ตอนที่ 26
วีสับสนเล็กน้อยพร้อมกับหยิบโทรศัพขึ้นมาเพื่อโทรหาเบลทันที เมื่อเบลรับสายก็กล่าวพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงร่าเริง
[ ว่าไงจ๊ะวีมาถึงแล้วงั้นเหรอ ? ]
วีที่ได้ยินน้ำเสียงร่าเริงของเบลก็อดไม่ได้ที่จะกุมขมับก่อนจะเอ่ยถามออกไปทันที
“มาถึงแล้วครับ ว่าแต่นี่มันอะไรกันครับไหนบอกว่าเป็นงานถ่ายแบบพิเศษ แต่ที่นี่มันกองถ่ายหนังชัดๆเลยไม่ใช่หรอครับ !?”
เบลที่ได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะออกมาทันทีก่อนจะคลายความสงสัยของวี
[ งานที่พี่ชวนเป็นงานถ่ายแบบจริงๆ แต่ว่ามันเป็นกองซ้อนน่ะจ๊ะ ]
“กองถ่ายซ้อน ?”
วีถามออกไปด้วยความสงสัย แน่นอนเขารู้ว่ากองซ้อนมันคืออะไร มันเป็นคำที่มักจะใช้กันเวลาที่เจอกองถ่ายซ้อนกันสองกองถ่ายขึ้นไป
แน่นอนว่าเรื่องของกองซ้อนนั้นไม่ใช่เรื่องปกติหากไม่มีเหตุผลอะไรสมควรคุณจะไม่เจอเหตุการณ์แบบนี้เลยเพราะมันแสดงให้เห็นถึงความไม่เป็นมืออาชีพของเหล่าทีมงาน
แต่สำหรับกองถ่ายตรงหน้าของวีนั้นหากให้เทียบแล้วถือว่าเป็นกองถ่ายที่ค่อนข้างจะใหญ่ การที่จะมีเหตุการกองซ้อนเกิดขึ้นนั้นเป็นอะไรที่ไม่น่าจะเป็นไปได้
ฉะนั้นเหตุผลเดียวที่ทำให้มีกองซ้อนแบบนี้ก็แปลว่าทีมงานนั้นจงใจให้มันเกิดขึ้น
[ เอาเป็นว่าเดียวพี่จะให้คนออกไปรับก็แล้วกันนะ ]
“เข้าใจแล้วครับ”
วีถอนหายใจออกมาพร้อมกับกดวางสายก่อนจะมองไปยังบรรยากาศกองถ่ายหนังรอบๆ แม้มันจะไม่ใช่กองถ่ายที่ใหญ่โตเหมือนกับที่เขาเคยรู้จักแต่บรรยากาศเหล่านี้ก็ทำให้วีอดไม่ได้ที่จะคิดถึงเรื่องราวเก่าๆที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิตของเขา
ในขณะที่วีกำลังยืนรำลึกความหลังอยู่นั้นก็ได้มีผู้หญิงใส่แว่นคนหนึ่งวิ่งเข้ามาหาวี พร้อมกับเอ่ยถามกับเขา
“เธอใช่วีหรือเปล่า ?”
วีได้สติกลับมาพร้อมกับจ้องมองเธอเล็กน้อยพร้อมกับพยักหน้า
“ครับ”
เมื่อได้รับคำยืนยันเธอก็พยักหน้าเล็กน้อย
“เอาล่ะงั้นตามพี่มาได้เลยจ๊ะ”
จากนั้นเธอก็เดินนำทางวีเข้าไปในเขตกองถ่าย ระหว่างทางเธอก็แนะนำตัวเอง
“พี่ชื่อพี่แก้วนะ เป็นผู้จัดการส่วนตัวของเบล”
วีที่ได้ยินแบบนั้นก็แปลกใจเล็กน้อยเพราะปกติวีมักจะเห็นเบลไปไหนมาไหนด้วยตัวคนเดียวไม่คิดว่าเธอจะมีผู้จัดการด้วย เพราะมีดาราไม่น้อยที่มักจะทำงานด้วยตัวคนเดียวเพราะไม่อยากจะผูกมัดกับสัญญาต่างๆที่วุ่นวาย และมันยังสามารถทำให้พวกเขาเลือกรับงานได้อย่างอิสระอีกด้วย
แต่วีเองก็คิดว่าในอนาคตเขาคงจะต้องหาผู้จัดการส่วนตัวบ้างเนื่องจากเขาขี้เกียจเกินกว่าจะมาจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง แน่นอนว่าคนๆนั้นจะต้องไว้ใจได้ด้วยเพราะวีตั้งใจว่าเขานั้นจะเป็นดาราอิสระที่ไม่สังกัดบริษัทหรือเอนเจนซี่ใดๆ
“ผมวีครับ”
วีแนะนำตัวเองเล็กน้อย พี่แก้วพยักหน้าก่อนจะเอ่ยชมวี
“หน้าตีดีอย่างที่เบลบอกจริงๆด้วย เธอนี่น่าจะรุ่งนะถ้าเดินทางสายไอดอลหรือนักแสดง”
วีที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มพร้อมกับเกาหัว
“ผมก็อยากจะเป็นนักแสดงอยู่นะครับ แต่แค่ยังไม่ได้รับโอกาส”
พี่แก้วที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าพร้อมกับมองหน้าวีเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะคิกคักออกมา ทำเอาวีรู้สึกสงสัยแต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก
พี่แก้วนำทางวีมาจนถึงเต็นท์ของนักแสดงหญิง เมื่อเข้ามาด้านในวีก็เห็นนักแสดงหญิงหลายคนกำลังแต่งหน้ากันอยู่พร้อมกับท่องบทไปด้วย
พี่แก้วพาวีมาหาเบลที่กำลังนั่งอ่านบทพร้อมกับกำลังทำผมไปด้วยอยู่ เมื่อเบลเห็นวีก็กล่าวทักทายทันที
“มาแล้วงั้นเหรอจ๊ะ”
วีที่ได้เห็นท่าทีร่าเริงแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า
“ช่วยอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้ผมฟังทีเถอะครับ”
เบลที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มพร้อมกับอธิบายให้วีได้ฟัง
“อ๋อ นี่คือกองถ่ายละครเรื่องสวาทรักเล่ห์น่ะ ซึ่งพี่ก็เป็นหนึ่งในคนที่ร่วมแสดงด้วย”
วีพยักหน้าเข้าใจเบลจึงอธิบายต่อ
“แล้วก็อีกกองนึงเป็นกองถ่ายของโฆษณาเครื่องปรับอากาศยี่ห้อหนึ่งน่ะ แล้วก็บังเอิญว่าพี่ก็เป็นนักแสดงหลักของโฆษณานั้นด้วยอ่ะนะ”
“แล้วทำไมทั้งสองกองที่ไม่น่าจะมาเจอกันได้ไหงมาอยู่ด้วยกันละครับ ?”
วีถามด้วยความสงสัย เบลจึงตอบไปว่า
“ก็นะบังเอิญว่าเครื่องปรับอากาศยี่ห้อนั้นกับผู้สนับสนุนหลักของละครเรื่องนี้ดันกลายเป็นคนเดียวกันน่ะสิ แถมยังใช้โลเคชั่นเดียวกันในการถ่ายอีก ก็เลยกลายเป็นว่ากองถ่ายทั้งสองกองจำเป็นจะต้องมาอยู่ในที่เดียวกันแบบนี้”
วีที่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับแสดงสีหน้าตกใจออกมาเพราะต่อให้เป็นเด็กก็ยังรู้ได้เลยว่าเหตุการณ์แบบนี้มันไม่ควรจะเกิดขึ้นไม่ว่าอะไรก็ตามเพราะมันแสดงให้เห็นว่าผู้จัดการกองถ่ายทั้งสองนั้นไม่เป็นมืออาชีพเอาเสียเลย
เบลเองก็สัมผัสได้ถึงความไม่ชอบใจที่วีแสดงออกมาเธอก็ยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“ไม่ต้องกังวลหรอกนะ เพราะถึงแม้ทั้งสองกองจะใช้โลเคชั่นร่วมกันแต่ก็เป็นคนละส่วนกันอะนะ ดังนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องที่จะเกิดความวุ่นวายขึ้นหรอก”
วีที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกับถามว่า
“แล้วงานที่พี่บอกผมก็คืองานโฆษณาเจ้าปัญหานั่นสินะ”
“ปิ๊งป่อง !! ถูกต้องแล้วจ้า”
จากนั้นเบลก็ยื่นกระดาษสองสามแผ่นมาให้กับวี เขารับมาด้วยความสับสน
“เอาล่ะก่อนจะถึงคิวถ่ายโฆษณามันค่อนข้างนานเอาเป็นว่าเรามาช่วยต่อบทให้พี่หน่อยก็แล้วกันนะ”
เบลพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม