80Y-ตอนที่ 62 เหตุผลของยุคสมัยใหม่
เขาบุกผ่านด่านไร้สิ้นสุดและเข้าสู่ช่วงที่สามของขั้นเทพมนุษย์
กายาศักดิ์สิทธิ์!
เมื่อมาถึงขั้นนี้ เขาจะไม่ได้มีร่างกายเป็นมนุษย์ธรรมดาอีกต่อไป
ร่างกายของเขาจะเป็นร่างกายศักดิ์สิทธิ์
หลินจิ่วเฟิง ที่กลับมาถึงตำหนักเย็น
เขาไม่ได้ศึกษาพื้นฐานการบ่มเพาะพลังขั้นเทพมนุษย์ต่อ
แต่เขาได้ศึกษาทักษะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาอย่างละเอียดแทน
ในลานที่พักที่เต็มไปด้วยกระบี่กระดูก หลินจิ่วเฟิง ได้นั่งเงียบ ๆ และไตร่ตรองถึงปัญหา
ทักษะเปลี่ยนแปลงโชคชะตา
เพียงแค่ชื่อของมันก็เห็นได้ชัดแล้วว่ามันเป็นทักษะที่ท้าทายสวรรค์
แต่ทักษะที่ท้าทายสวรรค์มักมาพร้อมกับข้อบกพร่องที่ร้ายแรง
ทักษะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาก็ไม่มีข้อยกเว้น!
เราจะต้องช่วยเหลือชีวิตของมนุษย์เพื่อแลกกับชีวิตอันรุ่งโรจน์
ความแตกต่างระหว่างทั้งสองอย่างนี้อย่างน้อยก็มีนับร้อยเท่า
มีเพียงการทำตามข้อกำหนดเท่านั้นถึงจะใช้ทักษะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาได้
ถูกต้องนี่เป็นข้อกำหนดเบื้องต้นเท่านั้น
ทักษะเปลี่ยนแปลงโชคชะตามีข้อกำหนดสำหรับผู้ใช้เช่นเดียวกัน
ผู้ใช้จะต้องมีความสามารถในการเดินทางไปมาระหว่างโลกแห่งสิ่งมีชีวิตและโลกใต้พิภพ
หลินจิ่วเฟิง ในปัจจุบัน ไม่สามารถเดินทางไปมาระหว่างโลกแห่งสิ่งมีชีวิตและโลกใต้พิภพได้
‘มันยากมากที่จะใช้ทักษะเปลี่ยนแปลงโชคชะตานี้’ หลินจิ่วเฟิง ได้ถอนหายใจออกมา
เขาจะต้องพัฒนาตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้นและเตรียมพร้อมสำหรับการต้อนรับจักรพรรดิหยวน นอกจากนี้ นี่ยังเป็นเพียงแค่ข้อกำหนดเบื้องต้นเท่านั้น ยังมีข้อกำหนดหรือเงื่อนไขอื่น ๆ ก่อนที่จะใช้งานทักษะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาได้
‘ในช่วงไม่กี่ปีต่อจากนี้ ข้าจะพยายามให้หนักขึ้นโดยการลงชื่อเข้าใช้และฝึกฝน ข้าเชื่อว่าสักวันต้องมาถึง’
หลินจิ่วเฟิง ได้ฝังปริศนาเหล่านี้ไว้ในส่วนลึกของจิตใจ
ในอนาคตเมื่อเขามีพลังมากกว่าในปัจจุบัน เขาจะทบทวนเรื่องนี้และเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของจักรพรรดิหยวน
…
หลังจากทะลวงเข้าสู่ช่วงที่สามของขั้นเทพมนุษย์
แม้แต่หลินจิ่วเฟิงก็ยังหวาดกลัวความแข็งแกร่งของตัวเอง
เขาได้ปลดล็อค สมบัติทางปราณแท้จริง,สมบัติทางจิตวิญญาณ,สมบัติทางกายแท้จริงและสมบัติทางเต๋า และตอนนี้เขาอยู่ในช่วง ด่านกายาศักดิ์สิทธิ์ ของขั้นเทพมนุษย์
ตามบันทึกโบราณ ความแข็งแกร่งของผู้บ่มเพาะพลังจะแข็งแกร่งมากขึ้นหลังจากมาถึงด่านกายาศักดิ์สิทธิ์ แม้จะเปิดสมบัติในด่านไร้สิ้นสุดไปเพียงแค่อย่างเดียวก็ตาม
แต่เมื่อเทียบกับพวกเขา หลินจิ่วเฟิง ได้เปิดสมบัติอันยิ่งใหญ่ถึง 4 อย่าง
เห็นได้ชัดว่าเขามีพื้นฐานความแข็งแกร่งที่ดีอยู่แล้ว
ในด่านไร้สิ้นสุด คลังสมบัติเหล่านี้ล้วนมีหน้าที่แต่ละอย่างที่แตกต่างกัน
มันไม่ได้รบกวนซึ่งกันและกันหรือโต้ตอบกัน
ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้ว่าพวกมันล้วนทรงพลังมากเพียงใด
แต่ทว่าตอนนี้เขาได้ปลดล็อคสมบัติทั้งสี่ไปหมดแล้ว…
เขาสามารถซ้อนทับพวกมันเข้ากันได้
ถ้าจะให้พูดง่าย ๆ ก็คือ ลำพังตัวของ หลินจิ่วเฟิง คนเดียวก็แข็งแกร่งมากอยู่แล้ว แต่เมื่อรวมกับสมบัติทั้ง 4 ทำให้ตัวของ หลินจิ่วเฟิง ราวกับเพิ่มขึ้นมาอีก 4 คน
เขาสามารถแสดงพลังที่แข็งแกร่งกว่าเดิมได้
ในเวลานี้ทุกครั้งที่ หลินจิ่วเฟิง สูดอากาศรอบตัว เขาก็รู้สึกราวกับว่าตนเองกำลังแข็งแกร่งมากขึ้น
ความรู้สึกของความแข็งแกร่งอันไร้ขอบเขตนี้ทำให้ ตัวเขารู้สึกกลัวตัวเอง
เขาได้สบัดมือออกไปเบา ๆ เพียงเล็กน้อย!
บูม!
ความว่างเปล่าได้พังทลายลงทันทีเหมือนกับกระจกเงา
ในช่วงเวลาต่อมา หลินจิ่วเฟิง ก็เอื้อมมือออกไปและซ่อมแซมรูในความว่างเปล่า ในสถานที่นี้ให้กลับคืนสู่สภาพเดิม
“แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”เจ้าแมวขาวมองเห็นฉากนี้มันได้ร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ
หลินจิ่วเฟิง มองไปที่เจ้าแมวขาว
เขายิ้มและตอบกลับ“เจ้าอ่อนแอเกินไป เจ้าควรจะรีบทะลวงสู่ขั้นเทพมนุษย์ให้ได้โดยเร็วที่สุด มิฉะนั้นเจ้าอาจจะถูกข้ารังแกเอาได้ง่าย ๆ”
เจ้าแมวขาวได้พยักหน้าอย่างเคร่งขรึม
อันที่จริงมันก็ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะฝ่าฟันไปในไม่ช้านี้
มันไม่ต้องการปล่อยให้ระยะห่างความแข็งแกร่งระหว่างมันกับหลินจิ่วเฟิงห่างชั้นจนเกินไป
คราวนี้เจ้าแมวขาวไม่คิดว่าตนเองสามารถก้าวนำ หลินจิ่วเฟิง ได้
ในที่สุดมันก็ตระหนักได้ว่าความปราถนาของมันไม่มีทางเป็นจริง
ตอนนี้มันเพียงแค่ต้องการไล่ตามเส้นทางการบ่มเพาะพลังเพื่อไม่ให้ตนเองทิ้งห่าง หลินจิ่วเฟิง
เมี้ยว!
เจ้าแมวขาวได้ร้องออกมาและเริ่มเขียน
“ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นในพระราชวังใต้ดิน ดูเหมือนว่าจะมีบางสิ่งปรากฏตัวขึ้นในส่วนลึกของดินแดนพลังงานด้านลบแห่งนี้”
หลินจิ่วเฟิง มองไปที่ข้อความเหล่านั้นและเร่งเร้าในการถามทันที
“พาข้าไปดูที่นั่น”
เจ้าแมวขาวรีบพา หลินจิ่วเฟิง ไปที่พระราชวังใต้ดิน
พระราชวังใต้ดินนี้เดิมถูกค้นพบโดยนิกายซากศพ พวกเขาถือว่าสถานที่นี้เป็นสมบัติล้ำค่าของพวกเขา แต่น่าเสียดายหลังจากการตายของปราชญ์การต่อสู้สองคนจากนิกายซากศพ พวกเขาก็ไม่กล้าส่งใครมาที่นี่อีก
อีกทั้งพระราชวังที่จอมมารสร้างขึ้นที่นี่ก็ดูไม่สมเหตุสมผล
ในเวลานี้พระราชวังยังคงว่างเปล่าเช่นเคย
หลินจิ่วเฟิง ไม่ได้ลงมาที่นี่หลายปีแล้ว
นี่คืออาณาเขตส่วนตัวของเจ้าแมวขาว
แต่คราวนี้มันตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เป็นผลให้มันล่าถอยกลับไปเรียก หลินจิ่วเฟิง ลงมาดู
เมื่อเดินไปตามทางเดิน หลินจิ่วเฟิง ก็พบพระราชวังอีกครั้ง
หลินจิ่วเฟิง ค้นพบทันทีว่าอักษรอักขระบนพื้นผิวทั่วกำแพงพระราชวังดูเหมือนจะเป็นรูปแบบอาคมป้องกัน
ด้วยความอยากรู้อยากเห็นของเขาหลังจากร่ำเรียนมาจากหนังสือสารานุกรมรูปแบบอาคมทำให้เขาเปิดใช้รูปแบบอาคมป้องกันโดยตรงและเข้าไปในพระราชวัง
พระราชวังนี้ยังคงว่างเปล่าเช่นเคย แต่ที่นี่ได้กลายเป็นสถานที่สะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อย
สิ่งสกปรกก่อนหน้านี้ที่เขาเห็นได้หายไปทั้งหมด
เห็นได้ชัดว่าเจ้าแมวขาวได้ย้ายกองขยะทั้งหมดออกไปและทำความสะอาดสถานที่แห่งนี้
กลางพระราชวังยังคงมองเห็นโลงศพที่ถูกวางเอาไว้
หลินจิ่วเฟิง ได้เดินเข้ามา
เขามองไปรอบ ๆ และกล่าวถาม“สิ่งผิดปกติที่เจ้าว่าอยู่ที่ไหน?”
เจ้าแมวขาวได้กระโดดขึ้นไปบนโลงศพ
และชี้ไปที่ด้านล่างของโลงและเริ่มเขียน
“ใต้โลงศพนี้ เมื่อใดก็ตามที่ตกกลางคืน จะมีกลิ่นอายพลังปีศาจแผ่ออกมาจากใต้โลงศพ บางครั้งก็มีเสียงร้องโหยหวน กระทั่งบางทีที่ข้าหลับไป ข้าก็ฝันเห็นถึงปีศาจนับล้านที่กำลังคืบคลานออกมาจากใต้โลงศพนี้”
หลินจิ่วเฟิง มองไปที่ โลงศพที่ดูสะอาด
เขาเอื้อมมือไปสัมผัสมัน
จากนั้นเขาก็ใช้จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ในการตรวจสอบสภาพโลงศพ
“มีหลุมอยู่ใต้โลงศพงั้นหรือไม่?”หลินจิ่วเฟิว ได้อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ
เขาได้สะบัดนิ้วเล็กน้อย กระแสพลังปราณแท้จริงได้ไหลออกมา
มันค่อย ๆ เคลื่อนโลงศพออกไป
แกร๊ก! แกร๊ก! แกร๊ก!
เจ้าแมวขาวมองดูด้วยความสงสัย
หลังจากเคลื่อนโลงศพไปได้ครึ่งทาง ในที่สุดพวกเขาก็สามารถมองเห็นหลุมลึกได้
บูม!
กลิ่นอายพลังปีศาจอันไร้ขอบเขตได้พวยพุ่งออกมา
มันพยายามกลืนกิน หลินจิ่วเฟิง และ เจ้าแมวขาวโดยตรง
ท่ามกลางกลิ่นอายพลังปีศาจเหล่านี้ มีเสียงร้องโหยหวนของปีศาจนับไม่ถ้วนดังออกมา
“ฮ่าฮ่า! เป็นเวลากว่า 1,500 ปีแล้ว! ในที่สุดข้าก็จะได้กลับไปมองเห็นเดือนเห็นตะวันอีกครั้ง!”
“ครั้งสุดท้ายที่จอมมารนั่นจัดการข้า มันก็ผ่านไปนานกว่า 1,500 ปีแล้ว”
“ในโลกปัจจุบันพวกเราพวกเราสามารถอาละวาดได้อย่างเต็มที่หลังจากถูกกดขี่มานานกว่า 1,500 ปี!”
“กลิ่นอายของโลกใบใหม่นี้ช่างวิเศษซะเหลือเกิน ข้าอยากจะฆ่าคนมากมาย ข้าจะใช้โลหิตและชีวิตของพวกมันเพื่อปลอบประโลมวิญญาณของตนเองที่ถูกกดขี่มานานหลายปี…”
เสียงกรีดร้องและเสียงคำรามนับไม่ถ้วนได้ดังขึ้น
กลิ่นอายพลังปีศาจที่ปลดปล่อยออกมาทำให้เจ้าแมวขาวรู้สึกหวาดกลัวขนของมันลุกตั้งทันที
มันได้ขดหลังและแยกเขี้ยวฟันออกมา
มองเห็นฉากนี้ ใบหน้าของ หลินจิ่วเฟิง ก็กลายเป็นเย็นชา
เขาก้าวไปข้างหน้าโดยตรง
“คิดจะกระทำการชั่วช้าขนาดนี้…”
หลินจิ่วเฟิง ได้ปลดปล่อยพลังเต๋าอันไร้ขอบเขต มันได้หลอมรวมกันเป็นพลังต้านทานกลิ่นอายพลังปีศาจ
กลิ่นอายพลังปีศาจที่พุ่งพล่านได้ถูกระงับโดยสมบูรณ์
เสื้อผ้าของ หลินจิ่วเฟิง ได้กระพือ รัศมีพลังที่เขาปลดปล่อยออกมาไม่มีใครเทียบได้ อีกทั้งดวงตาของเขาในเวลานี้ยังเย็นชาอย่างมาก
“อย่าคิดว่าจะหนีไปไหนได้!”หลินจิ่วเฟิง ได้เอื้อมมือออกไปจับปีศาจในหลุมแห่งนี้
เขาไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะยินยอมหรือไม่เขาได้คว้าตัวและลากเขาออกมาโดยทันที
“เจ้าเป็นใคร?”
“มียอดฝีมือเช่นเจ้าอยู่บนโลกใหม่แห่งนี้ด้วยงั้นหรือไม่?”
“เจ้าเป็นผู้บ่มเพาะพลังขั้นเทพมนุษย์แล้ว?”
“นี่เป็นไปได้อย่างไร”
ปีศาจตัวนี้มีรูปลักษณ์ที่แปลกประหลาด
คอของมันยาวและมีหัวที่ดูเหมือนกับจะหลุดออกจากบ่าได้ทุกเมื่อ
ตอนนี้ หลินจิ่วเฟิง ได้จับหัวของมัน
ใบหน้าของปีศาจคอยาวนี้ได้เปลี่ยนเป็นสีแดงหลังจากเผชิญหน้ากับแรงกดดันของ หลินจิ่วเฟิง
“บอกข้ามาว่าเจ้ามาจากไหน?”หลินจิ่วเฟิงได้กล่าวถาม
“พวกเราคือปีศาจจากถ้ำปีศาจ”ปีศาจคอยาวรู้สึกแย่มาก แต่มันก็ไม่กล้าที่สู้กลับ
ภายใต้กลิ่นอายอันทรงพลังของ หลินจิ่วเฟิง มันไม่สามารถต้านทานได้เลย ทำได้เพียงโต้ตอบคำถามเท่านั้น
หลินจิ่วเฟิง ขมวดคิ้วและกล่าวถามต่อ“ถ้ำปีศาจคืออะไร โลกใหม่คืออะไร ? แล้วเจ้ามาอยู่ที่นี่มีจุดประสงค์อะไร?”
“ถ้ำปีศาจก็คือถ้ำปีศาจ ถ้ำของพวกเรามีมาตั้งแต่เมื่อ 8,000 ปีก่อน”
“สำหรับโลกใหม่ ทุกยุคทุกสมัยล้วนมีวัฏจักรของมัน มีตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงขั้นเสื่อมโทรมลง นี่คือวัฏจักรของยุคสมัย เมื่อความเสื่อมโทรมมาถึง ถ้ำปีศาจก็จะปิดตัวลงและรอยุคสมัยต่อไป”
“และตอนนี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นของ วัฏจักรยุคสมัยใหม่อีกครั้ง โดยพื้นฐานแล้ว ผนึกบนถ้ำปีศาจก็ได้เริ่มคลายออก และ พวกเราก็จะก้าวออกมาสู่โลกหล้าอีกครั้ง”
“พวกเราพยายามจะออกมาตั้งแต่เมื่อ 1,500 ปีก่อน แต่เพราะพลังทางโลกยังไม่ฟื้นตัว และ ยุคสมัยใหม่ยังไม่ได้ถือกำเนิด ด้วยเหตุนี้พวกเราจึงถูกผู้บ่มเพาะพลังปีศาจกดขี่ได้อย่างง่ายดาย”ปีศาจคอยาวได้พูดตอบคำถามอย่างรวดเร็วและแก้ไขข้อสงสัยของ หลินจิ่วเฟิง