80Y-ตอนที่ 59 ความบังเอิญเหล่านี้คือ?
ท่านหญิงหงเป็นใคร?
หลินจิ่วเฟิง ไม่รู้จัก ท่านหญิงหง ในความทรงจำของเขา นับตั้งแต่เขาเกิดใหม่ในโลกนี้ เขาไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับสตรีคนใดเลย
สตรีเพียงคนเดียวที่เขาโต้ตอบด้วยก็คือเจ้าแมวขาว
แล้ว ท่านหญิงหง นางนี้เป็นใครมาจากไหน?
เจ้าแมวขาวก็อยากรู้อยากเห็นเช่นเดียวกัน
มันได้เงยหน้าขึ้นมองไปรอบ ๆ ในอ้อมแขนของ หลินจิ่วเฟิง
ความอยากรู้อยากเห็นของมันได้เพิ่มขึ้น
หลินจิ่วเฟิง มีความสัมพันธ์กับผู้หญิงอื่นงั้นหรือไม่?
เพียงแต่ หลินจิ่วเฟิง มองไปที่ทั้งสี่คนด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม
เขาต้องการมองหาคำตอบสำหรับคำถามนี้ของเขา
“ท่านหญิงหงคือเทพธิดาในร่างมนุษย์”นักบวชหนุ่มได้ตอบกลับ
“ท่านหญิงหงคือนางเซียนลงมาจุติบนโลกมนุษย์นี้ นางแข็งแกร่งมาก”เมื่อ บุรุษร่างใหญ่บรรยายถึงท่านหญิงหง ใบหน้าของเขาได้เปลี่ยนเป็นสีแดง
“ท่านหญิงหงคือผู้มีพระคุณที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเรา”ศิษย์น้องไห่หยูได้กล่าวเสริม
ทั้งสี่คนได้ยกย่องท่านหญิงหงนางนี้ไม่หยุดหย่อน
นอกจากนี้ใบหน้าของพวกเขายังมีความชื่นชมอย่างแท้จริงแม้กระทั่งความปราถนาในดวงตาของพวกเขา
ท่านหญิงหงคนนี้นางมีเสน่ห์มากขนาดไหนกัน?
“พวกเจ้ารู้เพียงแค่ว่านางมีนามว่าหง?”หลินจิ่วเฟิง ได้กล่าวถาม
ทั้งสี่คนได้พยักหน้า
“พวกเจ้าไม่รู้จักภูมิหลังของนาง?”หลินจิ่วเฟิงยังคงกล่าวถามต่อไป
ทั้งสี่คนได้พยักหน้า
“กระทั่งสถานะตัวตนก็ไม่รู้จักงั้นหรือไม่?”หลินจิ่วเฟิง รู้สึกพูดไม่ออก
ทั้งสี่คนได้พยักหน้าอีกครั้ง
คราวนี้ หลินจิ่วเฟิง ได้หยุดถามเพราะเขาเริ่มจะหมดแรง
“พวกเจ้าไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับนาง แต่ท่านหญิงหง คนนี้กลับสามารถสั่งให้พวกเจ้ามาที่นี่และตรวจสอบสถานการณ์ขององค์รัชทายาทที่ถูกปลด?”หลินจิ่วเฟิง รู้สึกพูดไม่ออก
“ข้าเป็นหนี้บุญคุณท่านหญิงหง ภายใต้การแนะนำของนางทำให้ข้าสามารถทะลวงผ่านขั้นเทพมนุษย์ได้”นักบวชหนุ่มได้ตอบกลับ
“พวกเราสองคนก็เหมือนกัน ภายใต้คำแนะนำของท่านหญิงหงพวกเราก็ทะลวงผ่านขั้นเทพมนุษย์”นักพรตเต๋า หลิวหยุน ได้กล่าวเสริม
“ข้าด้วย”บุรุษร่างใหญ่ได้พึมพัมออกมา
ความเหนื่อยล้าของ หลินจิ่วเฟิง ได้หายไปในทันที เขามองไปที่ เทพมนุษย์ทั้ง 4
‘การที่สามารถให้คำแนะนำใครบางคนจนทะลวงผ่านขั้นเทพมนุษย์ได้ คนผู้นั้นจะต้องมีความแข็งแกร่งอย่างมาก เพราะหากสามารถชี้นำกันได้ง่าย ๆ คงมีเทพมนุษย์ปรากฏขึ้นจำนวนมากแล้ว…’
‘แม้แต่ข้าก็ไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ด้วยตัวเอง’หลินจิ่วเฟิงได้ครุ่นคิดในใจ
มันง่ายสำหรับเขาที่จะฆ่าเทพมนุษย์คนอื่น
แต่หากให้เขาชี้นำผู้อื่นให้ก้าวผ่านขั้นเทพมนุษย์มันก็เป็นอีกเรื่องนึง
หลินจิ่วเฟิง ไม่สามารถทำได้
แต่ท่านหญิงหงผู้นี้กลับสามารถทำได้
อย่างน้อยนางจะต้องมีความรู้ความเข้าใจและคุ้นเคยเกี่ยวกับขั้นเทพมนุษย์
“อธิบายโดยละเอียดเกี่ยวกับการพบพานท่านหญิงหงนางนี้ เจ้าพบนางได้อย่างไร?”หลินจิ่วเฟิง ได้มองไปที่นักบวชหนุ่มและกล่าวถาม
“เมื่อหนึ่งปีก่อน มีถ้ำปีศาจปรากฏขึ้นที่หลังภูเขาพุทธใกล้วัดต้าหลิน ผืนปฐพีได้แยกออกจากกัน มีปีศาจกลุ่มหนึ่งได้ปรากฏตัวขึ้นพวกมันล้วนเป็นตัวหายนะและมีความอันตรายต่อโลก แต่แล้ว จู่ ๆ ท่านหญิงหง ก็ปรากฏตัวขึ้น นางได้ใช้พลังอันแข็งแกร่งของนางในการปิดผนึกถ้ำปีศาจนั้น กระทั่งใช้ผนึกประทับไว้บนถ้ำและให้คำแนะนำแก่ข้าเป็นเวลา 1 ชั่วยาม จากนั้น้ขาก็สามารถทะลวงผ่านขั้นเทพมนุษย์ได้จากคำแนะนำของนาง เพียงแต่ตั้งแต่นั้นมาข้าก็ไม่เคยพบท่านหญิงหงอีกเลย”นักบวชหนุ่มได้ตอบกลับ
“ถ้ำปีศาจ?”หลินจิ่วเฟิง ขมวดคิ้วแน่น
“มันเป็นซากปรักหักพังโบราณที่ฝังลึกอยู่ในภูเขาต้าฉิง…”
“วัดต้าหลินเลือกที่จะก่อตั้งวัดบนภูเขาต้าฉิงเพื่อปราบปรามถ้ำปีศาจนี้และป้องกันไม่ให้ปีศาจออกมาสู่โลกภายนอกและทำร้ายคนอื่น ๆ นี่เป็นหน้าที่ของพวกเรา”นักบวชหนุ่มได้ตอบกลับ
หลินจิ่วเฟิง ได้มองไปที่ นักบวชหนุ่มและกล่าวถาม“ชื่อทางธรรมของเจ้าคือ?”
“ชิงหยุน”นักบวชหนุ่มได้ตอบกลับ
“นักบวชชิงหยุน เกี่ยวกับถ้ำปีศาจของวัดต้าหลินของเจ้า ท่านหญิงหงผู้นี้รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?”หลินจิ่วเฟิงได้กล่าวถาม
“ข้าเองก็ไม่ทราบ ข้าได้เค้นถามท่านหญิงหงเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยแต่นางเพียงแค่ยิ้มตอบกลับและไม่ได้อธิบาย”นักบวชชิงหยุนได้ตอบกลับ
“แล้วพวกเจ้าสองคนล่ะ?”หลินจิ่วเฟิง มองไปที่ นักพรตเต๋าทั้งสอง
“เมื่อ 11 เดือนก่อน ก็มีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นจนเผยรอยแยกใต้ดินในภูเขาหลงหู่”
“ผืนปฐพีที่แยกออกจากกันได้เผยทางเข้าสู่ขุมนรกใต้ดิน”
“ที่นั่นมีปีศาจนับไม่ถ้วนและพยายามจะหลบหนีออกมาจากขุมนรกนั้น…”
“ในตอนนั้นพวกเราได้ผนึกกำลังกันร่วมปราบปรามพวกมัน แต่เพราะพวกเราไม่แข็งแกร่งพอ ในช่วงเวลาสำคัญนั้นเอง ท่านหญิงหง ก็ลอยลงมาจากฟากฟ้าและช่วยเหลือพวกเราในการกำจัดปีศาจ อีกทั้งนายังปิดผนึกทางเข้าขุมนรกนั่นด้วย”นักพรตเต๋าหลิวหยุนได้อธิบาย
หลินจิ่วเฟิง ขมวดคิ้วแน่น
วัดต้าหลินมีถ้ำปีศาจ และ ภูเขาหลงหู่มีขุมนรกใต้ดิน
ทั้งสองสถานที่แห่งนี้มีความแปลกประหลาด
‘เป็นไปได้หรือไม่ว่า…’
หลินจิ่วเฟิง อดไม่ได้ที่จะมองไปที่บุรุษร่างใหญ่
“แล้วเจ้าล่ะ?”หลินจิ่วเฟิง กล่าวถามด้วยความสงสัย
นักบวชหนุ่มและนักพรตเต๋าทั้งสองได้มองดูด้วยความสนใจ
พวกเขาต้องการทราบว่าบุรุษร่างใหญ่ที่สูงตระหง่านนี้ได้พบกับท่านหญิงหงในสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกับพวกเขาหรือไม่
“ข้าไม่ได้พบเจอถ้ำปีศาจหรือขุมนรกใต้ดิน แต่ที่ข้าพบก็คือมัมมี่ในทะเลทรายอันไร้ขอบเขตของภูมิภาคทะเลทรายทางตอนเหนือ ช่วงเวลาที่มัมมี่พวกนั้นตื่นขึ้นมา มันต้องการจะฆ่าข้าและสูบพลังของข้า”
“แต่ตอนนั้นเองที่ท่านหญิงหงปรากฏตัวขึ้นนางได้ปราบปรามมัมมี่และช่วยชีวิตข้าเอาไว้ จากนั้นนางก็ให้คำแนะนำแก่ข้าในการทะลวงผ่านขั้นเทพมนุษย์นี่คือเหตุผลที่ข้ารู้สึกเป็นหนี้บุญคุณนาง”
“นางขอให้ข้ามาที่เมืองหลวงราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา เพื่อตรวจสอบสถานการณ์และความเป็นอยู่ขององค์รัชทายาทที่ถูกปลด นี่คือเหตุผลที่ข้ามาที่นี่”บุรุษร่างใหญ่ได้อธิบาย
‘ถ้ำปีศาจ,ขุมนรกใต้ดิน และ มัมมี่’
หลินจิ่วเฟิง มองไปที่ทั้ง 4 คนและขมวดคิ้วแน่น
ตั้งแต่ฝนตกครานั้น หลินจิ่วเฟิง ก็รู้ว่าโลกกำลังจะเปลี่ยนไป เขาไม่ได้แปลกใจเลยหลังจากได้ยินเกี่ยวกับประสบการณ์เหล่านี้
แต่ปัญหาก็คือท่านหญิงหงล้วนมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ทั้งหมด
นอกจากนี้ วัดต้าหลินยังอยู่ในพื้นที่เจียงหนาน,ภูเขาหลงหู่อยู่ในพื้นที่ฉินหลิงและบุรุษร่างกำยำอยู่ในภูมิภาคทะเลทรายทางตอนเหนือ
จากใต้สู่เหนือ จากพื้นที่เจียงหนานไปจนถึงทะเลทรายทางตอนเหนืออันไร้ขอบเขต การเดินทางทั้งหมดนี้ค่อนข้างใช้เวลาหลายพันกิโลเมตร
แต่ท่านหญิงหงผู้นี้กลับสามารถปรากฏตัวในเวลาไล่เรี่ยกันในสถานที่เหล่านี้ได้แม้จะอยู่ห่างไกลกันมาก?ภูมิหลังของนางคืออะไรกันแน่?
“ท่านผู้อาวุโส พวกเราได้บอกความจริงแก่ท่านแล้ว เหตุผลที่พวกเรามาที่ตำหนักเย็นในวันนี้ก็เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับองค์รัชทายาทที่ถูกปลด จากนั้นพวกเราจะรายงานเรื่องนี้กลับไปให้ท่านหญิงหง เพื่อตอบแทนหนี้บุญคุณในครั้งก่อน”นักบวชชิงหยุน ได้ตอบกลับอย่างจริงใจ
“ใช่แล้วท่านผู้อาวุโส นักบวชชิงหยุนพูดถูก พวกเราไม่ได้มีเจตนาที่จะบุกรุกราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา และ เจตนาที่จะล่วงเกินท่าน พวกเราเพียงแค่ต้องการทราบสถานการณ์ขององค์รัชทายาทที่ถูกปลดเท่านั้น”นักพรตเต๋าหลิวหยุนได้กล่าวเสริม
“ท่านผู้อาวุโส โปรดบอกเราเกี่ยวกับสถานการณ์ขององค์รัชทายาทที่ถูกปลด หลังจากพวกเราได้รับข่าวแล้วพวกเราจะรีบจากไปและกลับไปรายงานท่านหญิงหง”บุรุษร่างใหญ่ได้อ้อนวอน
หลินจิ่วเฟิง มองไปที่พวกเขา
มือของเขายังคงลูบไล้เจ้าแมวขาว
ทั้ง 4 คนนี้ไม่รู้ว่า หลินจิ่วเฟิง ก็คือองค์รัชทายาทที่ถูกปลดคนนั้น
หลินจิ่วเฟิง เชื่อในคำพูดของพวกเขา
อีกทั้งอีกฝ่ายยังไ่ม่มีความจำเป็นจะต้องโกหกเขา
ตัวตนของเขาในฐานะองค์รัชทายาทที่ถูกปลด ล้วนไม่มีค่าอะไรเลย มีเหตุผลอะไรที่ทำให้พวกเขาต้องโกหก?
แต่ปัญหาคือ-ท่านหญิงหง มีเจตนาอะไรกันแน่?
หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่นึง หลินจิ่วเฟิง ก็ตอบกลับ“องค์รัชทายาทผู้นั้นอาศัยอยู่ในตำหนักเย็น เพียงแต่เขาไม่ต้องการให้ใครมารบกวน กลับไปรายงานท่านหญิงหงว่า ชีวิตขององค์รัชทายาทอยู่อย่างสบายและเรียบง่ายในตำหนักเย็นแห่งนี้ ดังนั้นไม่จำเป็นจะต้องมารบกวนเขา”
“ครั้งนี้ข้าจะปล่อยพวกเจ้าไป หากแต่มีครั้งหน้าข้าคงไม่ใจดีแบบนี้อีก”
หลินจิ่วเฟิง ได้ปล่อยพวกเขาไปในที่สุด
พวกเขาเป็นเพียงเทพมนุษย์ที่เพิ่งเลื่อนขั้นพลังมา หากเขาคิดจะฆ่าอีกฝ่ายก็ทำได้เพียงแค่การสบัดนิ้ว
มันจะดีกว่าหากปล่อยให้อีกฝ่ายกลับไปรายงานท่านหญิงหง
ด้วยวิธีนี้นางน่าจะไม่มายุ่งเกี่ยวกับเขาอีกต่อไป
เทพมนุษย์ทั้ง 4 ได้ออกจากตำหนักเย็นอย่างรวดเร็ว หัวใจของพวกเขาได้เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เมื่อพวกเขาผ่านประตูไปแล้ว พวกเขาก็เหลือบมองไปยังตำหนักที่ทรุดโทรมที่อยู่ด้านหลังของพวกเขา
พวกเขารู้สึกราวกับว่ามีสัตว์ร้ายกำลังอ้าปากรอกลืนกินพวกเขาอยู่
“รีบกลับไปรายงานท่านหญิงหงกันเถอะ”ทั้งสี่คนได้สั่นศีรษะและยิ้มให้กัน
นี่ถือว่าเป็นโชคชะตาที่ทำให้พวกเขามาเจอกัน
ทั้งสี่คนได้กล่าวอำลาซึ่งกันและกันและออกจากเมืองหลวงราชวงศ์ในค่ำคืนที่มืดมิดแห่งนี้
ในตำหนักเย็น…
หลินจิ่วเฟิง ยังกอดเจ้าแมวขาวและยังคงยืนนิ่งเฉยใต้ต้นซากุระ