80Y-ตอนที่ 60 ไม่ได้มีสตรีเคียงข้างมานานแล้ว
ขณะที่นักบวชหนุ่ม บุรุษร่างใหญ่ และ นักพรตเต๋าจากไป เจ้าแมวขาวก็กระโดดออกจากอ้อมแขนของหลินจิ่วเฟิงในทันที
เมี้ยว!
มันร้องออกมาและขยับกรงเล็บเขียนคำไม่กี่คำ
“คิดจะปล่อยพวกมันไปงั้นเหรอ?”
หลินจิ่วเฟิง ได้คิดอยู่ครู่นึงและกล่าวถาม“ข้าควรจะฆ่าพวกเขางั้นสินะ?”
เจ้าแมวขาวถึงกับอึ้ง
ลองคิดดูนอกเหนือจากการบุกเข้ามายังตำหนักเย็นแล้ว อีกฝ่ายก็ไม่ได้ทำอะไรเลย
หลินจิ่วเฟิง ได้สั่นศีรษะทันที“ผู้บงการก็คือ ท่านหญิงหง คนนั้น ดังนั้นฆ่าพวกเขาไปก็ไม่ได้อะไร”
“ความสัมพันธ์ของเจ้ากับท่านหญิงหงนางนี้เป็นอย่างไร?”เจ้าแมวขาวได้เขียนถาม
“ข้าไม่รู้จักนาง”หลินจิ่วเฟิง ได้คิดอย่างรอบคอบและตอบกลับ เขาไม่รู้ว่า ท่านหญิงหง เป็นใคร
เจ้าแมวขาวมองไปที่หลินจิ่วเฟิงอย่างสงสัย มันไม่เชื่อเขา
มันยังคงเขียนถามต่อไป
“ถ้าเช่นนั้นทำไมนางถึงส่งเทพมนุษย์ 4 คนมาที่นี่เพื่อตามหาเจ้า?”
“อาจเป็นเพราะนางชื่นชอบข้าก็เป็นได้”หลินจิ่วเฟิง ได้ตอบกลับด้วยใบหน้าที่จริงจัง
“ไร้ยางอาย!”เจ้าแมวขาวได้เขียนคำนี้ก่อนที่จะกระโดดหายไป
หลินจิ่วเฟิง มองไปที่เงาของมัน เขาไม่ได้พูดอะไรเพียงเช็ดคำนั้นออกด้วยเท้าของเขา
ใต้ต้นซากุระ หลินจิ่วเฟิง ได้เงยหน้าขึ้นและจมดิ่งเข้าไปในความคิดของเขา
เขาไม่รู้ว่า ท่านหญิงหง ผู้นี้เป็นใคร และมีจุดประสงค์อะไรถึงส่งเทพมนุษย์ทั้ง 4 คนมาตามหาเขา เพียงแต่เขาต้องการเตือนนางว่าอย่ามารบกวนตัวเขา
สำหรับตัวตนของท่านหญิงหง หลินจิ่วเฟิง ไม่ต้องการใส่ใจ
เขาเพียงต้องการลงชื่อเข้าใช้อย่างสงบภายในตำหนักเย็นแห่งนี้
…
หลังจากที่เทพมนุษย์ทั้ง 4 ออกจากเมืองหลวงราชวงศ์พวกเขาทั้งหมดก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
พวกเขารู้สึกราวกับว่ามีเทพธิดานำโชคอยู่ข้างพวกเขาในวันนี้ เพราะผู้อาวุโสคนนั้นได้ไว้ชีวิตพวกเขา
นักบวชหนุ่ม,นักพรตเต๋าและบุรุษร่างใหญ่จากภูมิภาคทะเลทราย พวกเขาต่างนำนกกระเรียนกระดาษออกมาขณะที่พวกเขาบรรยายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด
กระทั่งปล่อยให้นกกระเรียนกระดาษนำข้อมูลนี้ไปส่งให้ท่านหญิงหง
พวกเขาล้มเหลวไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่ได้ตั้งใจทำภารกิจแต่เพราะอีกฝ่ายแข็งแกร่งเกินไป
กระแสปราณแท้จริงโบราณสามารถทำให้ดอกซากุระบานสะพรั่งไปทั่ว
ทั้งยังไม่สามารถทำให้พวกเขาเคลื่อนไหวได้ คนแบบนี้พวกเขาจะสู้ได้อย่างไร?
ช่องว่างระหว่างพวกเขานั้นใหญ่เกินไปจนทำให้ความเย่อหยิ่งของทั้ง 4 คนหลังจากขึ้นสู่ขั้นเทพมนุษย์ได้หายไปในทันที
พวกเขาค้นพบแล้วว่าเทพมนุษย์คนใดกันที่สามารถวาดภาพที่สามารถกดดันนิกายชาวพุทธได้ทั้งหมด แท้จริงแล้วเขากลับทรงพลังเช่นนี้
พวกเขาราวกับเด็กอมมือเมื่อเทียบกับอีกฝ่าย
ดังนั้นเทพมนุษย์ทั้ง 4 จึงไม่กล้าสร้างความเดือดร้อนที่นี่
ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็ตัดสินใจแล้วว่าเมืองหลวงราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาคือสถานที่ที่น่ากลัวที่สุดในโลก
ทั้งยังเห็นพ้องต้องกันว่ายอดฝีมือที่หลบซ่อนตัวในเมืองหลวงราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาคือหนึ่งในยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก และ สถานที่แห่งนี้หากเป็นไปได้พวกเขาก็ไม่คิดจะกลับมาเหยียบที่นี่อีก
…
ราชวงศ์หยานที่ยิ่งใหญ่…
วิหารศักดิ์สิทธิ์
สตรีศักดิ์สิทธิ์-ท่านหญิงหงกำลังฝึกฝนตามแบบของนาง
ทันใดนั้นนกกระเรียนกระดาษสามตัวก็บินมาหานาง
พวกมันได้ผ่านชั้นการป้องกันก่อนจะบินเข้ามาภายในวิหารศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้
สตรีศักดิ์สิทธิ์-ท่านหญิงหง ได้เปิดเปลือกตาขึ้น
“พวกเขาส่งข่าวเกี่ยวกับองค์รัชทายาทที่ถูกปลดกลับมาแล้วหรือไม่?”สตรีศักดิ์สิทธิ์มองไปที่นกกระเรียนกระดาษด้วยความประหลาดใจ นางได้เอื้อมมือไปคว้าหนึ่งในนั้น
จากนั้นนางก็ฟังรายงานที่ได้รับจากนกกระเรียนกระดาษ
ความประหลาดใจของนางค่อย ๆ หายไป
มันถูกแทนที่ด้วยสีหน้าคิ้วขมวดที่เต็มไปด้วยความสับสน
‘เทพมนุษย์ในเมืองหลวงราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวากลับแข็งแกร่งถึงเพียงนี้?’
ท่านหญิงหง อดไม่ได้ที่จะสงสัย
นางได้เปิดนกกระเรียนกระดาษตัวที่สองและฟังรายงาน
ข้อมูลที่บันทึกไว้ก็เหมือนกัน
อีกฝ่ายไม่ได้พบตัวองค์รัชทายาทที่ถูกปลด แต่เขากลับพบเทพมนุษย์ที่อาศัยอย่างสันโดษภายในตำหนักเย็นของเมืองหลวง
จากนั้นพวกเขาก็ถูกแรงกดดันกดทับเพียงแค่การสะบัดนิ้วเพียงครั้งเดียว
นางได้ฟังนกกระเรียนกระดาษตัวที่สาม
มันเหมือนกันทุกประการ คนเหล่านี้ได้พบกับเทพมนุษย์คนเดียวกัน
“เทพมนุษย์คนนั้นกลับแข็งแกร่งมากขนาดนี้?”ท่านหญิงหง พึมพัมออกมาด้วยความประหลาดใจ
แม้ว่าหลังจากคืนที่ฝนตกในตอนนั้นจะกินเวลาหลายปี แต่ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงขั้นเทพมนุษย์ได้ สิ่งที่น่ากลัวยิ่งไปกว่านั้นก็คือ คนผู้นี้ได้อยู่ในช่วงที่สองของขั้นเทพมนุษย์
ถ้าสิ่งที่อธิบายในนกกระเรียนกระดาษเหล่านี้เป็นความจริง นั่นหมายความว่าเทพมนุษย์คนนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก
นักบวชหนุ่ม,บุรุษร่างใหญ่ และ นักพรตเต๋าทั้งสองคน ได้ไปถึงขั้นเทพมนุษย์หลังจากได้รับคำแนะนำจากนาง
แต่เทพมนุษย์ก็ยังคงเป็นเทพมนุษย์
ตัวตนของพวกเขาไม่ใช่คนที่จะล้มกันได้ง่าย ๆ
‘ข้าควรจะไปที่นั่นเป็นการส่วนตัวหรือไม่?’ ท่านหญิงหง ได้ครุ่นคิด
นางกำลังพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ
ตราบใดที่นางสามารถช่วยเหลือองค์รัชทายาทคนนั้นได้ จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของนางก็จะได้รับการฟื้นฟู?
“ข้าควรจะช่วยเขาให้นั่งบัลลังก์อีกครั้ง…”ดวงตาของท่านหญิงหงได้เปล่งประกาย
นางตัดสินใจที่จะเดินทางไปยังเมืองหลวงราชวงศ์เป็นการส่วนตัว
แต่ทว่าในเวลานี้ เข็มทิศได้บินลงมาจากใจกลางของห้องโถง
เข็มทิศที่มีขนาดกว้างกว่า 4 เมตร และมีจุด 4 ดำปรากฏขึ้นจำนวนนับไม่ถ้วนได้ปรากฏควันดำลอยออกมา
เมื่อตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว เข็มทิศนี้ดูเหมือนจะเป็นตัวแทนของภูมิภาคทั้งหมดของทวีป
การแสดงออกของท่านหญิงหง ได้เปลี่ยนไป
นางได้เดินเข้าไปใกล้ ๆ และมองดูก่อนที่จะพึมพัมออกมา“มีการเคลื่อนไหวแปลก ๆ ปรากฏขึ้นอีกครั้ง พวกมันคิดจะทำลายกำแพงป้องกันออกมาหรือไม่? ไม่ได้ ข้าจะต้องไปหยุดพวกมันและซื้อเวลาที่เพียงพอให้ข้าบุกทะลวงขั้นพลังต่อไปโดยเร็วที่สุด”
เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างกระทันหัน
สถานที่หลายแห่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัญหา ถ้านางไม่ไปที่นั่นและปราบปรามปัญหาเหล่านี้ ความได้เปรียบของนางในการปรากฏตัวขึ้นในช่วงต้นยุคสมัยใหม่นี้จะหายไปในทันที
“ถ้าข้าไม่ได้รับบาดเจ็บจนทำให้แก่นแท้จิตวิญญาณเสียหาย ข้าคงจะสามารถบ่มเพาะพลังจนแข็งแกร่งได้มากกว่านี้ นอกจากนี้ องค์รัชทายาทในตอนนั้นก็คงไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของข้า จนทำให้จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของข้ารู้สึกติดค้างเขา ข้าจำเป็นจะต้องตอบแทนเขาด้วยความกตัญญูต่อองค์รัชทายาทคนนั้น”ท่านหญิงหง ได้บ่นพึมพัมออกมา
นางรู้ตัวว่าตนเองไม่สามารถไปที่เมืองหลวงราชวงศ์ได้ในขณะนี้
เพราะนางต้องระงับปัญหาในสถานที่เหล่านี้ก่อน
‘ข้าควรจะมองหาใครสักคนไปที่เมืองหลวงราชวงศ์และมอบโอสถบำรุงให้แก่องค์รัชทายาทคนนั้นเพื่อที่เขาจะได้มีชีวิตที่ยืนยาวหลังจากจัดการเรื่องนี้เสร็จแล้ว ข้าจะช่วยเขาแก้แค้นเกี่ยวกับเรื่องในอดีต’ท่านหญิงหง ได้ตัดสินใจ
นางได้หยิบนกกระเรียนกระดาษขึ้นมาและโยนมันออกไป
นกกระเรียนกระดาษนี้ได้บินไปยังมณฑลเจียงหนาน ไปหา นักบวชชิงหยุน
มันเป็นข้อความจากท่านหญิงหงที่ส่งตรงถึงเขา
นางขอให้นักบวชชิงหยุนไปมอบโอสถบำรุงร่างกายให้แก่องค์รัชทายาท เพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกายของเขาเพื่อที่เขาจะได้มีชีวิตที่ยืนยาว
โอสถบำรุงเหล่านี้ได้แนบมาพร้อมกับนกกระเรียนกระดาษเช่นเดียวกัน
มีพื้นที่มิติเล็ก ๆ ภายในนกกระเรียนกระดาษมันมีกระทั่ง โอสถศักดิ์สิทธิ์ และ โอสถบำรุงต่าง ๆ
นักบวชชิงหยุนทำอะไรไม่ถูก เขาทำได้เพียงไปที่ตำหนักเย็นอีกครั้ง
แต่พอมาถึงตำหนักเย็นเขาก็เคาะประตูด้วยความเคารพ
หลินจิ่วเฟิง ที่ยืนอยู่ใต้ต้นซากุระ ได้ขมวดคิ้วแน่นและตะโกนออกมาอย่างเย็นชา“เจ้ากลับมาที่นี่อีกแล้ว เจ้าต้องการอะไร?”
“ท่านผู้อาวุโส ข้ามาที่นี่เพื่อมอบสิ่งของบางอย่างให้กับองค์รัชทายาท”นักบวชชิงหยุนได้ตอบกลับ
เขาไม่กล้าปิดบังเจตนาของเขาและอธิบายถึงสิ่งที่ท่านหญิงหงให้เขาทำ
หลินจิ่วเฟิง รู้สึกแปลกใจ
ท่านหญิงหงผู้นี้เป็นใครกันแน่?
เหตุใดนางถึงต้องเป็นห่วงสุขภาพของเขา?
โอสถบำรุง?เขายังต้องใช้สิ่งของเหล่านี้งั้นเหรอ?
หรือว่าเขามีข้อบกพร่องภายในร่างกาย?
ไม่สิเขาแข็งแรงมากอยู่แล้ว!
หลังจากเงียบไปชั่วครู่ หลินจิ่วเฟิง ก็ตอบกลับ“วางของลงและก็ไปได้”
นักบวชชิงหยุน เชื่อฟังในทันทีเขาได้วางของและจากไปอย่างรวดเร็ว
เขาต้องการกลับไปยัง เจียงหนาน
เขาไม่ต้องการอยู่ที่เมืองหลวงราชวงศ์นานเกินไป
สถานที่แห่งนี้น่ากลัวเกินไป
หลังจากนั้นไม่นานก็มีเงาร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่หน้าตำหนักเย็น
เป็น หลินจิ่วเฟิง
เขาได้หยิบโอสถบำรุงที่นักบวชชิงหยุนทิ้งไว้ให้
“เป็นของที่หายากอย่างมาก ท่านหญิงหง คนนี้เป็นใครกันแน่?”
หลินจิ่วเฟิง ได้สั่นศีรษะและพึมพัมออกมา
เมี้ยว!
เจ้าแมวขาวได้กระโดดลงมาและเขียนคำถาม
“เจ้าเป็นอะไรกับท่านหญิงหงคนนี้กันแน่?”
หลินจิ่วเฟิง ก็สั่นศีรษะ
เขาจะเป็นอะรได้เขาไม่รู้จักนางสักหน่อย
หลินจิ่วเฟิง อยากจะพูดตะโกนออกไปดัง ๆ
ว่าเขาไม่เคยมีสตรีคนใดเฉียดเข้าใกล้มาหลายสิบปีแล้ว...