80Y-ตอนที่ 53 ไพ่ใบสำคัญของจักรพรรดินี
หลินจิ่วเฟิง ได้ฟันปราณกระบี่ของเขาออกไป การกระทำของเขานี้ได้บังคับให้หมอกดำล่าถอยหนีอย่างต่อเนื่อง
มันตระหนักได้ว่าตนเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของ หลินจิ่วเฟิง
อันที่จริง มันรู้อยู่ก่อนแล้วตอนที่ ราชาวิญญาณขุนเขา ถูกฆ่าตายก่อนหน้านี้
ใครบางคนที่สามารถบุกเข้ามายังโลกจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขา และ ทำลายโล่ที่เขาตั้งไว้ได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว อีกฝ่ายสามารถสังหารคนภายใต้การปกป้องของเขาได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรเลย
ดังนั้นหมอกดำจึงตระหนักได้ว่าตนเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย
มันจึงเลือกที่จะล่าถอย
ต่างจากราชาวิญญาณขุนเขาที่หยิ่งผยอง หมอกสีดำได้ล่าถอยด้วยความกลัว
อย่างไรก็ตาม ปราณกระบี่ของ หลินจิ่วเฟิง ก็ได้ฟันออกไปแล้ว
เปรี้ยง!
ช่วงวินาทีต่อมา หมอกสีดำที่ได้ใกล้สลายหายไปภายใต้การโจมตีของเขา
มันได้สั่นสะท้านอย่างรุนแรง และส่งเสียงคร่ำครวญออกมาไม่หยุด
แต่โชคดีที่มันสามารถหลบหนีไปได้
มันได้ออกจากโลกจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ด้วยร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผล
หลินจิ่วเฟิง ไม่ได้คิดจะหยุดมัน ท้ายที่สุดแล้วสถานที่แห่งนี้ก็ถูกสร้างขึ้นโดยมัน
ไม่มีใครสามารถหยุดมันจากการจากไปได้
“เพียงแต่พลังปราณกระบี่ที่ข้าทิ้งเอาไว้ในร่างกายของเจ้า จะช่วยพาข้าไปพาเจ้าในเร็ว ๆ นี้”
ดวงตาของ หลินจิ่วเฟิง ได้เป็นประกายเล็กน้อย
บรรพบุรุษเผ่าวิญญาณขุนเขา แตกต่างจากที่ หลินจิ่วเฟิง คาดการณ์เอาไว้
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายมีพลังขั้นเทพมนุษย์ อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ได้ทรงพลังเท่ากับเทพมนุษย์ทั่วไป ตั้งแต่เริ่มมันได้ซ่อนตัวอยู่ในหมอกดำโดยไม่เผยร่างกายที่แท้จริงออกมา
กระทั่งตอนสอบปากคำ หลินเทียนหยวน มันก็ให้ ราชาวิญญาณขุนเขา เป็นตัวแทนของตัวเอง เมื่อพิจารณาสิ่งเหล่านี้ หลินจิ่วเฟิง ก็ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวตนเช่นนี้จะเป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าจากยุคโบราณจริง ๆ
วังวนสีดำได้หายไป
จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของ หลินจิ่วเฟิง และ หลินเทียนหยวน ได้กลับไปยังตำหนักจักรพรรดินี
…
ในตำหนักจักรพรรดินี หลินจิ่วเฟิง ได้เอามือออกจากหน้าผากของ หลินเทียนหยวน
เขาได้นั่งข้าง ๆ และ ไตร่ตรองด้วยตัวเองอย่างเงียบ ๆ
จักรพรรดินีได้เฝ้ามองจากระยะไกล
นางยังคงไม่เห็นรูปลักษณ์ของ หลินจิ่วเฟิง
แม้ว่า หลินจิ่วเฟิง จะไม่ได้ใช้พลังปกคลุมร่างกายของเขาเอาไว้ แต่รูปลักษณ์ของเขาก็ราวกับภาพลวงตาในมหาสทุรที่ทำให้นางเพียงจ้องมองก็ทำให้ดวงตารู้สึกสับสน
ในที่สุด หลินเทียนหยวน ก็ตื่นขึ้นมา
ร่างกายของเขาอ่อนแอลงมาก ส่งผลให้ตัวเขาในเวลานี้เปราะบางจนไม่อาจลุกขึ้นด้วยตัวเองได้
จักรพรรดินีรีบไปช่วย ผยุง หลินเทียนหยวน ขึ้นในทะนที
หลินจิ่วเฟิง มองไปที่ หลินเทียนหยวน และพูดช้า ๆ“หากไม่ไหวก็ไม่ต้องฝืนลุกขึ้นมา”
“คราวนี้ร่างกายของเจ้าสูญเสียพลังชีวิตไปมาก มันได้ทรมานเจ้าในความฝันเพื่อต้องการให้เจ้าปล่อยสมาชิกของเผ่าวิญญาณขุนเขา”
“ท่านลุง ข้ายังคงไร้ประโยชน์เช่นเคย ข้าไม่สามารถต้านทานความอยากนอนของตัวเองได้”หลินเทียนหยวน ได้ยิ้มอย่างขมขื่น
“ไม่ใช่ความผิดเจ้า…”
“สนมหมิง น่าจะเคยเอาโลหิตและเส้นผมของเจ้าไปมอบให้กับราชาวิญญาณขุนเขา”
“และพวกมันได้ใช้ทักษะลับบางอย่างเป็นธรรมดาที่เจ้าจะไม่สามารถป้องกันได้”
“คืนนี้ เจ้าประสบความสูญเสียครั้งใหญ่ แต่ถ้าเจ้าพักผ่อนร่างกายให้ดีในอนาคตก็น่าจะพอชดเชยความสูญเสียนี้ได้ การจะมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกสัก 40 ปีก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”หลินจิ่วเฟิง ได้ตอบกลับเบา ๆ
ภัยพิบัติในครั้งนี้ได้ทำลายรากฐานการบ่มเพาะพลังของ หลินเทียนหยวน อีกทั้งยังทำลายความสามารถในการทะลวงเข้าสู่ขั้นปราชญ์การต่อสู้ อย่างไรก็ตาม หากเขาดูแลร่างกายของตนเองอย่างเหมาะสม มันก็ไม่น่าจะมีปัญหาที่จะมีชีวิตต่อไปได้อีก 40 ปี
เมื่อถึงเวลานั้นเขาจะกลายเป็นชายชราในวัย 70 ปีเช่นเดียวกัน
ถือได้ว่าเป็นบั้นปลายของชีวิต
หลินเทียนหยวนได้ยิ้มอย่างขมขื่น“หากเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับสนมหมิงจริง ข้าคงได้แต่โทษในความโง่เขลาของตัวเอง ข้าสร้างปัญหาให้ท่านลุงและต้องคอยให้ท่านมาปัดกวาดเช็ดถูให้อีก ข้าช่างไร้ประโยชน์จริง ๆ …”
หลินจิ่วเฟิง ได้มองไปที่อีกฝ่ายและตอบกลับ“เจ้าอยู่กับข้าตั้งแต่อายุ 5 ปีจนกระทั่งเจ้าขึ้นครองบัลลังก์ตอนอายุ 15 ข้าเฝ้าดูการเติบโตของเจ้า และ เจ้าก็เชื่อฟังข้ามาตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้…”
“ถึงแม้ว่าเจ้าจะดื้อรั้นเป็นบางครั้ง แต่เจ้าก็ยังเป็นผู้สืบทอดที่ดีที่สุดของพ่อเจ้า เขาได้พิสูจน์แล้วว่าเขาไม่ได้เลือกคนผิด และ ข้าก็ไม่ได้เลือกคนผิดเช่นกัน”
หลินเทียนหยวน ได้ยิ้มเบา ๆ “เพียงได้รับคำชมจากท่านลุง ความพยายามทั้งหมดของข้าตลอดหลายปีที่ผ่านมาก็ไม่สูญเปล่าแล้ว”
“ข้าจะกลับแล้ว เจ้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับบรรพบุรุษเผ่าวิญญาณขุนเขาอีกต่อไป เขาทำลายรากฐานการบ่มเพาะพลังของเจ้า ข้าจะทำให้เขาต้องชดใช้หนี้นี้อย่างแน่นอน”ดวงตาของ หลินจิ่วเฟิง ได้กลายเป็นเย็นชา
หลินเทียนหยวน ยืนกรานที่จะลุกขึ้นยืนเพื่อส่ง หลินจิ่วเฟิง ออกไป แต่เขาไม่สามารถยืนขึ้นได้เลย
ท้ายที่สุด จักรพรรดินี ก็ไปส่ง หลินจิ่วเฟิง ออกจากพระราชวังในนามของ หลินเทียนหยวน
หลินจิ่วเฟิง ได้ลอยขึ้นไปบนฟ้าและหายตัวไปในที่สุด
จักรพรรดินีกลับมาที่ตำหนักด้วยความสงสัย
นางมองไปที่ หลินเทียนหยวน และกล่าวถามอย่างไม่แน่ใจ“คน ๆ นั้นคือท่านลุงของพระองค์หรือเพคะ?”
หลินเทียนหยวน ได้พยักหน้า เขาได้พิงขอบเตียงและส่งสัญญาณให้จักรพรรดินีนั่งลง
นางได้นั่งลงอย่างเชื่อฟัง
“ภรรยาข้า ข้าทำให้เจ้าต้องผิดหวังมาตลอดหลายปีนี้”หลินเทียนหยวนได้ถอนหายใจออกมา
“ฝ่าบาท พระองค์ตรัสอะไรแบบนั้น หม่อมฉันแต่งงานกับพระองค์ตอนอายุ 16 ปี ปัจจุบันหม่อมฉันอายุแค่ 30 เพียงเท่านั้น อีกทั้งยังได้เป็นมารดาแผ่นดินราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา หม่อมฉันได้ดูแลวังหลังและสิ่งที่พระองค์ประทานให้ก็คือเกียรติยศของตระกูลที่ถูกส่งต่อไปอีก 10 ชั่วอายุคน พระองค์ไม่ได้ทำให้หม่อมฉันผิดหวังเลยเพคะ”จักรพรรดินีได้คว้าข้อมือใหญ่ของ หลินเทียนหยวน และตอบกลับ
หลินเทียนหยวน มองไปที่ จักรพรรดินี ที่กำลังยิ้มและจับมือเขาแน่น
ไม่จำเป็นจะต้องมีคำพูดใด ๆ พวกเขาทั้งสองก็เข้าใจกัน
เมื่อคิดอย่างรอบคอบแล้ว หลินเทียนหยวน ก็คิดว่าเขาเคยเป็นตัวสารเลวบัดซบแค่ไหน
โชคีที่สวรรค์ยังประทานเวลาชีวิตให้เขาอีก 40 ปี
“ภรรยาข้า...คนผู้นั้นคือผู้ปกครองราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาที่แท้จริงแล้วยังเป็นท่านลุงของข้าด้วย”
เขาได้บอกจักรพรรดินีเกี่ยวกับความลับสำคัญที่สุดของเขา
ในราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาทั้งหมด-มีเพียงสองคนเท่านั้นที่รู้ตัวตนของ หลินจิ่วเฟิง
หนึ่งคือจักรพรรดิหมิง-หลินเทียนหยวน
สองคือต้าชุน
ต้าชุนเป็นคนที่เรียบง่ายและซื่อสัตย์ เขารู้เพียงแค่ว่า หลินจิ่วเฟิง แข็งแกร่งมาก และ อีกฝ่ายน่าจะคาดเดาได้ไม่ยากว่า หลินจิ่วเฟิง คือเทพมนุษย์ ที่ทุกคนกล่าวขานถึง ผู้ที่อาศัยอย่างสันโดษภายในเมืองหลวงของราชวงศ์…
เพียงแต่เขาก็รู้ไม่มากเท่ากับ หลินเทียนหยวน
หลินเทียนหยวน เป็นคนที่รู้จัก ‘ภูมิหลังทั้งหมด’ ของหลินจิ่วเฟิง
เพราะท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็อาศัยอยู่ด้วยกันตลอดระยะเวลา 10 ปี
นี่คือไพ่ตายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา
ก่อนหน้านี้เขาไม่กล้าบอกใคร
แต่วันนี้เขาได้ริเริ่มที่จะบอกจักรพรรดินีเกี่ยวกับเรื่องราวทั้งหมด
หัวใจของเขาได้ยอมรับตัวตนของจักรพรรดินีโดยสมบูรณ์
“ท่านลุง?”จักรพรรดินีมองไปที่หลินเทียนหยวนด้วยความประหลาดใจ“ท่านลุงที่เป็นสายเลือดเดียวกันกับพระองค์หรือเพคะ?”
หลินเทียนหยวนได้พยักหน้า
เขารู้สึกภูมิใจมาก“ถ้าพวกเราไม่มีความเกีย่วข้องทางสายเลือดกัน ใครเล่าจะมาช่วยข้าแบบนี้ และทุกครั้งที่ข้าทำผิดก็เป็นเขาที่คอยช่วยแก้ไขปัญหาให้”
“หม่อมฉันแต่งงานกับฝ่าบาทมานานกว่า 10 ปีแล้ว หม่อมฉันเชื่อว่าตนเองเคยพบญาติของฝ่าบาททุกคนมาก่อน”จักรพรรดินีได้ครุ่นคิด แต่นางก็ยังสับสน
“ลองคิดให้ดี”หลินเทียนหยวน ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
จักรพรรดินีได้คิดอย่างรอบคอบ
“ฝ่าบาท หม่อมฉันได้นึกถึงรายชื่อเชื้อพระวงศ์ตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่หม่อมฉันก็ยังไม่สามารถคาดเดาตัวตนของเขาได้ ฝ่าบาทโปรดบอกหม่อมฉันหน่อยเพคะ”จักรพรรดินีได้กล่าวถามอย่างใจเย็น
“เจ้าจำตอนที่เสด็จปู่ของข้าทรงแต่งตั้งองค์รัชทายาทคนใหม่ในตอนนั้นได้หรือไม่?”หลินเทียนหยวนได้กล่าวถาม
“หม่อมฉันเคยได้ยินมา…”
“พระบิดาจักรพรรดิได้ปราบปรามกลุ่มองค์ชายในเวลานั้นและได้คัดเลือกให้เป็นองค์รัชทายาทคนต่อไป”จักรพรรดินีได้พยักหน้า
“แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าองค์รัชทายาทคนก่อนหน้าเสด็จพ่อของข้าเป็นใคร?”
หลินเทียนหยวนได้กล่าวถาม
“หม่อมฉันไม่แน่ใจ ตอนนั้นหม่อมฉันเพิ่งเกิดและยังเด็กมาก”จักรพรรดินีได้สั่นศีรษะ
หลินเทียนหยวน อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
เขาช่างไร้หัวคิดจริง ๆ
เห็นได้ชัดว่าเขาจัดการอดีตองค์ชายเหล่านั้นไปหมดแล้วทำให้ไม่มีใครที่จะรู้จัก หลินจิ่วเฟิง ในปัจจุบัน
แม้แต่จักรพรรดินีในปัจจุบันก็ยังไม่รู้
“ก่อนหน้าเสด็จพ่อของข้าจะขึ้นเป็นองค์รัชทายาท-องค์รัชทายาทคนก่อนก็คือเสด็จลุงของข้า-เป็นพระญาติที่มีสายเลือดเดียวกัน เขาเกิดมาจากมารดาคนเดียวกันกับเสด็จพ่อของข้า”
“เพียงแต่เพราะเขาทำผิดพลาดครั้งใหญ่ในตอนนั้นทำให้ถูกปลดออกจากตำแหน่งองค์รัชทายาทและถูกเนรเทศไปยังตำหนักเย็น จากนั้น เสด็จพ่อของข้าก็ได้กลายเป็นองค์รัชทายาทคนต่อไปและสืบบัลลังก์”
หลินเทียนหยวนได้อธิบายอย่างช้า ๆ
แสงวาบได้ไหลผ่านดวงตาของจักรพรรดินีอย่างต่อเนื่องเมื่อนางได้ยินคำพูดของเขา
นางรู้สึกประหลาดใจจริง ๆ
“ภรรยาข้า เจ้าต้องจำสิ่งนี้ให้ดี คราวหน้าหากข้าไม่อยู่แล้วและเจ้าเผชิญหน้ากับบางสิ่งบางอย่างที่อาจนำมาซึ่งภัยอันตรายต่อราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา…”
“ให้รีบไปที่ตำหนักเย็นและร้องขอให้ท่านลุงช่วย นี่คือไพ่ใบสำคัญที่ข้าเตรียมไว้ให้เจ้าและบุตรชายของเรา”หลินเทียนหยวน ได้ตอบกลับ
“หม่อมฉันจะจำให้ขึ้นใจเพคะ!”จักรพรรดินีได้พยักหน้าอย่างเคร่งขรึม