื้นที่โดยรอบอย่างสมบูรณ์
แกร๊ก! แกร๊ก! แกร๊ก!
ในเวลานี้ ราวกับว่าเวลาได้หยุดลง กลิ่นอายพลังปีศาจที่ปีศาจเหล่านี้ปลดปล่อยออกมาได้ถูกแช่แข็งต่อเบื้องหน้าของ หลินจิ่วเฟิง
พวกมันยังคงลอยอยู่กลางอากาศแต่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
หลังจากเห็นฉากนี้พวกมันล้วนเบิกตากว้างขึ้น
ยุคสมัยใหม่เพิ่งเริ่มต้น เหตุใดมนุษย์ผู้นี้ถึงแข็งแกร่งขนาดนี้?
หลินจิ่วเฟิง ขี้เกียจเกินกว่าจะอธิบายอะไร
เขาชกกำปั้นออกไปจัดการปีศาจตัวหนึ่ง
บูม!
เมื่อปีศาจตัวนี้ล้มลง ตัวอื่น ๆ ก็พลอยล้มลงตามไปด้วย
กลิ่นอายพลังปีศาจของพวกมันได้หายไปทั้งหมด ร่างของพวกมันได้ร่วงหล่นราวกับดาวตกที่ร่วงสู่พื้นของถ้ำปีศาจ
หลินจิ่วเฟิง ได้ปิดผนึกพวกมันอีกครั้ง
จากนั้นเขาก็พึมพัมออกมาด้วยรอยยิ้ม“คิดว่าตนเองมีพรรคพวกรวมกันกว่า 10 ตัวแล้วจะสามารถจัดการกับข้าได้งั้นหรือไม่?”
“ฝันไปเถอะ!”
เขาได้ดำเนินกิจวัตรประจำวันเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ ความแข็งแกร่งของ หลินจิ่วเฟิง ได้เพิ่มขึ้นในทุก ๆ วัน
วันนี้ หลินจิ่วเฟิง ก็ได้เอาชนะปีศาจและได้รับโอกาสในการลงชื่อเข้าใช้อีกครั้ง
เขาใช้มันโดยไม่ลังเลทันที
[ลงชื่อเข้าใช้สำเร็จ ได้รับโอสถสะสมวิญญาณ!]
ขวดหยกได้ปรากฏขึ้นในมือของ หลินจิ่วเฟิง
ข้างในนี้มีโอสถสีดำเข้มที่คล้ายกับหมึกดำ
มันไม่มีสิ่งใดแปลกประหลาดนอกจากกลิ่นหอมที่กระตุ้นความอยากอาหาร
“โอสถสะสมวิญญาณ เป็นโอสถบำรุงจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ สิ่งนี้เหมาะสำหรับเจ้าแมวขาว”หลินจิ่วเฟิง ได้ออกจากพระราชวังใต้ดิน
มันไม่จำเป็นสำหรับเขาที่จะปรับแต่งจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เพิ่มเติมเพราะเขาสร้างรูปร่างได้แล้ว
ทว่าเจ้าแมวขาวนั้นแตกต่างออกไป มันยังไม่สามารถก้าวเข้าสู่ขั้นเทพมนุษย์ได้
แม้ว่ามันจะดูดซับพลังทางโลกเพียงพอแล้วแต่ก็ยังไม่อาจข้ามผ่านคอขวดไปได้อยู่ดี
เมื่อไม่นานมานี้ หลินจิ่วเฟิง ได้ใช้จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขาในการตรวจสอบร่างกายของมัน
เขาพบว่าจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าแมวขาวยังขาดแหล่งพลังเล็กน้อย
ตราบใดที่มันสามารถสร้างจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์และขัดเกลาให้มันแข็งแกร่งขึ้นได้ เจ้าแมวขาวก็จะสามารถเข้าสู่ขั้นเทพมนุษย์ได้สำเร็จ
ดังนั้น เมื่อ หลินจิ่วเฟิง กลับไปที่ลานที่พักของเขา เขาก็โยนโอสถสะสมวิญญาณไปที่เจ้าแมวขาวโดยตรง
“นี่คืออะไร?”เจ้าแมวขาวได้เขียนถามด้วยความสงสัยและส่งเสียงร้องออกมาในเวลาเดียวกัน
“โอสถที่จะช่วยให้เจ้าทะลวงผ่านขั้นเทพมนุษย์ หากเจ้าไม่ต้องการก็คืนมันมาให้ข้า”หลินจิ่วเฟิง ได้พึมพัมออกมา
มันมองไปที่ขวดหยกด้านหน้าและพุ่งเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว
มันได้คาบขวดหยก และ หายตัวไปในทันที พริบตาเดียวมันก็ปรากฏตัวขึ้นบนเตียงหยกน้ำแข็ง มันได้เปิดฝาขวดออกเล็กน้อย และ เทโอสถออกมา ก่อนที่จะกลืนเข้าไปโดยตรง มันไม่สนใจที่จะระบุส่วนผสมของตัวยาด้วยซ้ำ
เจ้าแมวขาวเชื่อว่า หลินจิ่วเฟิง สามารถไว้ใจได้และจะไม่ทำร้ายมัน
หลินจิ่วเฟิง มองดูฉากนี้ ด้วยรอยยิ้ม
ตอนนี้เจ้าแมวขาวกำลังบ่มเพาะพลังอยู่ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เข้าไปข้างในที่พัก เพราะกลัวจะรบกวนมัน
หลินจิ่วเฟิง ได้เดินออกมาและมองไปรอบ ๆ ตำหนักเย็น
ในเวลานี้ มีคนมาถึงด้านนอกตำหนักเย็น
หลินเทียนหยวน!
ร่างกายของเขาดีขึ้นกว่าครั้งสุดท้ายที่เขาเจอมาก แม้ว่ารัศมีพลังชีวิตของเขาจะอ่อนแอและรากฐานการบ่มเพาะพลังจะถูกทำลาย แต่อย่างน้อยเขาก็มีชีวิตอยู่ได้
หลินเทียนหยวน ได้เคาะประตูด้วยความเคารพ“ท่านลุง ข้าอยากพบท่าน”
หลินจิ่วเฟิง ได้สบัดแขน เขาได้เปิดประตูตำหนักเย็นโดยตรง
จากนั้นเขาก็กล่าวถาม“เจ้ามาที่นี่ต้องการอะไร?”
หลินเทียนหยวน ได้ยิ้มอย่างขมขื่นและตอบกลับ“ท่านยังเป็นคนที่เข้าใจข้ามากที่สุดเสมอ”
หลินจิ่วเฟิง ได้ยิ้มและตอบกลับ“เจ้าไม่ได้มาหาข้ามาช่วงพักใหญ่ ๆ แล้ว เจ้ายุ่งเกี่ยวกับงานราชกิจ ตลอดทั้งวัน หากไม่เผชิญหน้ากับปัญหาที่ไม่สามารถจัดการได้ เจ้าคงไม่มาหาข้าที่นี่”
หลินเทียนหยวนได้พยักหน้าโดยตรง
เขาได้ยืนตรงและอธิบายด้วยความเคารพ
“หากเป็นปัญหาส่วนตัวของข้า ข้าก็คงไม่มารบกวนท่านลุง แต่เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องส่วนตัวของข้า มันเกี่ยวข้องกับผู้คนนับล้านในโลกนี้ ข้าทำได้เพียงแบกหน้าหนา ๆ ของข้ามาร้องขอความช่วยเหลือจากท่านลุง”
“เกิดอะไรขึ้น?”
เขามองไปที่อีกฝ่ายด้วยท่าทีจริงจัง
“ในช่วงเวลานี้ มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นมากมายไปทั่วโลก…”
“ตระกูลใหญ่และนิกายต่าง ๆ ที่เคยซ่อนเร้นจากโลกได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง เมื่อพวกเขาปรากฏตัวขึ้น สิ่งที่ตามมาก็คือการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่…”หลินเทียนหยวน ได้อธิบาย
หลินจิ่วเฟิง ได้ฟังอย่างเงียบ ๆ
มันคล้ายกับถ้ำปีศาจนั่น
อย่างที่ ปีศาจคอยาวได้พูดไว้ มีตระกูลและนิกายที่ทรงพลังในอดีตเลือกที่จะผนึกตนเองไว้
และตอนนี้พวกเขากำลังทยอยปรากฏตัวขึ้นทีละคน
โลกที่สงบนี้ท้ายที่สุดก็จะตกอยู่ในความโกลาหลอีกครั้ง
“ท่านลุง เราจะปราบปรามหรือผนึกซากปรักหังพังเหล่านั้นอย่างไรดี?”
หลินเทียนหยวน ได้กล่าวถามอย่างจริงจัง
การปรากฏตัวของคนเหล่านั้นทำให้ความสงบสุขในโลกเริ่มสั่นคลอน
“ข้าจะสร้างรูปแบบอาคมผนึกให้เจ้า ตราบใดที่เจ้าค้นพบสถานที่ที่คล้ายคลึงกับสิ่งที่เจ้าอธิบายไว้ ก็ใช้รูปแบบอาคผนึกนี้จัดการในทันที…”
“ข้ารับประกันว่ามันจะสามารถปราบปรามสถานที่เหล่านั้นได้”
หลินจิ่วเฟิง ได้เคาะนิ้วลงบนหน้าผากของ หลินเทียนหยวน ในขณะเดยีวกันเขาก็สร้างรูปแบบอาคมผนึกให้กับอีกฝ่าย
หลังจากศึกษาหนังสือสารานุกรมรูปแบบอาคมแล้ว หลินจิ่วเฟิง ก็ได้รับการพิจารณาให้เป็น ปรมาจารย์ผู้ใช้อาคมแล้ว
สิ่งที่เขาให้กับ หลินเทียนหยวน ก็คือ รูปแบบอาคมผนึกแบบเดียวกับที่เขาเคยผนึกถ้ำปีศาจใต้โลงศพนั้น