80Y-ตอนที่ 58 ใครคือท่านหญิงหง?
นักบวชหนุ่มที่คุกเข่าลงกับพื้นร่างกายของเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ
หยาดเหงื่อได้หยดลงจากหน้าผากของเขาอย่างต่อเนื่อง
เขามองไปรอบ ๆ ด้วยความตกใจ
พลังจิตวิญญาณในอากาศราวกับถูกจุดไฟโดยอะไรบางอย่าง มันได้กระตุ้นให้ต้นซากุระเบ่งบานในทันที และ ดอกซากุระเหล่านี้ก็ลอยละลิ่วไปในอากาศ
จากนั้นพลังปราณแท้จริงอันแข็งแกร่งก็ถูกปลดปล่อยออกมา
เทพมนุษย์ทั้ง 4 ไม่สามารถต้านทานได้เลย
พวกเขาได้คุกเข่าลงที่ตรงหน้าลานที่พัก
พวกเขาไม่แม้แต่จะสามารถเข้าไปในลานที่พักได้แม้แต่คนเดียว
“อะไรกัน?”นักบวชหนุ่มเต็มไปด้วยความตกใจสุดพรรณนา
นักพรตเต๋าสองคนได้มองหน้ากันความสยดสยองได้ปรากฏขึ้นในสายตาของพวกเขา ความรู้สึกนี้คล้ายกับกำลังสลักลงบนกระดูกและหัวใจของเขา ทั้งสองคนเข้าใจความคิดของกันและกันทันที
“คลังสมบัติทางปราณแท้จริง!”หลิวหยุนได้ขบฟันอย่างแน่นขณะที่เขาพยายามอดทนต่อแรงกดดันอันไร้ขอบเขต
ทว่าเสียงของเขากลับแหบแห้งอย่างมากราวกับเขาฝืนขับคำพูดออกมาจากลำคอ
ในฐานะนักพรตเต๋าเขาย่อมรู้จักที่มาของพลังปราณแท้จริงโบราณนี้
มีเพียงเทพมนุษย์ที่ทะลวงไปยังช่วงที่ 2 - คลังสมบัติทางปราณแท้จริง เท่านั้นที่จะสามารถใช้ปราณแท้จริงโบราณได้
“มีใครบางคนที่อยู่ที่นี่สามารถปลดล็อคคลังสมบัติทางปราณแท้จริงได้หรือไม่? คนผู้นี้แข็งแกร่งเกินไป ตอนนี้เขาน่าจะฝ่าไปสู่ช่วงต่อไปแล้ว”หลิวหยุนได้กลืนน้ำลายไปด้วยความกลัว
เขาตระหนักได้ในทันทีว่าพวกตนเองได้บุกรุกสถานที่ที่ยอดฝีมือคนนี้อยู่
“คลังสมบัติปราณแท้จริง? ว่ากันว่าเมื่อปลดล็อคพลังนี้แล้ว ผู้ฝึกยุทธ์จะสามารถใช้พลังปราณแท้จริงโบราณได้ และ ยอดฝีมือที่กำลังปราบปรามพวกเราคือผู้บ่มเพาะพลังที่ปลดล็อคคลังสมบัติปราณแท้จริงเป็นอย่างน้อย!”
ศิษย์น้องไห่หยู ได้กล่าวเสริม เขามีอาการคล้ายกับ หลิวหยุน เขาตัวสั่นไปด้วยความหวาดกลัว
เมื่อนักบวชหนุ่มได้ยินคำพูดของเขา สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
“เทพมนุษย์แห่งราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาผู้นั้นแท้จริงแล้วกลับอาศัยอย่างสันโดษในตำหนักเย็นงั้นหรือไม่?”
นักบวชหนุ่มเต็มไปด้วยความหวาดกลัว รอยยิ้มอันขมขื่นได้ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของเขา
คราวนี้เขาได้ไปชนตอใหญ่เข้าจริง ๆ
เส้นเลือดบนร่างของบุรุษร่างใหญ่เองก็เริ่มบูดโปน
เขาพยายามดิ้นรนอย่างสุดกำลัง แต่ก็ไม่เป็นผล ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากแรงกดดันทางพลังปราณแท้จริงโบราณได้
“ท่านผู้อาวุโส โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย”
บุรุษร่างใหญ่ไม่คิดเลยว่าตนเองจะมาเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้
เขาได้คุกเข่าแผ่ราบลงไปกับพื้นโดยไม่พยายามขัดขืนอีกต่อไปจากนั้นเขาก็ตะโกนขึ้น
เขากำลังร้องขอความเมตตา
นักบวชหนุ่มและนักพรตเต๋าก็ทำเช่นเดียวกัน
พวกเขาได้คุกเข่าลงกับพื้นและอ้อนวอนขอความเมตตา
การถูกปราบปรามโดยพลังปราณแท้จริงโบราณนั้นรุนแรงอย่างมาก พวกเขาเริ่มจะไม่สามารถทนมันได้ ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มร้องขอความเมตตาในเรื่องนี้
ในลานที่พัก บนเตียงหยกน้ำแข็ง หลินจิ่วเฟิง ไม่ได้สนใจเทพมนุษย์ทั้ง 4 ที่อยู่ภายนอก
เขาได้ปลดปล่อยพลังปราณแท้จริงเพียงเสี้ยวเดียวออกไปเท่านั้น
แต่อีกฝ่ายกลับทนไม่ได้เห็นได้ชัดว่าทั้งสี่คนเป็นเพียงผู้บ่มเพาะพลังที่เพิ่งเข้าสู่ขั้นเทพมนุษย์
หากเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว หลินจิ่วเฟิง คงจะรู้สึกกังวล แต่ตอนนี้ เพียงแค่เขาสะบัดนิ้วเพียงครั้งเดียวก็เพียงพอที่จะระงับพวกเขาทั้งหมดแล้ว
เขามองไปที่เจ้าแมวขาว
“ตอนนี้เจ้าเข้าใจแล้วหรือไม่ว่าข้าไม่ได้คุยโวก่อนหน้านี้”
เจ้าแมวขาวพูดไม่ออก มันทั้งอิจฉาและเต็มไปด้วยความโกรธเคือง
มันอิจฉาความแข็งแกร่งอันน่าเกรงขามของหลินจิ่วเฟิง
และโกรธที่ หลินจิ่วเฟิง กลั่นแกล้งมันอีกครั้ง
แต่ทว่ามันก็ไม่สามารถหักล้างคำพูดของเขาได้เลย
“ไปกันเถอะ…”
“ออกไปดูกันว่าเทพมนุษย์พวกนี้มาทำอะไรที่นี่”หลินจิ่วเฟิงได้เอื้อมมือออกไปอุ้มเจ้าแมวขาวมาไว้ในอ้อมแขนของเขาจากนั้นเขาก็เริ่มลูบมันเบา ๆ
เขากำลังลูบเจ้าแมวขาว!
เจ้าแมวขาวเป็นแมวที่เย่อหยิ่ง ปกติแล้วมันจะไม่ยอมให้ หลินจิ่วเฟิง จับได้สบาย ๆ แบบนี้
แต่คราวนี้ มันไม่สามารถหักล้างคำพูดของ หลินจิ่วเฟิงได้ จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากให้ หลินจิ่วเฟิง ทำทุกอย่างที่เขาต้องการ
หลินจิ่วเฟิง ที่อุ้มเจ้าแมวขาว เขาได้เดินออกจากลานที่พักออกมา
เขาสวมใส่อาภรณ์ยาวสีขาวที่มีลวดลายแกะสลักอันเป็นเอกลักษณ์
เขาได้เดินมาถึงลานที่พัก
นอกลานที่พัก มีคนสี่คนกำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น
นักบวชหนุ่ม
บุรุษร่างใหญ่
และนักพรตเต๋าสองคน
พวกเขาทั้งหมดอยู่ในขั้นเทพมนุษย์
ทั้งสี่คนเพิ่งเลื่อนระดับพลังเป็นเทพมนุษย์ได้ไม่นาน
หลินจิ่วเฟิง ได้้เดินออกไปด้วยฝีเท้าที่มั่นคง
เมื่อเห็นพวกเขาคุกเข่าลงบนพื้นและร้องขอความเมตตา เขาก็โบกมืออย่างสบาย ๆ
พลังปราณแท้จริงโบราณที่กดทับร่างกายของพวกเขาค่อย ๆ หายไปในทันที
แรงกดดันอันมหาศาลก่อนหน้านี้ได้สลายหายไปจนหมด
เหล่าคนพวกนี้ได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ
พวกเขารีบเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หลินจิ่วเฟิง
“ผู้อาวโสท่านกลับดูดีอย่างมาก”หลิวหยุน ได้ยกย่องเขาเมื่อเห็น หลินจิ่วเฟิง เทพมนุษย์ ที่แข็งแกร่งผู้นี้
“ผู้อาวุโส พวกเราไม่ได้คิดร้ายต่อท่าน พวกเราไม่รู้จริง ๆ ว่าท่านอาศัยอย่างสันโดษในสถานที่แห่งนี้ โปรดอภัยให้กับความไร้มารยาทของพวกเราหากพวกเราทำให้ท่านขุ่นเคือง”นักบวชหนุ่มได้เพิกเฉยต่อเหงื่อของเขาและรีบอธิบาย
รบุรุษร่างใหญ่ที่มีส่วนสูงกว่า 2 เมตร
ภายนอกของเขาดูองอาจอย่างมาก
แต่ในเวลานี้เขาราวกับเด็กน้อยที่สำนึกผิดในสิ่งที่ทำไม่ดีลงไป
เขาได้ยืนอยู่ด้านหน้าอีกฝ่ายด้วยความเคารพ
“ผู้อาวุโส…”
หลินจิ่วเฟิง มองไปที่พวกเขาอย่างใจเย็นและตอบกลับ“หากคิดว่าทุกอย่างเพียงแค่ขอโทษก็จบ ข้าต้องปล่อยผ่านทุกเรื่องราวหรือไม่?”
ใบหน้าของทั้งสี่คนล้วนแข็งทื่อ
พวกเขาเริ่มประหม่าและคิดว่า หลินจิ่วเฟิง จะโจมตีพวกเขา
เพียงแต่ หลินจิ่วเฟิง ไม่ได้เคลื่อนไหว
เขาได้มองไปที่ทั้งสี่คนและกล่าวถาม“พวกเจ้าอยู่กลุ่มเดียวกัน?”
“ไม่ใช่”
“เราไม่รู้จักพวกเขา”
“ข้าไม่ได้ฝักใฝ่ฝ่ายใด”
ทั้งสี่คนได้สั่นศีรษะพร้อมกันและแยกตัวออกจากกันอย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่ต้องการถูกมองว่าทำงานร่วมกัน
หลินจิ่วเฟิง มองไปที่ พวกเขา นักบวชหนุ่มตัวคนเดียว บุรุษร่างใหญ่ตัวคนเดียว ส่วนนักพรตเต๋าอยู่ด้วยกันสองคน
แม้ว่าพวกเขาจะบุกเข้ามายังตำหนักเย็นพร้อมกัน แต่พวกเขาก็ยังป้องกันซึ่งกันและกัน
มันเป็นภาพที่น่าสนใจสำหรับ หลินจิ่วเฟิง
เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา“ถ้าพวกเจ้าไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกัน เหตุใดพวกเจ้าถึงมาที่นี่ในวันเวลาเดียวกันแบบนี้?”
“เป็นเพียงเรื่องบังเอิญ!”นักบวชหนุ่มตอบกลับด้วยความเขินอาย
“ล้วนเป็นโชคชะตา”นักพรตเต๋าทั้งสองคนได้ยิ้มอย่างแช่มช้า
“ข้าเองก็ไม่รู้ว่าพวกเขามาที่นี่เพราะจุดประสงค์อะไร เพียงแต่ข้ามีแรงจูงใจของตัวเอง”บุรุษร่างใหญ่ได้ตอบกลับอย่างมั่นคง
“โอ้ บอกข้าทีว่าเจ้ามีแรงจูงใจอะไร?”
หลินจิ่วเฟิง ลูบเจ้าแมวขาวขณะที่เขากล่าวถามด้วยความสงสัย
เขาไม่รู้ว่าสิ่งใดกันที่ทำให้เทพมนุษย์ทั้ง 4 มาที่ตำหนักเย็นแห่งนี้พร้อมกันในวันเวลาเดียวกันได้
นักบวชหนุ่มและนักพรตเต๋ามองไปที่บุรุษร่างใหญ่ด้วยความสงสัย
พวกเขาเองก็ต้องการรู้
“ข้ามาเพื่อตามหาใครบางคน”บุรุษร่างใหญ่ได้ตอบกลับ
“หาใครบางคน?”หลินจิ่วเฟิง เลิกคิ้วทันทีและมองไปที่อีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจ
“ไม่มีใครอื่นที่อาศัยในตำหนักเย็นแห่งนี้ เจ้ามาที่นี่เพื่อตามหาใคร?”หลินจิ่วเฟิง กล่าวถามด้วยความสงสัย
“ข้ามาที่นี่เพื่อตามหาองค์รัชทายาทที่ถูกปลดออกจากบัลลังก์”บุรุษร่างใหญ่ได้ตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา“ข้าได้ยินมาว่าองค์รัชทายาทผู้นี้ถูกคุมขังที่นี่เมื่อ 30 ปีที่แล้ว ข้ามาที่นี่เพื่อตรวจสอบสภาพความเป็นอยู่ของเขา”
“มองหาองค์รัชทายาทที่ถูกปลด…”ดวงตาของ หลินจิ่วเฟิง พลันมืดลง
เขาอยากจะถามมากกว่านี้แต่คราวนี้นักบวชหนุ่มก็พูดขึ้น“ข้าก็ด้วย...”
หลินจิ่วเฟิง มองไปที่ อีกฝ่ายและขมวดคิ้ว“เจ้าเองก็มาตามหาองค์รัชทายาทที่ถูกปลด?”
นักบวชหนุ่มได้พยักหน้า
หลินจิ่วเฟิง มองไปที่ นักพรตเต๋าทั้งสองและกล่าวถาม“แล้วพวกเจ้าสองคนเล่ามาที่นี่เพื่อตามหาองค์รัชทายาทด้วยหรือไม่?”
หลิวหยุนและไห่หยูทั้งสองคนรีบพยักหน้า
หลินจิ่วเฟิง ยิ้มออกมา
รอยยิ้มของเขาดูเหมือนจะมีความสุข
“องค์รัชทายาทถูกคุมขังที่นี่เมื่อ 30 ปีที่แล้ว ไม่มีบุคคลภายนอกมาตามหาเขาเป็นเวลานานแล้ว แต่พวกเจ้ากลับมาที่นี่ในคืนนี้พร้อมกันทั้งที่บอกว่าไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกันแต่เป้าหมายของพวกเจ้าทั้งหมดกลับเป็นการตามหาองค์รัชทายาทผู้นี้นี่มันหมายความว่าอย่างไร?”
ทั้งสี่คนได้มองหน้ากันอย่างงุ่มง่าม
ในสถานการณ์เช่นนี้ มันดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลที่พวกเขาจะบอกว่าไม่ได้อยู่ฝ่ายเดียวกัน
“แล้วพวกเจ้าตามหาองค์รัชทายาททำไม?”หลินจิ่วเฟิง กล่าวถามด้วยความสงสัย
มีคนตามหาเขา
อีกทั้งคนผู้นั้นยังส่งเทพมนุษย์ 4 คนมาตามหาเขา
เขาต้องการตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจัง
“ข้ามาเพราะได้รับคำไหว้วานจากคน ๆ นึง!”
“ข้ามาเพราะคำสั่ง!”
“มีคนขอให้ข้าทำ!”
ทั้งสามกลุ่มได้มอบคำตอบที่แตกต่างกัน แต่พวกมันล้วนมีความหมายเหมือนกัน
มีคนสั่งให้พวกเขามาที่นี่
ใบหน้าของ หลินจิ่วเฟิง กลายเป็นเย็นชาเล็กน้อย
เขามองไปที่อีกฝ่ายและกล่าวถาม“ใครสั่งให้พวกเจ้ามาที่นี่?”
ทั้งสี่คนได้ตอบพร้อมกัน“ท่านหญิงหง!”
หลินจิ่วเฟิง ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใครคือ ท่านหญิงหง?