56 - แย่งชิงกล้วยไม้หยก
56 - แย่งชิงกล้วยไม้หยก
เมื่อพวกเขาเห็นกล้วยไม้หยกนาคราช มันเหมือนกับคำพูดของผู้อาวุโสดังก้องอยู่ในหูของพวกเขาอีกครั้ง และทั้งสองคนก็นึกถึงของล้ำค่านี้ในทันที
“นี่คือรังของอสรพิษเขาหยก แม้แต่สมุนไพรจิตวิญญาณก็จะกลายเป็นฝุ่นหากพวกมันต้องอยู่ในนั้นเป็นเวลานาน มีเพียงสมุนไพรที่แปลกประหลาดชนิดเดียวเท่านั้นที่สามารถอยู่รอดได้
ในขณะที่งูที่อาศัยอยู่ในถ้ำจะดูดซับแก่นแท้ของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ กล้วยไม้ก็จะดูดซับบางส่วนของมันด้วย
และหลังจากหลายร้อยปีของการดูดซับพลังปราณแห่งจิตวิญญาณ มันก็จะควบแน่นไปด้วยแก่นแท้ของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์จำนวนมหาศาล
รูปร่างของมันจะเปลี่ยนเป็นรูปงู ดังนั้นจึงได้ชื่อว่าเป็นกล้วยไม้หยกนาคราช มันมีความสามารถพิเศษในการล้างพิษและสามารถแก้พิษนานาชนิดได้เกือบทั้งหมดในโลกนี้
เนื่องจากมันเติบโตข้างถ้ำงูมันจึงมีลักษณะเป็นพิษที่สามารถชะล้างผลของสมุนไพรที่มีพิษทุกชนิดในโลกนี้ได้
นอกเหนือจากนี้เนื่องจากมันยังดูดซับแก่นแท้ของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์พร้อมกับงู มันจึงมีพลังปราณแห่งชีวิตจำนวนมาก ดังนั้นจึงเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่ผู้ฝึกฝน”
ทั้งสองพยายามย่องเข้าไปให้เบาที่สุดเท่าที่จะเบาได้ ว่ากันว่างูระดับนาคราชจะเฝ้ากล้วยไม้หยกชนิดนี้เพื่อเก็บไว้ใช้เอง
เมื่อกล้วยไม้หยกนาคราชมีรูปร่างคล้ายกับพญานาคมากที่สุดนั่นแสดงให้เห็นถึงช่วงเวลาที่งูที่ดูแลกล้วยไม้ชนิดนี้จะกินมันลงไป
หากใครมีเจตจำนงต่อกล้วยไม้งูหยก จะต้องต่อสู้กับงูที่ปกป้องมันอย่างสุดชีวิตแน่นอน
งูตัวนี้คืองูเขาหยกขนาดใหญ่ แต่กล้วยไม้หยกนาคราชยังไม่เปลี่ยนแปลงจนมีลักษณะคล้ายกับนาคราช ดังนั้นพวกมันจึงยังไม่โตเต็มที่
“เราจะจัดการมันได้ยังไง?”
“ข้าพนันได้เลยว่าตอนนี้มันคงกลัวเสียงที่ดังอยู่ทางนั้น ดังนั้นมันควรจะซ่อนตัวลึกเข้าไปในถ้ำหากเรามีความระมัดระวังสักหน่อยก็น่าจะแย่งชิงเอากล้วยไม้พวกนี้มาได้” ผังป๋อพยายามวิเคราะห์
“นั่นฟังดูไม่ปลอดภัยเท่าไหร่ เราควรรอสักหน่อยก่อน บางทีสัตว์ร้ายที่ทำให้เกิดเสียงดังนั้นอาจจะวิ่งมาทางเราก็ได้ หากเรามัวแต่พยายามเก็บกล้วยไม้หยกเราคงหนีไม่ทัน”
“ตกลง งั้นก็อดทนรอไปก่อน”
หลังจากที่ทั้งสองพูดคุยกันเสร็จแล้ว พวกเขาก็ซ่อนตัวอยู่ในป่า แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในส่วนลึกของซากปรักหักพัง แต่ทั้งคู่รู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นควรจะเกิดขึ้นอีกครั้งในไม่ช้า
ตามที่คาดไว้ไม่ถึงสามสิบนาทีต่อมา เสียงอู้อี้ดังขึ้นสามครั้งติดต่อกัน หัวใจของเย่ฟ่านและผังป๋อเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ
เสียงดังกล่าวทำให้พวกเขารู้สึกแปลกๆและแม้แต่วิญญาณของพวกเขาก็ดูเหมือนว่าจะสั่นสะท้านเล็กน้อย ซึ่งมันก็หมายความว่านี่เป็นโอกาสที่สำคัญของพวกเขาเช่นกัน
ทั้งสองพุ่งเข้าไปปากถ้ำอย่างรวดเร็วและดึงกล้วยไม้หยกสามต้นที่อยู่ด้านนอกรังงู
พวกเขาไม่หันกลับไปมองว่างูตัวนั้นตามออกมาหรือเปล่าและพวกเขาพยายามวิ่งเข้าไปในป่าหินให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้
พวกเขาวิ่งไปหลายลี้ก่อนที่จะหยุดลง เสียงดังมาจากข้างหลังพวกเขา และบริเวณป่าหินก็สั่นสะท้านราวกับเกิดแผ่นดินไหว เห็นได้ชัดว่างูเฒ่าตามล่าพวกเขาแล้ว
“ตง!”
เสียงอู้อี้อีกเสียงมาจากส่วนลึกของซากปรักหักพัง หัวใจของเย่ฟ่านและผังป๋อสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงและหน้าอกของพวกเขาเริ่มเจ็บ
แต่เป็นเพราะเสียงนี้เองที่ทำให้งูเฒ่าสงบลงอีกครั้ง
“ว้าว! เราทำสำเร็จแล้วจริงๆ แม้แต่งูเฒ่าที่ดูดซับแก่นแท้ของดวงอาทิตย์มาเป็นเวลานานก็ยังไม่กล้าสู้กับเจ้าตัวนั้น นับประสาอะไรกับพวกเรา!” ผังป๋อบ่นด้วยรอยยิ้ม
ทั้งสองนั่งบนแผ่นหินขนาดใหญ่ หลังของพวกเขามีเหงื่อเย็นหยดลงมาจนเปียกชุ่ม
ทั้งสองตรวจสอบกล้วยไม้หยกในมืออย่างระมัดระวัง พวกมันดูเหมือนมีชีวิตและคล้ายกับงูเฒ่าจริงๆ แม้แต่ก้านก็ยังมีเส้นที่ดูเหมือนเกล็ด
ทั่วร่างของมันเป็นประกายระยิบระยับและกลิ่นหอมสดชื่นก็อบอวลไปทั่วทำให้ความเหน็ดเหนื่อยของพวกเขาผ่อนคลายลงเล็กน้อย น่าเสียดายที่ยังไม่โตเต็มที่
“แค่นี้ก็ดีมากแล้ว โอกาสแบบนี้ไม่ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ” เย่ฟ่านเสริมด้วยรอยยิ้ม
“มันสามารถเสริมพลังลมปราณให้พวกเราได้จริงๆหรือเปล่า” ผังป๋อกล่าวด้วยความสงสัย
“เราสามารถหาที่ปลอดภัยและลองดู”
ไม่ว่าพวกเขาจะโง่แค่ไหนก็ไม่มีทางที่จะแลกเปลี่ยนของสิ่งนี้กับน้ำยาร้อยสมุนไพรของผู้อาวุโส ซึ่งเป็นเพียงแก่นแท้ของการกลั่นสมุนไพรธรรมดาร้อยชนิด
เย่ฟ่านและผังป๋อใช้เถาวัลย์ปีนขึ้นไปบนหน้าผา ที่นี่พืชพรรณเขียวขจีมาก แต่ก็เงียบสนิทโดยปราศจากสัตว์ร้ายแม้แต่น้อย
พวกเขานำกล้วยไม้หยกนาคราชมาด้วยดังนั้นสัตว์ร้ายที่มีระดับต่ำไม่สามารถเข้าใกล้พวกเขาได้
ทั้งสองคนคุยกันอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจว่าเย่ฟ่านควรเป็นคนแรกที่ใช้เพื่อดูว่าผลเป็นอย่างไร ร่างกายของเขามีความพิเศษ ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องกังวลว่ายาจะรุนแรงเกินไปและทำลายทะเลแห่งความทุกข์ของเขา
เย่ฟ่านกัดกล้วยไม้หยกครึ่งหนึ่งและกลิ่นหอมก็ระเบิดออกมาทันที กลิ่นหอมของมันกระจายไปทั่วทั้งภูเขา ปากของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นในขณะที่ร่างกายของเขาก็ร้อนรุ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
พลังปราณทางวิญญาณโดยรอบยิ่งหนาแน่นขึ้น และส่วนที่เหลือของกล้วยไม้หยกนาคราชก็ปล่อยพลังปราณแห่งชีวิตออกมาอย่างมากมายมหาศาลกลายเป็นแสงหลากสีที่หมุนวน
เย่ฟ่านรีบโยนส่วนที่เหลือเข้าไปในปากของเขาก่อนที่จะนั่งลงเพื่อทำสมาธิและหมุนเวียนพลังที่อยู่ในร่างกายไปที่เส้นลมปราณตามวิถีของเต๋าจิง
เขานั่งอยู่ที่นั่นเหมือนรูปปั้น หลังจากนั้นไม่นานเย่ฟ่านก็หอบหายใจอย่างรวดเร็ว และผิวของเขาก็กลายเป็นสีแดงก่ำ รูขุมขนของเขาเปิดออกและจุดสีแดงมากมายก็ล้นออกมาทางรูขุมขนของเขา
ผังป๋อรู้สึกประหม่ามากในขณะที่เขาเฝ้าดูเขาอย่างเงียบๆ เขาสัมผัสได้ถึงพลังปราณแห่งจิตวิญญาณที่ทรงพลังอย่างยิ่งยวดอยู่ภายในเนื้อหนังของเย่ฟ่าน
เขาสามารถได้ยินแม้แต่เลือดของเย่ฟ่านขณะที่มันเดินทางผ่านหลอดเลือดแดงของเขา มันเหมือนกับแม่น้ำขนาดใหญ่ที่ไหลผ่านร่างกายของเขาไม่หยุด
นี่ไม่เพียงแค่เกิดเสียงดังเท่านั้นแม้แต่พลังชีวิตมากมายที่น่าเกรงขามก็ยังตามมาติดๆ มันทำความสะอาดเนื้อหนังของเขาอย่างต่อเนื่อง และร่างกายทั้งหมดของเขาก็เริ่มล้นออกมาด้วยความสดใส
หนึ่งชั่วยามต่อมาเสียงจากหลอดเลือดแดงเย่ฟ่านก็หยุดลง ลมหายใจของเขาค่อยๆช้าลงและชีพจรของเขาก็มั่นคงขึ้น ร่างกายทั้งหมดของเขาดูเหมือนจะมีลักษณะทางจิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่
บูม!
ทันใดนั้นทะเลแห่งความทุกข์ของเย่ฟ่านก็ระเบิดออกด้วยแสงสีทองที่ลุกโชติช่วงและลำแสงสีรุ้งอันศักดิ์สิทธิ์ที่ส่องประกายเจิดจ้า
“มาแล้ว!”
ผังป๋ออุทานด้วยความตื่นเต้น
ครั้งสุดท้ายเขาก็ได้เห็นฉากนี้ด้วย ทะเลแห่งความทุกข์ของ เย่ฟ่านได้กลายเป็นมหาสมุทรสีทอง เสียงอึกทึกของสึนามิกระแทกดังก้องอีกครั้ง
คลื่นทะเลอันบ้าคลั่งพุ่งสูงขึ้นและแสงสีทองก็ส่องประกายอย่างถึงที่สุด มหาสมุทรที่ไม่มีที่สิ้นสุดเป็นลูกคลื่นเมื่อกลืนกินท้องฟ้าด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ที่ลุกโชติช่วง
บัม!
ฟ้าร้องดังก้องเมื่อสายฟ้าสีทองพาดผ่านท้องฟ้า เสียงฟ้าร้องนับพันดังก้องไปทั่วดินแดนแห่งนี้ และพลังทำลายล้างก็มีพลังงานไม่รู้จบเมื่อสายฟ้าโหมกระหน่ำอยู่ด้านบน
ท้องทะเลสีทองพุ่งพรวดพราดขึ้นสู่ด้านบนจากนั้นก็รวมตัวกับสายฟ้าที่ส่องลงมาจากสวรรค์ มันสร้างโลกที่แปลกประหลาดซึ่งเต็มไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ไม่มีที่สิ้นสุด
เสียงคลื่นทะเลยังคงเกิดขึ้นไม่หยุด และแม้ว่าผังป๋อจะเคยประสบกับมันมาแล้ว แต่เขาก็ยังรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับพลังอันน่าอัศจรรย์ของทะเลแห่งความทุกข์ในขณะที่มันสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง
ทะเลแห่งความทุกข์ของเย่ฟ่านสว่างไสวและเจิดจ้าอย่างสมบูรณ์ แม้กระทั่งทำให้ทิวทัศน์โดยรอบถูกปกคลุมไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์
กว่าสี่ชั่วยามก่อนที่สถานที่แห่งนี้จะกลับสู่ความสงบ แสงสีทองจางหายไปและเสียงอึกทึกก็จางหายไปเมื่อทะเลแห่งความทุกข์ของเย่ฟ่านเงียบลงอีกครั้ง
หนึ่งชั่วยามต่อมาในที่สุดเย่ฟ่านก็ลืมตาขึ้น ดวงตาของเขาเปล่งประกายด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ เขาเต็มไปด้วยพลังปราณและโลหิตของเขาก็ดูเหมือนจะอัดแน่นไปด้วยพลังชีวิตอันมหาศาล