WS บทที่ 195 พ่อมดเกล็น
นี่เป็นครั้งแรกที่เมอร์ลินไปเยือนตระกูลนักเวทย์ กลุ่มอาคารบ้านเรือนที่เป็นของตระกูลเดลมันแตกต่างจากที่เมอร์ลินคิดไว้โดยสิ้นเชิง หากเทียบกับดินแดนมนต์ดำที่ส่วนใหญ่มีแต่หอคอยนั้นกับดินแดนของตระกูลเดลแมนที่มีบ้านเรือนเตี้ยหลายหลัง นอกจากนี้ ทุกอาคารก็กว้างขวาง มีแม้กระทั่งวัสดุปรุงยาที่ปลูกไว้รอบบ้าน
ผังเมืองกระจายออกเป็นรูปร่างคล้ายตากับใยแมงมุม อาคารที่เมอร์ลินเห็นระหว่างทางตั้งอยู่ในพื้นที่รอบนอกของตระกูลเดลแมนเท่านั้น
“พ่อมดเมอร์ลิน ไปกันเถอะ”
เอเลน่าพูดกับเมอร์ลินและพาเขาไปที่ประตูหน้า ซิมี่และเอเนล่ายกมือขึ้นและอักษรรูนปรากฏขึ้นบนรอยลูกไม้สีทองบนแขนเสื้อของพวกเขา หลังจากนั้น ความผันผวนแปลก ๆ ก็ปรากฏขึ้นมา เมอร์ลินจ้องมองอย่างประหลาดใจ เขาคิดว่าที่แต่ประตูหน้าก็ยังวงแหวนเวทย์ด้วย
อย่างไรก็ตามวงแหวนเวทย์วงนี้ไม่ได้ทรงพลัง เมอร์ลินสัมผัสได้ว่าอ่อนแอกว่าคาถาระกับหนึ่ง มันสามารถทำลายมันได้อย่างง่ายดาย ไม่สามารถเทียบได้กับวงแหวนเวทย์ที่ล้อมรอบดินแดนมนต์ดำทั้งหมดได้เลย
ท้ายที่สุดแล้ววงแหวนเวทย์ในอาณาเขตของดินแดนมนต์ดำถูกสร้างโดยจอมเวทย์ฟิเดล ทางตระกูลเดลแมนไม่มีนักเวทย์ทรงพลังเช่นนั้นจึงไม่อาจเทียบกันได้
เมื่อเข้าสู่ตระกูลเดลแมน เมอร์ลินก็เห็นนักเวทย์หลายคนเดินไปมา เมื่อบางคนเห็นเอเลน่า พวกเขาจะทักทายเธออย่างสุภาพ เขาสังเกตเห็นว่านักเวทย์ไม่มีพลังเลย บางคนสร้างแค่หนึ่งคาถาหรือสองคาถาเท่านั้น
ระหว่างทาง เมอร์ลินไม่เห็นแม้แต่นักเวทย์ระดับที่หนึ่งที่เป็นของตระกูลเดลแมยเลย เมอร์ลินอดไม่ได้ที่จะถามว่า
“แม่มดเอเลน่า ตระกูลของคุณอยู่ในเมืองโฟลตติ้ง ดังนั้นมันจึงควรเป็นตระกูลนักวเทย์ขนาดใหญ่แต่ทำไมฉันไม่เห็นแม้แต่นักเวทย์ระดับหนึ่งเลยสักคนเดียว?”
“นักเวทย์ระดับหนึ่ง?”
เอเลน่าหยุดและมองเมอร์ลินอย่างแปลกๆ จากนั้นเธอก็แสดงรอยยิ้มที่ขมขื่น “พ่อมดเมอร์ลิน ฉันคิดว่าคุณกำลังเปรียบเทียบที่นี่กับดินแดนมนต์ดำที่มีนักเวทย์ระดับหนึ่งนับไม่ถ้วน มันเทียบกันไม่ได้หรอก อันที่จริง ตราบใดที่คุณเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่ง คุณจะมีสถานะสูงในตระกูล ฉันยังไม่ได้เป็นนักเวทย์ระดับหนึ่งแต่ฉันยังคงมีโอกาสเนื่องจากฉันได้เข้าสู่ดินแดนมนต์ดำ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมฉันถึงมีสถานะทางสังคมระดับสูงในตระกูลและทางตระกูลจึงเน้นการฝึกของฉันให้มากขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นพรสวรรค์ของฉันก็ไม่ได้มีมากเมื่ออยู่ในดินแดนมนต์ดำ”
หลังจากได้ยินคำอธิบายของเอเลน่า เมอร์ลินก็ทำหน้าครุ่นคิด
อันที่จริง พรสวรรค์ของเอเลน่าไม่ได้ยอดเยี่ยมเป็นพิเศษในดินแดนมนต์ดำ หากไม่เป็นเช่นนั้น เธอคงไม่ถูกส่งไปยังหอคอยของพ่อมดลีโอ ถึงกระนั้น เอเลน่ายังคงมีสถานะสูงในตระกูลเดลแมน เนื่องจากเธอมีโอกาสที่จะกลายเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่ง
หากเทียบกับคนธรรมดาในตระกูลเดลแมนที่มีจำนวนมาก พวกเขาไม่มีโอกาสเลยแม้แต่น้อย
เมอร์ลินจึงนึกถึงพ่อมดพเนจร ถือว่าโชคดีแล้วที่พ่อมดโรมมิ่งหนึ่งคนจากหลายร้อยคนที่กลายเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่ง เมอร์ลินเคยอยู่ในดินแดนมนต์ดำ จากนั้นก็มาที่เมืองโฟลตติ้ง เขาเคยเห็นพ่อมดพเนจรหลายคนซึ่งดูเหมือนเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่ง
พ่อมดพเนจรบางคนเช่น พ่อมดแซมเมียร์ พ่อมดเบรน พ่อมดรีเซนและคนอื่น ๆ ที่เป็นนักเวทย์ระดับสาม
เมอร์ลินได้พบกับนักเวทย์ระดับหนึ่งถึงระดับสามจำนวนมาก ทำให้เขามีความเข้าใจผิดว่านี่เป็นเรื่องปกติที่จะมีนักเวทย์ระดับหนึ่งทุกที่ ในความเป็นจริง แม้แต่ในกรณีของตระกูลเดลแมน ใครก็ตามที่เป็นนักเวทย์ระดับหนึ่งก็เป็นบุคคลสำคัญในตระกูล
นอกจากนี้ เมืองโฟลตติ้งยังเป็นสถานที่ที่พ่อมดพเนจรจำนวนมากมารวมตัวกันเพื่อซื้อขายจากทั่วทุกมุม ผู้ที่สามารถตั้งถ่นฐานในเมืองโฟลตติ้งได้ถือเป็นผู้มีอำนาจมากกว่าในหมู่พ่อมดพเนจร
“พ่อมดเมอร์ลิน ทางนี้ เชิญเข้ามา”
เมอร์ลินเงยหน้าขึ้นและตระหนักว่าเขามาถึงหน้าบ้านที่เงียบสงบ
ภายในบ้านดูเรียบร้อยและสะอาด ดูเหมือนจะมีกลิ่นจาง ๆ ในอากาศ เอเลน่าและเมอร์ลินนั่งตรงข้ามกันและบรรยากาศก็ค่อย ๆ ตึงเครียด แม้แต่ซิมี่ที่ไม่สามารถหยุดพูดได้ก็เงียบไป
เมอร์ลินยิ้มเล็กน้อย โดยรู้ว่าเอเลน่ากำลังจะพูดถึงเรื่อง 'จริงจัง' เขารู้ว่าเอเลน่าจะไม่เชิญเขาเข้ามาที่ตระกูลเดลแมนเพียงเพื่อเป็นแขกเท่านั้น
"แม่มดเอเลน่า หากคุณมอะไรก็ขอให้พูดมาตรง ๆ ได้เลย"
เมอร์ลินพูดเบา ๆ เอเลน่าเหลือบมองที่ซีมี่แล้วพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า "ซิมี่ช่วยฉันหน่อยนะ ไปตรวจสอบว่าเคนกลับมาแล้วหรือยัง"
ซิมี่ดูไม่เต็มใจที่จะทำเช่นนั้นแต่เธอไม่กล้าขัดคำขอของเอเลน่า ดังนั้นเธอจึงลุกขึ้นและออกจากบ้านไป
เมอร์ลินคิดว่ามันแปลก อะไรทำให้เอเลน่าระมัดระวังตัวได้ขนาดนี้
“พ่อมดเมอร์ลิน คราวนี้ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณแน่นอน คุณจะได้รับประโยชน์จากการพูดคุยนี้ด้วย”
“โอ้ แล้วเรื่องที่ว่ามันคืออะไรล่ะ?” เมอร์ลินมาเอเลน่าด้วยสีหน้าที่จริงจัง
เอเลน่าลดเสียงลง "พ่อมดเมอร์ลินเคยได้ยินเกี่ยวโบราณสถานหรือไม่"
“โบราณสถานหรือ คุณกำลังพูดถึงอโบราณสถานที่นักเวทย์โบราณทิ้งไว้?”
เมอร์ลินแสดงท่าทางแปลกๆ เป็นไปได้ไหมว่าเอเลน่าพบโบราณสถานด้วย?
เอเลน่าพยักหน้า “ใช่แล้ว มันเป็นโบราณสถานที่นักเวทย์โบราณลึกลับทิ้งเอาไว้ เนื่องจากพ่อมดเมอร์ลินรู้เรื่องโบราณสถานจึงควรเข้าใจคุณค่าของมันเช่นกัน ยิ่งกว่านั้น นี่คือโบราณสถานจากจักรวรรดิมอลต้า เมื่อ 3,600ปีก่อน ฉันเชื่อว่าจะมีคาถาวิเศษ อุปกรณ์เวทมนต์หรือยาหายากหลงเหลืออยู่ในโบราณสถานซึ่งมาจากยุคที่รุ่งโรจน์ที่สุดของนักเวทย์”
“ฉันมีข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับอนุสาวรีย์โบราณและรู้ตำแหน่งที่แน่นอนเช่นกัน ฉันพาคุณมาที่นี่เพื่อเชิญคุณมาสำรวจโบราณสถานกับเรา”
หลังจากเอเลน่าพูดจบ เธอก็จ้องมองเมอร์ลินและรอคำตอบของเขาอย่างอดทน
เมื่อได้ยินข้อมูลเกี่ยวกับโบราณสถาน เมอร์ลินก็เริ่มสับสนมากขึ้น
“โบราณสถานเมื่อ 3,600ปีก่อน?”
เมอร์ลินนึกถึงการนัดหมายของเขากับพ่อมดแซมเมียร์และคนอื่น ๆ ทันที พวกเขาจะไปที่โบราณสถานของจักรวรรดิมอลต้า
“เอเลน่า โบราณสถานที่คุณพูดถึงอยู่ที่ไหน” เมอร์ลินอยากรู้ว่านั่นเป็นโบราณสถานแห่งเดียวพ่อมดแซมเมียร์จะพาไปหรือเปล่า? หากเป็นที่เดียวกัน แสดงว่าข้อมูลเกี่ยวกับโบราณสถานได้รั่วไหลออกมา
“ตำแหน่งที่แน่นอนของโบราณสถานอยู่ที่…” เมื่อเอเลน่ากำลังจะอธิบายรายละเอียด เสียงผู้ชายที่ไม่คุ้นเคยก็ดังขึ้นจากด้านนอกประตู
“ถ้าพ่อมดเมอร์ลินเข้าร่วมกับเราได้ เราจะบอกตำแหน่งที่แน่นอนของโบราณสถานให้คุณทราบอย่างแน่นอน”
“เคน?”
ประตูถูกผลักเปิดออกและนักเวทย์ผู้มีผมสีน้ำตาลยาวยืนอยู่ข้างนอก
“ท่านพี่เอเลน่า ท่านพี่เคนเพิ่งกลับมา ฉันเลยแจ้งไม่ทัน…” ซีมี่กล่าวพลางเหลือบมองที่เอเลน่าอย่างระมัดระวังและพูดด้วยเสียงเบา
เอเลน่าขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ไม่นานก็คลายออก เธอพูดกับเคนว่า "เคน ให้ฉันแนะนำให้คุณรู้จัก นี่คือ..."
อย่างไรก็ตาม เคนโบกมือของเขาโดยตรง เขาจ้องมองเมอร์ลินแล้วพูดด้วยเสียงต่ำว่า
“ไม่จำเป็นต้องทำ ฉันรู้ว่าเขาคือเมอร์ลิน นักเวทย์หกธาตุในดินแดนมนต์ดำ เขาเป็นอัจฉริยะที่คุณเคยพูดถึงเสมอมาเอเลน่า”
หลังจากหยุดชั่วครู่ เคนก็เงยหน้าขึ้นและพูดเสียงดัง “เอเลน่า เรื่องโบราณสถานนั้นสำคัญมาก คุณจะบอกคนอื่นเกี่ยวกับข้อมูลได้อย่างไรเมื่อฉันไม่อยู่ด้วย? และอีกอย่างถึงเขาจะเป็นอัจฉริยะแต่จะเอาเขามาเทียบกับเกล็นได้อย่างไร?”
หลังจากที่เคนพูดจบ ร่างสูงก็ปรากฏขึ้นข้างหลังเขาทันที ร่างทั้งหมดของเขาถูกคลุมด้วยเสื้อคลุมสีแดง
ทันทีที่ผู้ร่ายคาถาร่างสูงในชุดคลุมสีแดงปรากฏตัว เมอร์ลินก็สัมผัสได้ถึงออร่าที่แผดเผาของเขาในทันที ราวกับว่าเขาเป็นคบเพลิงอันร้อนแรง
“เกล็น? แน่นอนว่าคุณเข้าร่วมกับเราเป็เรื่องที่ยอดเยี่ยมมากแต่ถ้าพ่อมดเมอร์ลินเข้าร่วมกับเราด้วย เราจะมีความมั่นใจมากขึ้นในการเข้าไปในโบราณสถานในครั้งนี้”
เมื่อเห็นการมาถึงของพ่อมดชุดแดง เอเลน่าก็พูดอย่างใจเย็นด้วยท่าทางที่ค่อนข้างซับซ้อน
"เขามาจากเมืองแห่งอัคคีสินะ!"
เมอร์ลินจ้องไปที่พ่อมดชุดแดงเช่นกัน เขาสวมเสื้อคลุมที่มีอักษรรูนสลักอยู่บนนั้น เมอร์ลินเคยเห็นเสื้อคลุมเหมือนเมื่อก่อนในดินแดนมนต์ดำ มันเป็นเสื้อคลุมสำหรับสมาชิกอย่างเป็นทางการของเมืองแห่งอัคคี
เมืองแห่งอัคคีและดินแดนมนต์ดำต่างก็เป็นองค์กรนักเวทย์ขนาดเล็ก พวกเขายังรวมพลังเพื่อไล่ตามพวกออสมูในครั้งนี้ด้วย เมื่อเทียบกันกับที่ตั้งขงดินแดนมนต์ดำ หอคอยอเวจีและเมืองแห่งอัคคี
เมืองแห่งอัคคีอยู่ไกลจากดินแดมนต์ดำมากดังนั้นจึงไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับดินแดนมนต์ดำมากนัก
และนี่เป็นครั้งแรกที่เมอร์ลินได้พบกับนักเวทย์จากเมืองแห่งอัคคีเช่นกัน!
เอเลน่าดูค่อนข้างอึดอัดแต่ไม่นานเธอก็หายดี เธอแนะนำผู้มาใหม่ให้รู้จักกับเมอร์ลินทันที “พ่อมดเมอร์ลิน นี่เป็นหนึ่งในนักเวทย์อัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดในตระกูลเดลแมน พ่อมดเกล็น! เกล็นเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการของเมืองแห่งอัคคีและเขายังเป็นนักเวทย์ระดับสองสี่ธาตุด้วย!”
ปรากฎว่าเกล็นเป็นนักเวทย์ระดับสองสี่ธาตุ ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาเป็นหนึ่งในอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมที่สุดในตระกูลเดลแมน
อย่างไรก็ตาม พ่อมดเคนกล่าวเสริมอย่างรวดเร็วว่า "ถ้าเมืองแห่งอัคคีไม่ได้เข้าร่วมกองกำลังกับดินแดนมนต์ดำในครั้งนี้ เกล็นก็จะเตรียมสร้างคาถาระดับสามเพื่อก้าวสู่นักเวทย์ระดับสามอีกด้วย"
เมื่อเทียบกับความตื่นเต้นที่แสดงโดยพ่อมดเคน เกล็นมีปฏิกิริยาค่อนข้างสงบต่อคำชม เขาเดินเข้าไปในบ้านและพยักหน้าเล็กน้อยให้เมอร์ลิน เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบ “ฉันเคยได้ยินเกี่ยวกับคุณจากเอเลน่า คุณคือนักเวทย์หกธาตุที่เพิ่งเข้าร่วมดินแดนมนต์ดำและเอาชนะนักเวทย์ระดับแรกบางส่วนในงานชุมนุมนักเวทย์”
“ฉันไม่ค่อยรู้จักนักเวทย์ของดินแดนมนต์ดำมากนักแต่ฉันเคยพบกับไคลส์ครั้งหนึ่ง เขาเป็นนักเวทย์ห้าธาตุ ตอนนั้นยังไม่ได้เป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการของดินแดนมนต์ดำด้วย แต่พอเวลาผ่านไป เขากลายเป็นอัจฉริยะที่พิเศษสุดในดินแดนมนต์ดำแต่น่าเสียดานที่เขาทรยศและเข้าร่วมกับออสมูไป!” พ่อมดเกลนส่ายหัวและแสดงท่าทางเสียใจ
หลังจากพูดอย่างนั้น พ่อมดเกล็นก็จ้องไปที่เมอร์ลิน จากนั้นเขาก็พูดกับเอเลน่าว่า "เอเลน่า บอกพ่อมดเมอร์ลินเกี่ยวกับข้อมูลเกี่ยวกับโบราณสถานได้เลย ข่าวได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองโฟลตติ้งแล้ว นักเวทย์ทุกคนรู้เรื่องนี้หมดแล้ว ไม่จำเป้นต้องปิดบังเป็นความลับอีกต่อไป"
“ข่าวแพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองแล้ว?”
สีหน้าของเมอร์ลินเปลี่ยนไป ถ้านี่คือโบราณสถานพ่อมดแซมเมียร์และกลุ่มของเขาที่กำลังจะไป เขาคิดว่าสถานกาณ์ต่าง ๆ ไม่ค่อยจะสู้ดี
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เมอร์ลินก็เงยหน้าขึ้นและมองที่เอเลน่า เขาพร้อมที่จะรับฟังข้อมูลของโบราณสถานอย่างตั้งใจ