80Y-ตอนที่ 61 ทักษะเปลี่ยนแปลงโชคชะตา
หลินจิ่วเฟิงยอมรับโอสถบำรุงเหล่านี้
เขาคิดอยู่ค่อนนาน
แต่ก็ยังนึกไม่ออกว่าใครคือท่านหญิงหง
“อ๊า น่ารำคาญเป็นบ้า เหตุใดข้าถึงนึกไม่ออกนะ”
ในที่สุดเขาก็พยายามเลิกคาดเดาตัวตนของนาง
ในเมื่อท่านหญิงหงทำเพราะมีแรงจูงใจบางอย่าง นางจะต้องปรากฏตัวขึ้นเร็ว ๆ นี้แน่ ถึงตอนนั้น หลินจิ่วเฟิง ก็จะได้รู้ว่านางเป็นใคร
“ที่สำคัญที่สุดตอนนี้ก็คือบ่มเพาะพลังไปยังขั้นต่อไปโดยเร็วที่สุด”
ร่างของ หลินจิ่วเฟิง ได้หายไปจากหน้าทางเข้าของตำหนักเย็น
เขาได้กลับมาลงชื่อเข้าใช้ตามปกติอย่างเงียบ ๆ
เขาได้ลงชื่อเข้าใช้ทุกวัน
ส่วน ลูกน้องของท่านหญิงหง ก็ไม่ได้มาที่ตำหนักเย็นอีกเลย
ราวกับว่าท่านหญิงหงนี้ไม่ได้มีตัวตนตั้งแต่แรก
โชคดีที่ หลินจิ่วเฟิง ไม่ได้อยากรู้อยากเห็นมากนัก
ถึงท่านหญิงหง จะไม่ได้มา ชีวิตของเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย
เขายังคงลงชื่อเข้าใช้สถานที่ ฝึกฝน และ สร้างความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง
ในัวนนี้ หลินจิ่วเฟิง ได้ยืนอยู่หน้าลานที่พัก
ร่างกายของเขาเหยียดตรง
และสวมใส่ชุดคลุมสีม่วงขณะจับคู่กับเฉดสีสมพูของต้นซากุระ ฉากนี้ดูเหมือนฉากที่มักถูกบรรยายในภาพวาดที่มีชีวิตชีวา
เมี้ยว!
เจ้าแมวขาวได้ยืนอยู่บนกำแพงลานที่พักและเฝ้ามองดูอย่างเงียบ ๆ
วันนี้ หลินจิ่วเฟิง ดูค่อนข้างหดหู่
เจ้าแมวขาวไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
มันได้คำนวณเวลา
ดูเหมือนว่า หลินจิ่วเฟิง จะรู้สึกหดหู่ในใจทุกวันและเดือนเฉพาะวันนี้ของทุกปี
ชายผู้นี้มีอะไรให้หนักใจถึงขนาดทำให้ตนเองซึมเศร้าสองสามวันแบบนี้ของทุกปี?
เจ้าแมวขาวได้กระโดดลงมาจากกำแพงและมายืนที่ด้านหน้าของ หลินจิ่วเฟิง
มันได้เขียนถาม…
“เจ้ามักจะรู้สึกหดหู่ใจทุกวันและเดือนนี้ของทุกปีเพราะอะไร?”
หลินจิ่วเฟิง เหลือบมองไปที่เจ้าแมวขาว
จากนั้นเขาก็มองไปที่ต้นซากุระ
เขาเอามือไขว่หลังและตอบกลับอย่างแผ่วเบา“เพราะวันนี้เป็นวันครบรอบการเสียชีวิตของน้องชายข้า”
เจ้าแมวขาวกล่าวถามหลินจิ่วเฟิงอย่างสงสัย
มันเขียนถามต่อ“เจ้ามีน้องชายด้วยงั้นหรือ?”
“เจ้าแมวโง่ ถ้าข้าไม่มีน้องชาย แล้วเหตุใด จักรพรรดิหลินเทียนหยวน ถึงเรียกข้าว่าท่านลุงเล่า?”หลินจิ่วเฟิง ตอบกลับ
เจ้าแมวขาวดูหงุดหงิด
มันปิดตาลงและร้องไห้ให้กับความโง่เขลาของตัวเอง
“น้องชายเจ้าจากไปนานแค่ไหนแล้ว?”เจ้าแมวขาวได้เปลี่ยนเรื่อง
หลินจิ่วเฟิง ได้ชีดนิ้วของเขาและตอบกลับ“ต้นซากุระนี้ถูกปลไว้ที่ลานที่พักตอนที่เขาจากไป ย้อนกลับไปมันเป็นเพียงแค่ต้นกล้าเล็ก ๆ แต่ตอนนี้มันตั้งสูงตระหง่านและแข็งแรงมากแล้ว”
หลินจิ่วเฟิง ดูซึมเศร้าเมื่อพูดถึงฉากนี้
ในโลกนี้ นอกเหนือจากเส้นทางการบ่มเพาะพลังที่เขาสนใจแล้ว…
เขาก็มีคนที่สำคัญที่รักษาไว้ในใจ
จักรพรรดิหยวน-จักรพรรดิหยวนมักจะเรียกเขาว่า ‘พี่ใหญ่’ เสมอ
ความรู้สึกดีของเขาที่มีต่อจักรพรรดิหยวนดีกว่า หลินเทียนหยวน
เพราะท้ายที่สุดพวกเขาก็เกิดมาเป็นพี่น้องกัน
แม้ว่าโดยส่วนใหญ่จะสื่อสารกันได้ไม่ดีแต่พวกเขาก็เข้าใจซึ่งกันและกัน
เป็นเวลากว่า 1-2 ทศวรรษแล้ว นับตั้งแต่จักรพรรดิหยวนจากไป หลินจิ่วเฟิง มักจะรู้สึกหดหู่ในวันเดือนนี้ของทุกปี
เขาสามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้
ตราบใดที่เขาไม่คิดเกี่ยวกับมัน มันก็ไม่มีทางทำร้ายเขา
แต่วันนี้มันแตกต่างออกไป
เมื่อ หลินจิ่วเฟิง เห็นต้นซากุระต้นนี้ ความคิดของเขาก็เริ่มปั่นป่วนทำให้เขาพบว่ามันยากที่จะปราบปรามความคิดเหล่านี้
ต้นอ่อนซากุระในสมัยนั้น
วันนี้เขาได้ตระหนักว่ามันเติบโตขึ้นมากแล้ว
ในสมัยที่มันยังเล็ก-มันคือวันที่น้องชายของเขาได้จากโลกนี้ไป
ดังนั้น หลินจิ่วเฟิง จึงไม่มีอารมณ์ที่จะฝึกฝนในวันนี้
เขาหันหลังกลับและจากไป
เมี้ยว!
เจ้าแมวขาวร้องตามทันที
“ข้าจะไปเยี่ยมน้องชายของข้า เจ้าอยู่เฝ้าตำหนักเย็นให้ดี”หลินจิ่วเฟิง ได้จากไป
เมี้ยว!
เพียงแต่ เจ้าแมวไม่สนใจ
มันกระโดดขึ้นไปบนไหล่กว้างของ หลินจิ่วเฟิง และ ขดตัว
หลินจิ่วเฟิง ไม่ได้สนใจเขาพาเจ้าแมวขาวไปที่สุสานหลวง
จักรพรรดิในอดีตของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาล้วนถูกฝังอยู่ที่นี่
บิดาของ หลินจิ่วเฟิง และ จักรพรรดิหยวน ก็ถูกฝังที่นี่เช่นเดียวกัน
หลุมฝังศพของบิดาของเขาใหญ่โตและหรูหราอย่างมาก
มันถูกสร้างขึ้นโดยจักรพรรดิหยวนในตอนนั้น
เมื่อพูดถึงหลุมฝังศพของจักรพรรดิหยวน แม้ว่ามันจะยิ่งใหญ่ แต่มันก็โทรมมากเมื่อเทียบกับหลุมฝังศพของบิดาเขา
หลินจิ่วเฟิง ได้ยืนอยู่ด้านหน้าหลุมฝังศพของจักรพรรดิหยวน
เขามองไปที่สุสานโดยรอบทันใดนั้นความคิดของเขาก็เริ่มพลุ่งพล่าน
“ข้าดูแลบุตรชายเจ้ามาตลอดหลายปีนี้ แม้ว่าเขาจะค่อนข้างประมาทและทำผิดพลาดอยู่บ่อยครั้ง แต่ข้าก็พยายามช่วยเขาแก้ไขปัญหา อย่างไรก็ตาม น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถอยู่จนถึงแก่เฒ่าได้อีกต่อไป”
ที่หน้าหลุมฝังศพของจักรพรรดิหยวน หลินจิ่วเฟิง รู้สึกผิด
เพราะท้ายที่สุด หลินเทียนหยวน ก็คือคนที่จักรพรรดิหยวนเลือก
ในฐานะลุงของเขา หลินจิ่วเฟิง กล่าวว่าจะดูแลอีกฝ่าย แต่ทว่า หลินเทียนหยวน กลับเหลือเวลาชีวิตอีกแค่ 40 ปีเท่านั้น
“โดยพื้นฐานแล้วการปฏิรูปของเจ้าก่อนหน้านี้ได้สำเร็จไปแล้ว หลินเทียนหยวนได้ประสบความสำเร็จในการปฏิรูปโลกนี้ ในที่สุดเขาก็รู้วิธีการจัดการดูแลราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาอย่างเหมาะสม ดังนั้นเจ้าไม่จำเป็นจะต้องกังวลอีกต่อไปแล้ว”
“วันนี้ข้าสังเกตุเห็นต้นซากุระที่ข้าปลูกในปีที่เจ้าจากไปมันได้ตั้งตระหง่านและแข็งแรง”
หลินจิ่วเฟิง มักจะจดจ่ออยู่กับการบ่มเพาะพลังจนแทบจะละเลยเรื่องดังกล่าวก่อนหน้านี้
“เจ้าจากไปกว่า 20 ปีแล้ว”หลินจิ่วเฟิงได้พึมพัมออกมา
เขาได้ถอนหายใจและมองไปที่หลุมฝังศพของจักรพรรดิหยวน
ขณะที่เขากำลังรำลึก หลินจิ่วเฟิง ก็พึมพัมออกมามากมายและช่วยจักรพรรดิหยวนทำความสะอาดหลุมฝังศพของเขา
จากนั้นเขาก็ยืนอยู่ด้านหน้าหลุมฝังศพและคำนับ
[คุณต้องการลงชื่อเข้าใช้สุสานจักรพรรดิหยวนหรือไม่?]
หลินจิ่วเฟิง รู้สึกตกตะลึง
เขาสามารถลงชื่อเข้าใช้ที่นี่ได้หรือไม่?
แต่สถานที่แบบนี้มันจะมีอะไรได้?
แต่หลินจิ่วเฟิงไม่ใช่คนโง่ เขาได้ตอบตกลงในทันที
[ลงชื่อเข้าใช้สำเร็จได้รับทักษะเปลี่ยนแปลงโชคชะตา]
หลินจิ่วเฟิงรู้สึกตกตะลึง
“ทักษะเปลี่ยนแปลงโชคชะตานี้คืออะไร?”หลินจิ่วเฟิง อดไม่ได้ที่จะสงสัย
บูม!
ทันใดนั้นข้อมูลจำนวนมากก็หลั่งไหลเข้ามาในจิตใจของ หลินจิ่วเฟิง
เพียงชั่วลมหายใจสั้น ๆ หลินจิ่วเฟิง ก็ได้ลืมตาตื่นขึ้นและมองไปที่สุสานจักรพรรดิหยวนด้วยความประหลาดใจ
[ทักษะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาสามารถเปลี่ยนแปลงผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งให้กลายเป็นอ่อนแอ หรือปรับเปลี่ยนชะตากรรมของคน ๆ หนึ่ง]
บทนำนั้นเรียบง่าย แต่ข้อมูลนั้นล้ำลึกอย่างสุดแสน
“มันสามารถเปลี่ยนชะตากรรมของคนที่ตายไปแล้วให้ฟื้นกลับมาได้หรือไม่?”หลินจิ่วเฟิงกล่าวถามอย่างตื่นเต้น
หากทำได้ จักรพรรดิหยวน ที่เขาพลาดไปในอดีตจะสามารถฟื้นคืนชีพกลับมาได้
[โฮสต์ต้องคิดเอาเอง นี่ไม่ใช่คำถามที่เรียบง่าย!]
หลินจิ่วเฟิง ได้ยิ้มออกมา“ข้ารู้ว่านี่มันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ไม่เป็นไร เพื่อให้จักรพรรดิหยวนได้เห็นแสงสว่างอีกครั้ง ข้าจะทำให้ดีที่สุด”
หลินจิ่วเฟิง รู้สึกเสมอว่าการตายของจักรพรรดิหยวนเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย
บัดนี้เขามีความหวังเพียงเล็กน้อยในการฟื้นคืนชีพจักรพรรดิหยวน
[การเปลี่ยนแปลงชะตากรรมจะถูกสวรรค์พิโรธ!]
หลินจิ่วเฟิง เพิกเฉยต่อประโยคนี้
เขาคุกเข่าและเอื้อมมือไปเช็ดฝุ่นบนหลุมฝังศพของจักรพรรดิหยวนและกล่าวอย่างหนักแน่น“เจ้ารอพี่ใหญ่อยู่ที่นี่ สักวันหนึ่งพี่ใหญ่จะทำให้เจ้าตื่นขึ้นมาพบกับโลกที่สดใสอีกครั้งอย่างแน่นอน เจ้าจะได้เห็นโลกใบใหม่หลังฝนตกในครานั้น”
จักรพรรดิหยวน มีความสามารถมาก เมื่อเทียบกับ หลินจิ่วเฟิง คนก่อน
เมื่อเขาฟื้นขึ้นมาอีกฝ่ายจะต้องโดดเด่นในโลกใบใหม่นี้อย่างแน่นอน
ในวันที่เขาฟื้นคืนชีพราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาจะไม่ต้องการให้เขาปกป้องอีกต่อไป
ด้วยความคิดนนี้ หลินจิ่วเฟิง ได้ลุกขึ้นยืน
เขาหันหลังและเดินออกไปในทันที
เขาต้องการกลับไปเริ่มต้นการบ่มเพาะพลังในขั้นเทพมนุษย์ต่อโดยเร็วที่สุด เขาต้องการเห็นสิ่งที่ตัวเองสามารถทำได้มากกว่านี้ อีกทั้ง เขายังต้องการศึกษาทักษะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาด้วย
มันเป็นไปไม่ได้อย่างยิ่งที่จะชุบชีวิตคน ๆ นึงที่เสียชีวิตไปเกือบ 20 ปี โดยที่ไม่มีความแข็งแกร่งและความสามารถที่เพียงพอ
‘อย่างแรกข้าต้องก้าวข้ามด่านไร้สิ้นสุดให้ได้ก่อน!’ หลินจิ่วเฟิง ได้พึมพัมกับตัวเอง
ระหว่างการเดินทางจากสุสานหลวงไปยังตำหนักเย็น หลินจิ่วเฟิง ได้เดินอย่างมั่นคงและต่อเนื่อง
บูม!
ทันทีที่เขาเข้าสู่ตำหนักเย็น ร่างกายของ หลินจิ่วเฟิง ก็สั่นเทา
เขาได้ก้าวข้ามไปยังช่วงต่อไป
เขาได้สั่งสมรากฐานการบ่มเพาะพลังไว้เป็นเวลานานจนในที่สุดเขาก็ผ่านจุดติดขัดเดียวซึ่งก็คือความเสียใจบางอย่าง เมื่อความเสียใจของเขาได้รับการแก้ไขหลังจากไปเยี่ยมชมสุสานหลวง-เขาก็ทะลวงผ่านช่วงพลังโดยธรรมชาติ