432 - ปลุกระดม
432 - ปลุกระดม
“ปู่หกพูดถูกพวกเราเติบโตขึ้นมาจากเมืองเดียวกันจึงเป็นเหมือนญาติสนิทดังนั้นเราควรช่วยเหลือกัน ความเมตตาของทุกคนนั้นข้าจดจำไว้อย่างแน่นอน!”
เอี้ยนลี่เฉียงยิ้มและสำรวจบริเวณโดยรอบของเขา ในขณะที่ทุกคนในลานบ้านต่างก็เงี่ยหูพยายามฟังคำพูดของเอี้ยนลี่เฉียง
“สิ่งแรกที่ข้าอยากทำเมื่อกลับมาคือการสร้างสนามยิงธนู เด็กหนุ่มทุกคนของเมืองเราสามารถเข้าเรียนที่นี่ได้และข้าจะเป็นคนสอนให้พวกเขายิงธนูด้วยตัวเอง!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนในลานบ้านร้องออกมาด้วยความยินดีคนส่วนใหญ่หน้าแดงด้วยความตื่นเต้น ปู่หกถอนหายใจยาวและยืนขึ้นพร้อมกับประสานมือ
“มันเป็นความเอื้ออาทรอย่างแท้จริงสำหรับเจ้าที่จะเปิดสนามยิงธนูหลังจากกลับมาที่เมืองหลิวเหอและสอนศิลปะการยิงธนูให้กับเหล่าเด็กหนุ่มพวกนี้ แม้ว่าข้าจะแก่แล้วแต่ก็ต้องขอขอบคุณเจ้าแทนพวกเขาทุกคน!”
เอี้ยนลี่เฉียงและผู้คนรอบๆโต๊ะหลักยืนขึ้นอย่างรวดเร็วทันทีที่พวกเขาเห็นปู่หกยืนขึ้น เอี้ยนลี่เฉียงรีบประคองปู่หกขึ้นอย่างรวดเร็วและกล่าวว่า
“ท่านปู่ ท่านทำเช่นนี้ไม่ได้!”
ปู่ที่หกดิ้นรนอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะตระหนักถึงความแข็งแกร่งอันยิ่งใหญ่ในมือของเอี้ยนลี่เฉียง ในขณะนั้นเองที่เขาหันกลับมามองทะเลผู้คนนั่งอยู่ที่ลานบ้าน เขาเดือดพล่านด้วยความโกรธและกระแทกโต๊ะพร้อมกับตวาดออกมาว่า
“เจ้าโง่! เจ้ากำลังจ้องมองอะไร เจ้าไม่รู้หรือว่าลี่เฉียงเป็นราชองครักษ์ติดอาวุธระดับห้าในเมืองหลวงและจักรพรรดิยังขอให้เขาเป็นอาจารย์สอนยิงธนูของรัชทายาท?
ถ้าลี่เฉียงอยู่ในเมืองหลวงและไม่กลับมา บุคคลเดียวที่สามารถเรียนรู้การยิงธนูจากเขาได้คือว่าที่จักรพรรดิคนต่อไปแห่งจักรวรรดิฮั่น
แม้แต่ลูกหลานของขุนนางระดับสูงในราชสำนักก็ไม่มีวาสนาได้เรียนวิชายิงธนูจากเขา สำหรับลี่เฉียงที่จะเปิดสนามยิงธนูเพื่อสอนเด็กๆทุกคนในเมืองหลิวเหอเจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกเจ้าจะมีโอกาสได้รับวาสนาทัดเทียมกับองค์รัชทายาท
หากปราศจากลี่เฉียง ไม่ว่าแสงไฟจะสว่างเพียงใดก็ตามบนหลุมศพของบรรพบุรุษของเจ้าในทุกชั่วอายุ เจ้าก็จะไม่สามารถพบกับโอกาสที่ดีเช่นนี้ได้อีก พวกเจ้ายังต้องให้ข้าสอนอีกหรือว่าต้องทำยังไง?”
ด้วยความโกรธของปู่ที่หก ทุกคนในลานบ้านก็กลับมาสู่ความเป็นจริงและลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วก่อนจะแสดงความกตัญญูต่อเอี้ยนลี่เฉียงภายในชั่วพริบตา
คำพูดของเอี้ยนลี่เฉียงก็แพร่กระจายไปยังผู้คนที่อยู่ด้านนอกของลานบ้านในทันที และเด็กหนุ่มที่ไม่สามารถเข้ามาด้านในเมื่อได้ยินเรื่องนี้ต่างก็โห่ร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น
ในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ เสียงโห่ร้องก็ดังลั่นบ้านตระกูลเอี้ยนโดยที่ทุกคนยืนขึ้น พวกเขาผลักเก้าอี้ออกและแสดงความขอบคุณต่อเอี้ยนลี่เฉียงอย่างนอบน้อม
เสียงยังคงดำเนินต่อไปอีกสองสามนาทีก่อนที่สถานการณ์จะเริ่มคลี่คลาย ผู้ใหญ่กลับมาที่ที่นั่งโดยมีเพียงคนหนุ่มสาวที่ยังคงยืนอยู่ที่ลานบ้าน
ในขณะนั้นทุกคนตื่นเต้นและแทบรอไม่ไหวที่จะเริ่มบทเรียนแรกจากเอี้ยนลี่เฉียง ในโลกนี้มีผู้ใดบ้างที่ไม่ต้องการเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน โอกาสของพวกเขามาถึงแล้วจะไม่ให้พวกเขาตื่นเต้นได้อย่างไร
การชี้แจงของเอี้ยนลี่เฉียงในเรื่องนี้ทำให้บรรยากาศในงานเลี้ยงมีชีวิตชีวาขึ้นกว่าเดิม มันก็เหมือนกับการสาดน้ำใส่น้ำเข้าไปในกองไฟที่กำลังเดือดพล่าน
“ลี่เฉียง เจ้าบอกว่าการเปิดสนามยิงธนูเป็นสิ่งแรกที่เจ้าอยากทำเมื่อเจ้ากลับมา หากมีสิ่งอื่นที่เจ้าต้องการทำเพียงแค่บอกเรา ข้าจะช่วยเหลือเจ้าทุกอย่างต่อให้กระดูกของข้าจะต้องลงไปในวันนี้ก็ตาม…” ปู่หกพูดอย่างตื่นเต้นหลังจากกลับมานั่ง
“ท่านปู่เป็นคนที่ได้เห็นโลกมามากแล้วและประสบกับความโกลาหลของสงคราม นั่นก็หมายความว่าท่านคงรู้ดีอยู่แล้วว่าเมืองหลิวเหอไม่ได้มีกำแพงที่สามารถปกป้องตัวเองได้
ในขณะเดียวกันถนนก็เปิดโล่ง ซึ่งหมายความว่าใครๆก็สามารถบุกเข้าสู่เมืองของเราได้อย่างง่ายดาย
โดยปกติสภาพแวดล้อมประเภทนี้จะปลอดภัย แต่ถ้าเราเผชิญสงครามหรือถูกโจรปล้น มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะปกป้องผู้คนของเรา แม้ว่าแคว้นกานจะสงบสุขในตอนนี้แต่มันจะไม่ใช่ในอนาคตอย่างแน่นอน!”
“ลี่เฉียงถูกต้อง!”
ปู่หกและคนสำคัญของเมืองที่นั่งอยู่ด้วยกันที่โต๊ะหลักอุทานและพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของเอี้ยนลี่เฉียง หลังจากนั้นปู่หกก็คร่ำครวญว่า
“แคว้นกานเดิมเป็นสนามรบหลักอยู่แล้ว ตอนนี้จำนวนโจรและทหารที่ปลอมตัวเป็นโจรก็มีมากมายมหาศาล ในไม่ช้าความโกลาหลจะเกิดขึ้นกับเมืองเรา
พวกเจ้าไม่สังเกตหรือว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาพวกคนป่าเถื่อน และทหารต่างก็มีท่าทางแปลกๆ เมื่อข้าเข้าร่วมกองทัพในตอนที่ยังเด็กข้าเคยเห็นสถานการณ์แบบนี้มาแล้วซึ่งเชื่อว่าจะเกิดสงครามขึ้นในไม่ช้า
ปัจจุบันยังมีโจรปล้นคนในแคว้นกานค่อนข้างมาก ถนนที่อยู่ไกลจากตัวเมืองก็ไม่ปลอดภัยเช่นกัน อันที่จริงเราต้องไม่ละเลยการป้องกันอันตรายสำหรับคนรุ่นต่อไปในอนาคต มิฉะนั้นหากมีอะไรเกิดขึ้นมันก็จะสายเกินไปสำหรับความสำนึกผิด
เจ้าเห็นไหมว่าเมืองอื่นๆที่มีตระกูลใหญ่ๆในแคว้นผิงซีได้สร้างกำแพงที่เข้มแข็ง ซึ่งแม้แต่โจรหลายร้อยคนก็ไม่สามารถทำลายได้หากเราทำทุกอย่างเสร็จสิ้นอย่างน้อยๆพวกเราก็จะสบายใจไปหลายปี…”
เอี้ยนลี่เฉียงยิ้มและกวาดสายตาไปที่ฝูงชนในลานบ้าน
“ท่านปู่พูดถูก ข้าได้พูดคุยกับพ่อของข้าเมื่อคืนนี้ และเราได้ตัดสินใจว่าตระกูลเอี้ยน จะออกค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างกำแพงขนาดใหญ่รอบหมู่บ้านเพื่อให้ทุกคนปลอดภัยจากโจรร้าย
เราจะขยายเมืองหลิวเหอ สร้างกำแพงและหอคอยสำหรับป้อมปราการ และจัดระเบียบทหารลาดตระเวนรุ่นเยาว์
ข้าจะเริ่มฝึกฝนพวกเขาเป็นการส่วนตัวแม้ว่าจะไม่มีโจรร้ายเข้ามาปล้นชิงเมืองของเราแต่เด็กๆพวกนี้ก็จะมีอนาคตต่อไปในภายภาคหน้า”
“นี่เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมจริงๆ…!” ปู่หกยกนิ้วให้เอี้ยนลี่เฉียงและกล่าวต่อ
“ข้าก็จะช่วยเหลือด้วยลี่เฉียง ข้ายังมีเงินอยู่ร้อยตำลึงจากเงินบำนาญหลังเกษียณ ซึ่งข้าจะบริจาคมันเพื่อพัฒนาบ้านเมืองของเรา ในขณะที่ลูกหลานของข้าก็จะช่วยเหลือด้านแรงงานอีกด้วย!”
"ถูกต้อง นี่คือเมืองของเราพวกเราไม่อาจปล่อยให้ลี่เฉียงและตระกูลเอี้ยนเสียสละคนเดียวได้ พวกเราทุกคนต้องช่วยเหลือกัน…” ชายชราจากตระกูลหลี่ที่นั่งอยู่ในโต๊ะเดียวกันก็ตะโกนออกมา
เมื่อคนอื่นๆเห็นเช่นนั้น ทุกคนก็ประกาศว่าพวกเขาจะบริจาคเงินหรือออกแรงเพื่อสร้างกำแพงเมืองให้แล้วเสร็จ
ทันทีที่ข่าวของตระกูลเอี้ยนบริจาคเงินเพื่อสร้างป้อมปราการกระจายไปทั่วงานเลี้ยง เสียงโห่ร้องก็ดังขึ้นจากด้านในและด้านนอกของลานบ้าน
ข่าวนี้เป็นสิ่งที่ดีสำหรับชาวเมืองอย่างแน่นอน ในฐานะพลเมืองธรรมดาของเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อาศัยอยู่ในแคว้นกาน สิ่งที่พวกเขาต้องการก็คือการอยู่ในที่ที่ปลอดภัย
ดังนั้นเมื่อตระกูลเอี้ยนซึ่งเป็นผู้ปกครองเมืองนี้เสนอออกมาทุกคนย่อมเห็นด้วยอย่างไม่ลังเล
เมื่อฝูงชนยังคงคึกคักไปด้วยเสียงและความตื่นเต้น พ่อบ้านโจวเหวินต้าแห่งบ้านตระกูลเอี้ยน ได้เดินเข้าไปในลานภายในอย่างรวดเร็วผ่านประตูหลักและกระซิบอะไรบางอย่างกับเอี้ยนลี่เฉียงและเอี้ยนเต๋อชาง
ในขณะนั้นเอี้ยนลี่เฉียงลุกขึ้นยืนทันทีและพูดว่า
“ท่านพ่อท่านอยู่ที่นี่ก่อน ข้าจะไปคนเดียว!”
เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงพูดจบเขาก็ขอโทษทุกคนในโต๊ะและเดินตามโจวหงต้าออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่เขาก้าวออกจากลานบ้าน เขาก็มองเห็น เฉียนซู โจวหย่ง ลู่เหวินปิงและผู้คนประมาณยี่สิบคนบนม้าแรดที่รออยู่ด้านนอกของบ้านตระกูลเอี้ยน
เฉียนซู โจวหย่งและคนอื่นๆสวมเสื้อคลุมและเครื่องแบบทหาร ยกเว้น ลู่เหวินปิง
โจวหย่งและทหารสองสามนายจากย่านโรงตีเหล็กแต่งกายด้วยชุดทหารเต็มยศและพกพาอาวุธประจำทำให้เขามีความองอาจกล้าหาญเป็นอย่างมาก
ฝูงชนภายในลานบ้านตระกูลเอี้ยนต่างก็เหลือบมองไปยังพวกเขาด้วยความตื่นเต้น
เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงเห็นการมาถึงของพวกเขา ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มสดใสในขณะที่เขาประสานมือกล่าวว่า
“ลุงเฉียน พี่ลู่ พี่ใหญ่โจว ข้ารอพวกท่านมาทั้งวันแล้ว…”
เฉียนซูกลืนน้ำลายขณะที่เขากระโดดลงจากม้าแรดของเขาและวิ่งเหยาะๆไปที่เอี้ยนลี่เฉียงด้วยดวงตาเป็นประกายเจิดจ้า หลังจากที่มองเอี้ยนลี่เฉียงอย่างจริงจังตั้งแต่หัวจรดเท้าเขาก็หันกลับไปมองบุคคลที่ด้านหลังแล้วกล่าวว่า
“หัวหน้าช่างตีเหล็กเฉียนซูโรงผลิตอาวุธมณฑลหวงหลงจากแคว้นผิงซีภายใต้สังกัดของเขตปกครองพิเศษกานขอแสดงความเคารพแม่ทัพใหญ่!”
“ลุงเฉียน พี่ใหญ่โจว พวกท่านกำลังเล่นตลกแล้ว!”
เอี้ยนลี่เฉียงหัวเราะคิกคักและรีบรั้งเชียนซูไว้ด้วยแขนของเขา และกล่าวต่อว่า
“พวกเราคือครอบครัวเดียวกันอย่าทำแบบนี้!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า…” เฉียนซู โจวหย่งและคนอื่นๆมองหน้ากันก่อนที่จะปล่อยเสียงหัวเราะออกมา
“พี่ใหญ่โจวพวกท่านก็รู้เรื่องนี้แล้ว!”เอี้ยนลี่เฉียงหัวเราะขณะที่เขาตบไหล่ของโจวหย่งเบาๆ
โจวหย่งและเจ้าหน้าที่จากย่านโรงตีเหล็กยิ้มและหัวเราะกับการแสดงทัศนคติของเอี้ยนลี่เฉียง
“ลู่เหวินปิงคำนับนายน้อย!”
พ่อบ้านลู่ยิ้มขณะที่เขาเดินเข้ามาพร้อมกับคนสองสามคนจากตระกูลลู่ซึ่งกำลังโค้งคำนับให้เอี้ยนลี่เฉียงด้วยความเคารพ
"พวกเราคือครอบครัว พี่ใหญ่ลู่ท่านทำตัวห่างเหินเกินไปแล้ว!“เอี้ยนลี่เฉียงเหลือบมองคนอื่นๆที่ติดตามพ่อบ้านลู่และพูดว่า”สุขภาพของนายผู้เฒ่าเป็นอย่างไรบ้าง"
“นายผู้เฒ่ามีสุขภาพดีเยี่ยม เมื่อคืนเขาได้รับจดหมายแจ้งการกลับมาของนายน้อยๆ เรื่องนี้ทำให้นายผู้เฒ่ามีความสุขมากและในคืนเดียวกันนายผู้เฒ่าก็ได้ส่งนักทำบัญชีที่ดีที่สุดของตระกูลมาให้นายน้อยสามคน…”
“ท่านอย่าได้โกรธเคืองข้าเลยพี่ลู่ หลังจากนี้จะมีงานมากมายดังนั้นข้าจึงต้องการคนที่มีความสามารถมาช่วยเหลือ!”
ลู่เหวินปิงถอนหายใจและยิ้มอย่างขมขื่นออกมา
“ข้ารู้สึกปลาบปลื้มที่นายน้อยนึกถึงข้าเป็นคนแรก!”
แม้ว่าลู่เหวินปินจะยิ้มอย่างขมขื่น แต่เขาก็มีความสุขมากเมื่อรู้ว่าเอี้ยนลี่เฉียงได้ขอให้นายผู้เฒ่าลู่ส่งเขามาทำงานที่นี่มีพนักงานบัญชีมากมายในตระกูลลู่แต่เอี้ยนลี่เฉียงก็เลือกเขาโดยตรง
ในแง่หนึ่งการกระทำนี้ได้ยกระดับตำแหน่งของเขาภายในตระกูลลู่ทันที เข้าบ้านคนอื่นๆเริ่มแสดงมารยาทต่อเขามากขึ้นในขณะที่นายผู้เฒ่าลู่ก็เริ่มมองเขาในแง่ที่ดีกว่าเดิม