80Y-ตอนที่ 52 ได้เวลาตายของเจ้าแล้ว!
คืนนี้ หลินเทียนหยวน ได้มาที่ตำหนักของจักรพรรดินีเพื่อพักผ่อน
หลังจากถูกฆ่าตายอย่างต่อเนื่องในความฝัน เขาก็อ่อนแอลงมาก
หลินเทียนหยวน รู้ว่าเขาไม่สามารถตายได้อีกต่อไป
ถ้าเขาตายในฝันครั้งที่สามเขาจะตายในโลกภายนอกด้วย
“ฝ่าบาท ให้หม่อมฉันเรียกหมอหลวงมาตรวจพระวรกายไหมเพคะ?”จักรพรรดินีได้กล่าวอย่างกังวลหลังจากเห็น หลินเทียนหยวน อยู่ในสภาพที่อ่อนแอเช่นนี้
หลินเทียนหยวน ได้สั่นศีรษะ
ใบหน้าของเขาซีดมากร่างกายของเขาค่อนข้างอ่อนแอ แต่เขายังคงมีสติอย่างแจ่มแจ้ง
เขาได้ตอบกลับ“ไม่จำเป็น ขอเพียงเจ้าอยู่กับข้าในคืนนี้ก็พอ”
“ให้คนอื่นออกไปให้หมด”
“แล้วก็…”
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่าได้รบกวนข้าและอย่าได้ส่งเสียงโวยวาย”
แม้ว่าจักรพรรดินีจะไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่นางก็ตอบรับอย่างเชื่อฟัง
“หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ”
จักรพรรดินีได้ช่วย หลินเทียนหยวน ให้นอนหลับบนเตียง
จากนั้นนางก็ไล่บ่าวรับใช้ออกไปทั้งหมด
นางมองไปที่ หลินเทียนหยวน อย่างเงียบ ๆ
กลางดึก
ทันใดนั้นแสงไฟก็ริบริบหรี่ลง
หลินเทียนหยวน ที่หลับไม่ถึง ครึ่งชั่วยามเริ่มปรากฏเหงื่อไหล
ร่างกายของเขาสั่นโดยไม่รู้ตัว
การแสดงออกของจักรพรรดินีได้เปลี่ยนไป
นางรู้สึกประหม่า
นางจ้องไปที่หยานดเหงื่อบนหน้าผากของ หลินเทียนหยวน นางอยากจะเอื้อมมือไปเช็ด
แต่ในชั่วพริบตาต่อมา แสงสว่างจ้าก็ปรากฏขึ้น
มีเงาร่างหนึ่งได้เดินเข้ามาจากทางด้านนอกและพูดขึ้น“อย่าแตะเขา ตอนนี้เขาตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายอยู่”
จักรพรรดินีได้มองไปที่คนที่มาด้วยความประหลาดใจ
ภายใต้การปกคลุมของแสงสว่างอันเจิดจรัส นางมองไม่เห็นรูปลักษณ์ของ หลินจิ่วเฟิง เลย
“เทพมนุษย์!”
แต่นางก็พอจะคาดเดาตัวตนของเขาได้
เขาเป็นเทพมนุษย์ที่อาศัยอย่างสันโดษในเมืองหลวงราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา
“หม่อมฉันจะเฝ้าป้องกันอยู่บริเวณโดยรอบ และ จะไม่รบกวนผู้อาวุโสในการช่วยเหลือฝ่าบาท”
จักรพรรดินีได้กล่าวอย่างสุภาพขณะที่นางล่าถอยออกไปเล็กน้อย นางไม่ต้องการรบกวน หลินจิ่วเฟิง
นางรู้ดีว่าเมื่อใดควรก้าวและเมื่อใดควรถอย
นางรู้ดีว่าอะไรดีสำหรับนาง ดังนั้นทุกย่างก้าวนางล้วนระมัดระวังเป็นอย่างมาก
[คุณต้องการลงชื่อเข้าใช้ตำหนักจักรพรรดินีหรือไม่?]
ทันใดนั้น ประโยคหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของ หลินจิ่วเฟิง
หลินจิ่วเฟิง ไม่ได้คาดหวังว่าข้อความการลงชื่อเข้าใช้สถานที่จะปรากฏขึ้นในเวลานี้
“ยืนยันการเข้าใช้!”ในเมื่อเขามาที่นี่แล้ว เขาจะปฏิเสธได้อย่างไร?
เขายังไม่เคยลงชื่อเข้าใช้ตำหนักจักรพรรดินี
เขาเคยมาที่พระราชวังและตำหนักจักรพรรดินีก่อนหน้านี้แล้ว ตอนที่สนมหมิงประทับอยู่ แต่ด้วยเหตุผลบางประการ ทำให้ข้อความในตอนนั้นไม่ได้ปรากฏขึ้น
แต่ครั้งนี้มันกลับปรากฏออกมาอย่างรวดเร็ว
[ลงชื่อเข้าใช้สำเร็จ ได้รับทักษะเก้ากระบี่ทลายวิญญาณ]
ทักษะนี้มีเก้ากระบวนท่าที่สามารถสลายจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของศัตรูได้ในทันที
“ดี สิ่งนี้ค่อนข้างเหมาะกับข้า...ข้าจะใช้สิ่งนี้ในการทำลายจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของอีกฝ่ายซะ”หลินจิ่วเฟิง รู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก
เขาได้หลับตาลงและรับเอาความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับทักษะในทันที
ไม่นานเขาก็ได้เรียนรู้ เก้ากระบี่ผ่าวิญญาณ เขาได้ลืมตาขึ้นและมองไปที่ หลินเทียนหยวน
ตอนนี้อีกฝ่ายกำลังตกอยู่ในฝันร้ายแล้ว
หมอกสีดำได้ปรากฏขึ้นที่ระหว่างคิ้วของเขา
บูม!
หลินจิ่วเฟิง ได้วางฝ่ามือลงบนหน้าผากของ หลินเทียนหยวน จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ค่อย ๆ ไหลผ่านเข้าไปยังร่างกายของ หลินเทียนหยวน
ในเวลานี้ โลกภายในจิตวิญญาณของ หลินเทียนหยวน กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
เขาได้ถูกจับและถูกคุมขังในพระราชวังที่มืดมิด
มีหมอกดำมหึมากำลังรายล้อมอยู่รอบตัวเขา และ มีสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวซ่อนตัวในหมอกดำ
หมอกสีดำนี้ราวกับหมอกไร้สิ้นสุดที่เขาไม่สามารถมองหาทางออกได้เจอ
และสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวนั่นกำลังจับจ้องมองมาที่เขา
เปรี้ยง!
แส้พลังทมิฬได้ฟาดลงบนร่างของ หลินเทียนหยวน
ในเวลานี้ ราชาวิญญาณขุนเขา ที่ดูเหมือนลิง ก็ปรากฏตัวขึ้นเช่นเดียวกัน
เขามองไปที่ หลินเทียนหยวน ด้วยสีหน้าที่ดูน่าเกลียด
“คิดว่าตนเองเป็นจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาและจะยิ่งใหญ่มากงั้นเหรอ?”
“เป็นเวลานานแล้วที่พวกเราไม่ได้เปิดเผยตัวให้โลกภายนอกได้รู้จัก นั่นก็เพราะพวกเรามีเหลือกันอยู่ไม่มาก แต่เจ้ากลับกล้าออกราชโองการให้จับพวกเราทุกคน?”
ราชาวิญญาณขุนเขาได้มองไปที่ หลินเทียนหยวน ด้วยความโกรธ
“หึ่ม เจ้ากล้าที่จะมาปรากฏตัวที่นี่เองเลยงั้นหรือไม่?”ใบหน้าของหลินเทียนหยวนซีดเผือก
ถึงกระนั้นเขาก็ไม่หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย
เขาได้เย้ยหยันออกมาแทน
“นี่คือโลกจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของบรรพบุรุษเผ่าวิญญาณขุนเขาของข้า เราได้ใช้ทักษะลับเพื่อนำจิตวิญญาณของเจ้ามาที่นี่ ในโลกนี้ถ้าไม่ได้เข้าใจถึงจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อย่างถ่องแท้ก็จะไม่สามารถค้นพบสถานที่แห่งนี้ได้”ราชาวิญญาณขุนเขาได้กล่าวอย่างภาคภูมิใจ
เขาไม่ได้กลัวเลย
“ในเมืองหลวง เจ้าอาจจะเป็นจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา”
“แต่ที่นี่...ข้าคือผู้ที่กุมอำนาจทุกสิ่ง!”
“ตอนนี้ต่อให้พระเจ้าเสด็จลงมา หรือเทพมนุษย์จากราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาของเจ้าอยู่ที่นี่ พวกเขาก็จะต้องคุกเข่าต่อหน้าของข้า!”
ราชาวิญญาณขุนเขาได้ตะโกนออกมาอย่างเย่อหยิ่ง
“จะใช่งั้นเหรอ?”
แต่ทว่าทันใดนั้นเองเสียงที่เย็นชาก็ได้ดังขึ้น
ปราณกระบี่อันเจิดจรัสได้ฟาดผ่าลงไปแยกหมอกสีดำที่รายล้อมอยู่เบื้องล่างในทันที
หลินจิ่วเฟิง ได้ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับออร่าแสงสีทอง
เขาจ้องมองไปที่ ราชาวิญญาณขุนเขาด้วยสายตาที่เย็นชา
จากนั้นเขาก็ชี้นิ้วที่เหมือนกระบี่ออกไป“เจ้าช่วยพูดอีกครั้งได้หรือไม่?”
“เจ้า…”
“เจ้าคือเทพมนุษย์?”
“เจ้ามาที่นี่ได้ยังไง ที่นี่คือโลกจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์บรรพบุรุษของเผ่าวิญญาณขุนเขาของข้า…”
ราชาวิญญาณขุนเขา มองไปที่ หลินจิ่วเฟิง ด้วยความประหลาดใจ
ความเย่อหยิ่งของเขาดูเหมือนจะถูกบดบังด้วยรูปลักษณ์ของ หลินจิ่วเฟิง
“ข้ามาที่นี่ได้ยังไงไม่สำคัญ เจ้ารู้เพียงแค่ว่าข้ามาเพื่อฆ่าเจ้าก็พอ!”หลินจิ่วเฟิง ได้ตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา
หลินจิ่วเฟิง เดิมต้องการช่วย หลินเทียนหยวน จับตัวผู้บ่งการ แต่ใครจะไปคิดว่าราชาวิญญาณขุนเขาจะดูเย่อหยิ่งขนาดนี้
ในเมื่อเป็นกรณีนี้ เขาก็จะไม่ปรานีอีกฝ่าย
“ฮ่าฮ่า หูข้าได้ยินไม่ผิดใช่หรือไม่?”
“ที่นี่คือโลกจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์บรรพบุรุษของข้า เจ้าบอกจะฆ่าข้าที่นี่ เจ้าคิดว่าจะทำได้งั้นเหรอ หรือเจ้าคิดว่าบรรพบุรุษของข้าไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย?”
ราชาวิญญาณขุนเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจและไม่หวาดกลัว หลินจิ่วเฟิง
ข้างหลังของเขามีหมอกสีดำหนาแน่นกำลังเคลื่อนตัว ราวกับว่ามีสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวซ่อนอยู่ในนั้น
“คนขี้ขลาดที่เอาแต่หลบซ่อนตัวในความมืดจะปกป้องเจ้าได้อย่างไร?”หลินจิ่วเฟิง กล่าวพูดด้วยท่าทางรังเกีจ เขาได้ยกมือขึ้นและใช้ทักษะเก้ากระบี่ทลายวิญญาณที่เขาเพิ่งได้รับมา
กระบวนท่าแรก-ทักษะเก้ากระบี่ทลายวิญญาณ-กระบี่สวรรค์ทลายวิญญาณ!
เขาใช้นิ้ววาดเป็นกระบี่เชื่อมโยงผืนนภาและโลกหล้าเข้าด้วยกัน
ในโลกจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ หลินจิ่วเฟิง สามารถเรียกลมเรียกฝนได้
จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขาทรงพลังอย่างมาก
ในเวลาต่อมา ปราณกระบี่ของเขาก็ฟาดฟันออกไป
“ท่านบรรพบุรุษ ช่วยข้าด้วย!”ราชาวิญญาณขุนเขาได้ตะโกนขึ้น
เขาไม่เชื่อว่าเทพมนุษย์อย่าง หลินจิ่วเฟิง จะสามารถฆ่าเขาใน โลกจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของท่านบรรพบุรุษได้
หมอกสีดำได้เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว
มันได้ควบแน่นเป็นเกราะป้องกันขวางด้านหน้าของราชาวิญญาณขุนเขาโดยตรง
หึ่ม!
โล่สีดำขนาดใหญ่ให้ความรู้สึกที่แข็งแกร่งได้ปรากฏขึ้นในเวลานี้
มันดูทรงพลังอย่างมาก
รอยยิ้มแห่งความมั่นใจได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของราชาวิญญาณขุนเขา
แต่ หลินจิ่วเฟิง ก็มีความมั่นใจเช่นเดียวกัน
เขาได้พูดเบา ๆ“ได้เวลาตายของเจ้าแล้ว!”
เมื่อคำพูดของเขาสิ้นสุดลง ทักษะเก้ากระบี่ทลายวิญญาณ ก็แยกโล่ออกเป็นชิ้น ๆ ด้วยแรงกระแทกอันมหาศาล
เพียงวาดกระบี่เพียงครั้งเดียว ก็สามารถทำลายจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของบรรพบุรุษวิญญาณขุนเขาได้
มันดูง่ายดายมาก
โล่สีดำที่ดูแข็งแกร่ง แต่ภายใต้การฟาดฟันที่เต็มไปด้วยเจตจำนงค์กระบี่ของ หลินจิ่วเฟิง โล่นั่นก็ถูกตัดราวกับกระดาษ
ราชาวิญญาณขุนเขาได้มองไปที่ หลินจิ่วเฟิง ด้วยความงุนงง
จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ด้านหน้าได้ถูกทำลาย มันได้กระจายกลายเป็นหมอกสีดำ
ก่อนที่ราชาวิญญาณขุนเขาจะตายอย่างสมบูรณ์ เขาได้มองไปที่ หลินจิ่วเฟิง ด้วยความไม่เชื่อ
เขาอยากรู้ว่าทำไม
ทำไมการโ๗มตีเช่นนี้ถึงได้ทรงพลังนัก?
แต่ หลินจิ่วเฟิง ไม่ได้มองเขาด้วยซ้ำ
การฆ่าอีกฝ่ายนี้เขาคิดว่าอีกฝ่ายตายง่ายเกินไป
แต่ท้ายที่สุดเขาก็แก้แค้นให้ชายชราคนนั้นได้แล้ว
หลินจิ่วเฟิง มองไปที่หมอกสีดำที่พลุ่งพล่านอยู่รอบตัวเขา
มันดูโกรธจัด
มันเดือดดาลอย่างมากและปลดปล่อยแรงกดดันมหาศาลพัดถล่มลงมา
หลินจิ่วเฟิง ยืนเอามือไขว้หลังเอาไว้
เขามองไปที่มันด้วยท่าทีสงบ“ไม่ต้องเดือดไป ข้าจะส่งเจ้าไปปรโลกเช่นเดียวกัน!”
เผชิญหน้ากับการโจมตีเมื่อครู่ของเขา หมอกสีดำไม่ได้หายไปอย่างสมบูรณ์ มันรู้สึกโกรธ หลินจิ่วเฟิง อย่างมาก
เพียงแต่ แม้ว่ามันจะโกรธ แต่ท่าทีของมันกลับดูหวาดกลัวจากภายใน มันไม่ลังเลที่จะหลบหนีไป
มันตระหนักได้ว่า หลินจิ่วเฟิง ไม่ใช่คนที่มันสามารถต่อกรได้
ปราณกระบี่แบบเดียวกับที่ปรากฏขึ้นในประวัติศาสตร์ของเมืองหลวงราชวงศ์ก่อนหน้านี้ได้ปรากฏขึ้นบนแผ่นหลังของ หลินจิ่วเฟิง
เขาได้แสดงกระบวนท่าอื่นจาก ทักษะเก้ากระบี่ทลายวิญญาณ
ทลายวิญญาณ!
“ไปตายซะ!”หลินจิ่วเฟิง ได้บ่นพึมพัมออกมา
เขาได้เหวี่ยงปราณกระบี่ของเขาลงไปทำให้โลกจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ถูกฉีกขาดโดยทันที