ตอนที่แล้ว387-388
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป391-392

389-390


5/6

Ep.389

ใช้เวลาสักพัก ซูเฉินก็ปิด [พื้นที่เพาะปลูก] แล้วเริ่มหลับตาลงเพื่อพักผ่อน

แต่ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา [รถศึกอัจฉริยะ] จู่ๆก็แจ้งเตือนเขา “เจ้านาย ปรากฏร่องรอยของสิ่งมีชีวิตต่างเผ่าและพวกซอมบี้อยู่ข้างหน้าเรา”

หัวใจของซูเฉินเต้นแรง ลืมตาขึ้น และมองไปยังหน้าจอควบคุมส่วนกลาง

พบว่าในตำแหน่งที่เรียกว่าเทือกเขาฉางกู่ มีจุดสีแดง , สีน้ำเงิน และสีดำจำนวนมากกำลังรวมตัวกัน เป็นจำนวนนับหมื่น

มนุษย์ ซอมบี้ และพวกต่างเผ่ามารวมตัวกันเช่นนี้ คาดว่าจะต้องมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นในเทือกเขาฉางกู่อย่างแน่นอน

“เสี่ยวจือ ไปที่เทือกเขาฉางกู่” ซูเฉินสั่ง

จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่นั่นก็ช่างเถอะ ขอแค่มีซอมบี้และพวกต่างเผ่าอยู่เป็นจำนวนมากก็พอ เพราะเขาจะได้กำจัดพวกมันให้หมด! แล้วดรอปชิ้นส่วนเยอะๆ

[รถศึกอัจฉริยะ] พอได้รับคำสั่ง ก็เร่งเครื่องไปยังเทือกเขาฉางกู่

ครึ่งชั่วโมงต่อมา พวกซูเฉินก็มาถึงที่หมาย

ในเวลานี้ บนเชิงเขา มีกองกำลังจำนวนมากรวมตัวกันอยู่

ไม่ว่าจะมนุษย์ ซอมบี้ หรือสิ่งมีชีวิตต่างเผ่า กระทั่งสัตว์กลายพันธุ์ฝูงใหญ่ก็ยังมารวมกันอยู่ที่นั่น

แล้วอีกอย่าง ดูจากอิริยาบถของกันและกันแล้ว คล้ายต่างฝ่ายเหมือนกำลังอยู่ในสถานการณ์เผชิญหน้า

ขณะที่ซูเฉินตั้งใจจะแวะเข้าไปดู เขาก็พบว่ามีรถฐานทัพคันหนึ่งวิ่งสวนเข้ามา

“เสี่ยวจือ หยุดรถฐานทัพคันนั้นไว้”

ซูเฉินเห็นได้อย่างชัดเจน ว่ารถฐานทัพคันนี้แยกตัวออกมาจากกองกำลังเหล่านั้น เขาจะต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงคิดเอ่ยถาม

เอี๊ยดดดด!

รถฐานทัพที่กำลังเร่งความเร็วถูก [รถศึกอัจฉริยะ] ขวางไว้ เพื่อไม่ให้ปะทะ จำต้องเบรกกะทันหัน

ต่อมา ชายวัยกลางคนที่มีเคราสีแดงได้ก้าวลงจากรถ

พอเท้าแตะพื้น เขาก็ตะโกนมาทาง [รถศึกอัจฉริยะ] ด้วยความโกรธเคือง “แกเป็นใคร ทำไมถึงขวางทางพวกเรา?”

“ขอโทษครับคุณลุง”

ซูเฉินก้าวลงจากรถ เอ่ยทักทายชายเคราแดง จากนั้นอธิบายว่า “ผมแค่มีเรื่องจะถามคุณ พวกเราพอจะคุยกันได้ไหม?”

เนื่องจากเขาเป็นคนเริ่มขวางอีกฝ่าย พฤติกรรมเช่นนี้ออกจะไร้มารยาทไปหน่อย เลยจำเป็นต้องใช้น้ำเสียงที่สุภาพเป็นพิเศษ

เมื่อเห็นทัศนคติของซูเฉินค่อนข้างดี ชายเคราแดงก็ถอนหายใจ แล้วถามว่า “ฉันกำลังยุ่ง มีเรื่องอะไร รีบๆว่ามา”

“เกิดอะไรขึ้นข้างหน้าหรอครับ? ทำไมกองกำลังมากมายถึงมารวมตัวกันที่นี่?” ซูเฉินถามตรงเข้าประเด็น

ชายเคราแดงลังเลเล็กน้อย ในที่สุดก็ยอมบอกว่า “บนยอดเขาของเทือกเขาฉางกู่  มีหินต้นกำเนิดพลังงานเลเวล 5 ปรากฏขึ้น คนจากหลายขุมกำลังใหญ่เลยกำลังโต้เถียงกัน ว่าจะแบ่งมันอย่างไร?”

“หินต้นกำเนิดพลังงานเลเวล 5 !” ดวงตาของซูเฉินเป็นประกายขึ้นในทันใด

หินต้นกำเนิดพลังงานเลเวล 5 ยากนักที่จะเจอ และมันมีค่ามหาศาล ทั้งยังเป็นสิ่งที่ซูเฉินต้องการมากในตอนนี้

[รถศึกอัจฉริยะ] ปัจจุบันอยู่ในเลเวล 4 และหากต้องการอัพเกรดมันเป็นเลเวล 5 นั่นหมายความว่าต้องมีหินเลเวล 5 เตรียมพร้อมไว้ติดตั้งให้มัน

ดังนั้น เมื่อรู้ว่ามีหินต้นกำเนิดพลังงานเลเวล 5 อยู่ข้างหน้า ซูเฉินก็ตัดสินใจได้ทันที ว่าหินพวกนั้นจะต้องเป็นของเขา!

ส่วนไอ้พวกที่กำลังโต้เถียงกัน ไม่ว่าจะมาจากขุมกำลังใด มีผู้แข็งแกร่งอยู่ซักแค่ไหน หากใครดื้อด้านไม่รู้จักดีชั่ว ก็ฆ่ามันซะเลย

ซูเฉินพยายามระงับความตื่นเต้น ถามต่อว่า “คุณลุง มีกองกำลังไหนอยู่ข้างหน้าบ้าง?”

สีหน้าของชายเคราแดงเปลี่ยนไปเล็กน้อย ลดเสียงลง “มีหลายขุมกำลัง หลักๆก็นิกายวูหยิน , เมืองซางเทียน(สุสานสวรรค์) และเทือกเขาคงถง”

กล่าวถึงจุดนี้ เขาแอบชำเลืองมองซูเฉินอย่างลับๆ เมื่อเห็นใบหน้าของซูเฉินคล้ายไม่สนใจ เขาจึงเอ่ยเตือนด้วยความปรารถนาดี “ข้างหน้ามันอันตรายมาก ถ้านายยังอยากมีชีวิตอยู่ อย่าไปที่นั่นโดยเด็ดขาด”

“ขอบคุณคุณลุงสำหรับคำเตือน” ซูเฉินเผยยิ้มบาง จากนั้นถามว่า “ว่าแต่เมืองซางเทียนเป็นของกองกำลังไหนกัน?”

เขารู้จักนิกายวูหยินกับเทือกเขาคงถง แต่มีเพียงเมืองซางเทียนเท่านั้นที่เคยได้ยินเป็นครั้งแรก

“เมืองซางเทียนคือกองกำลังของพวกซอมบี้ ภายในกลุ่มมีซอมบี้ที่ทรงพลังอยู่มากมาย และผู้บัญชาการของพวกมัน คือซอมบี้ที่สามารถควบคุมกองทัพซอมบี้นับล้านในเขตหยูหลิน”

6/6

Ep.390

ในเขตหยูหลิน มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถสั่งการซอมบี้ได้นับล้านได้ นั่นคือ มหาจักรพรรดิเฮยหยุน

ข้อมูลนี้ ซูเฉินได้มาจากปากโต้วหวู่ฉางในเมืองจินอา

พอทราบว่าเกิดเรื่องราวอะไรขึ้น ซูเฉินก็ขอบคุณและร่ำลาชายเคราแดง แล้วกลับมายัง [รถศึกอัจฉริยะ] เคลื่อนตัวต่อไปข้างหน้า

“อุตส่าห์เตือนแล้วแท้ๆ ทำไมเขายังกล้าไปอีก?”

เมื่อเห็นว่าซูเฉินไม่ฟังคำห้ามปราม ยังคงมุ่งหน้าตรงไปยังเทือกเขาฉางกู่ ชายเคราแดงก็แสดงท่าทีตกตะลึงเล็กน้อย

ในความเห็นเขา มีกองกำลังใหญ่มากมายรวมตัวกันอยู่ที่นั่น หากเวลานี้คิดเข้าไปสอด มิเท่ากับเป็นการเคาะประตูนรกหรอกหรือ?

“วัยรุ่นใจร้อนก็เป็นซะแบบนี้”

ชายเคราแดงส่ายหัวและถอนหายใจ กลับมาที่รถฐานทัพของตัวเอง เตรียมขับจากไป

อย่างไรก็ตาม ก่อนจะทันได้สตาร์ทเครื่อง ชายชราหน้าแดงบนรถก็เอ่ยขึ้นว่า “หลิวหยวน อย่าเพิ่งรีบร้อน อยู่นิ่งๆแล้วคอยรับชมความสนุกกันดีกว่า”

“อ๋า? รับชมความสนุกอะไร?”

ชายเคราแดงที่ชื่อหลิวหยวนชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยถามว่า “ผู้เฒ่าหยู ที่ว่ารับชมความสนุกหมายความว่ายังไง?”

“ฉันพนันได้เลย ว่าอีกเดี๋ยวต้องเกิดการต่อสู้กันขึ้นในจุดรวมตัวแน่ๆ ฉันอยากจะเห็นความแข็งแกร่งของยอดฝีมือรุ่นเยาว์คนนั้นมานานแล้ว!” ผู้เฒ่าหยูกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความหมายลึกล้ำ

“ยอดฝีมือรุ่นเยาว์? ใครกัน?” หลิวหยวนสับสนอยู่ครู่หนึ่ง แต่ไม่นานก็ฉุกคิดได้ ดวงตาของเขาเบิกกว้าง กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “คงไม่ใช่ชายหนุ่มที่เพิ่งถามข่าวจากพวกเราหรอกกระมัง?”

ผู้เฒ่าหยูพยักหน้ายืนยัน

ซู๊ดดดด!

หลิวหยวนสูดหายใจลึก อดไม่ได้ที่จะเบนสายตาไปยัง [รถศึกอัจฉริยะ] ที่ค่อยๆไกลออกไป

ช่วงหลังๆมานี้ หนึ่งในสิ่งที่อันตรายที่สุด และเป็นที่เล่าลือกันอย่างแพร่หลายในเขตหยูหลิน คือการถือกำเนิดของผู้แข็งแกร่งที่หาผู้ใดเทียบ จนถูกยกย่องเป็น ‘เทพสังหาร’

ชายผู้แข็งแกร่งผู้นั้น ยามเดินเหินไปแห่งหนใด แห่งหนนั้นมักเกิดพายุนองเลือดตามมาเสมอ

ไม่ทราบเหมือนกันว่ามีผู้แข็งแกร่งกี่คนแล้วที่ตายภายใต้เงื้อมมือเขา แถมหลายคนในนั้นยังเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงใหญ่โต เป็นถึงเจ้าคนนายคน

ไม่ว่าจะเป็นมหาอำนาจอย่างเมืองทงเทียน , นิกายวูหยิน หรือนิกายขวงฉี ผู้แข็งแกร่งจากที่กล่าวมาล้วนตายด้วยน้ำมือเขา

แล้วอีกอย่าง ยังได้ยินมาว่าโต้วหวู่ฉางที่เป็นซอมบี้เลเวล 5 ของเมืองจินอา ก็ถูกชายหนุ่มผู้นี้ปลิดชีพเช่นกัน

ในชั่วพริบตา ชื่อเสียงของชายผู้แข็งแกร่งคนนี้แพร่กระจายไปทั่วทั้งเขตหยูหลิน กลายเป็นหัวข้อร้อนแรงที่สุดในขณะนี้

“เป็นเขาจริงๆงั้นหรือ?”

หลิวหยวนกลืนน้ำลาย สัมผัสได้ถึงความเหนียวหนืดในลำคอ

เมื่อครู่ เขาได้สนทนากับเทพสังหารในข่าวลือคนนั้นแบบใกล้ชิด พอมาลองคิดดูตอนนี้ให้ความรู้สึกเหมือนเพิ่งเฉียดผ่านประตูผีมาเลย

“ผู้เฒ่าหยู ท่านแน่ใจได้อย่างไรว่าเป็นเขา?” หลิวหยวนงงงวยเล็กน้อย

เพราะตอนที่คุยกับซูเฉินเมื่อครู่ คำพูดคำจาของอีกฝ่ายดูสุภาพมาก ตรงกันข้ามกับความโหดร้ายที่เล่าลือกันอย่างสิ้นเชิง

เฒ่าหยูสูดหายใจลึก อธิบายว่า “มีข่าวลือว่าผู้แข็งแกร่งคนนั้น เป็นชายหนุ่มหล่อเหลา นอกจากนี้ยังขับรถฐานทัพสีเงิน ลองมองไปทั่วทั้งเขตหยูหลินดูซี ว่ามีซักกี่คนที่มีรถฐานทัพแบบนี้ เกรงว่าคงมีแค่เขาเท่านั้น”

“ที่แท้ก็เป็นเขาจริงๆ!” หลิวหยวนถึงกับอ้าปากค้าง

หลังจากได้รู้ตัวจริงของซูเฉิน เขาก็ไม่อยากจากไปเช่นกัน ต้องการเห็นพลังอันยิ่งใหญ่ของผู้แข็งแกร่งที่เล่าลือกับตาตนเอง

อีกด้านหนึ่ง [รถศึกอัจฉริยะ] ค่อยๆขับเข้าไปยังสถานที่ที่กองกำลังต่างๆมารวมตัวกัน

เนื่องจากเป็นรถฐานทัพ จึงไม่ได้ดึงดูดความสนใจของกองกำลังเหล่านี้

ซูเฉินกวาดสายตามองออกไปข้างนอก และก้าวลงจากรถเพียงลำพัง

ณ ขณะนี้ บนที่โล่งว่างตรงเชิงเขา มีมนุษย์ ซอมบี้ และสัตว์กลายพันธุ์ รวมทั้งสิ้นเกินสิบกำลังรวมตัวกัน

ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังพูดคุยอะไรบางอย่าง และบางครั้งก็เกิดการโต้เถียงรุนแรง

ซูเฉินไม่รีบร้อนลงมือ เลือกเดินไปรวมกับกลุ่มมนุษย์ สิ่งแรกที่ทำคือตั้งใจฟังบทสนทนาอย่างสงบ

ในเวลานี้ ชายชราที่มีผมสีเงิน เคราขาว ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นเซียนองค์หนึ่งเริ่มขึ้นเสียงและกล่าวว่า “เราผู้เฒ่าไม่สนหรอกว่าที่นี่จะมีหินต้นกำเนิดพลังงานมากแค่ไหน แต่นิกายวูหยินของเราต้องได้รับส่วนแบ่ง 40%!”

“ฮึ่ม!”

ชายชราผมเงินเพิ่งพูดจบ ซอมบี้ร่างกำยำที่อยู่ข้างๆเขาก็แค่นเสียงเย็นชา กล่าวหยามเหยียดว่า

“ท่านเตียวหลง นิกายวูหยินปฏิบัติดั่งสิงโตตะกละเช่นนี้ คิดว่าพวกเราที่เหลือเป็นแค่เครื่องประดับ ไร้ราคา มิกล้าลุกขึ้นสู้หรือไร?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด