ตอนที่แล้ว80Y-ตอนที่ 50 ความชั่วร้ายของราชาวิญญาณขุนเขา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป80Y-ตอนที่ 52 ได้เวลาตายของเจ้าแล้ว!

80Y-ตอนที่ 51 ฝันร้ายยามค่ำคืน


จดหมายเปื้อนเลือดเผยให้เห็นถึงความน่ากลัวของทักษะกายหล่อเลี้ยง

ทุกคนต่างพากันด่าทอในเรื่องนี้

ในพระราชวังต้องห้าม หลินเทียนหยวน ได้ออกราชโองการ

มีเพียงคำที่เขียนสั้น ๆ เท่านั้น…

กำจัดเผ่าวิญญาณขุนเขา!

ประกาศิตนี้ล้วนได้รับเสียงเชียร์และการสนับสนุนจากประชาชน

ในที่สุดเรื่องทั้งหมดก็ได้รับการตัดสิน

หลินเทียนหยวน ได้สั่งกองทัพและทหารส่วนพระองค์ออกค้นหาสมาชิกของเผ่าวิญญาณขุนเขาในทันที หลังจากพบเห็น ให้พวกเขาทำการจับกุมและขุมตัวมายังเมืองหลวงของราชวงศ์

หลินเทียนหยวน ต้องการใช้ชีวิตและความตายของสมาชิกเผ่าวิญญาณขุนเขา ในการล่อ ราชาวิญญาณขุนเขาออกมา

ในตำหนักเย็น หลินจิ่วเฟิง และ เจ้าแมวขาว ได้ยินบทสนทนาที่มีชีวิตชีวาของผู้คนภายนอก

ภายใต้สถานการณ์ปกติ หลินจิ่วเฟิง จะไม่สนใจเรื่องใด ๆ จากโลกภายนอก เขาเพียงมุ่งเน้นไปที่การบ่มเพาะพลังในตำหนักเย็นเท่านั้น

แต่ทว่าตอนนี้ หลินจิ่วเฟิง อดไม่ได้ที่จะรับฟัง

เขาใช้จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ในการขยายการรับรู้ไปทั่วพื้นที่และรับฟังบทสนทนาจากโลกภายนอก จากนั้น หลินจิ่วเฟิง ก็รู้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น

เขายังได้รู้เนื้อหาในจดหมายเลือดอีกด้วย

เจ้าแมวขาวก็ทำแบบเดียวกันกับเขา มันได้รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างนอก

หลังจากที่ บุรุษและแมวได้เข้าใจสถานการณ์แล้วพวกเขาก็เงียบไป

ทักษะกายหล่อเลี้ยง ถือเป็นทักษะที่ชั่วร้ายอย่างแท้จริง

แต่ราชาวิญญาณขุนเขานั้นร้ายยิ่งกว่า

ใครจะไปคิดว่าเขาจะมุ่งเป้าไปที่ชายชราที่อยู่ตัวคนเดียว

ซ้ำยังไม่ได้ฆ่าอีกฝ่ายกลับปล่อยให้อีกฝ่ายใช้ชีวิตเหมือนสุนัข

เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการทำให้ชายชราอับอายขายขี้หน้า

หลังจากเข้าใจเนื้อหาของจดหมายเลือดแล้ว การแสดงออกของ หลินจิ่วเฟิง ก็เปลี่ยนไป

เขาได้พึมพัมออกมา“ดูเหมือนว่าข้าคงต้องเคลื่อนไหวด้วยตัวเองและฆ่าราชาวิญญาณขุนเขาตัวนี้!”

เขาคิดว่า หลินเทียนหยวน จะจัดการเรื่องนี้ได้ แต่ใครจะไปรู้ว่า ราชาวิญญาณขุนเขา จะเจ้าเล่ห์เพทุบายขนาดนี้?

ถ้าเขารู้ว่ามันจะเป็นเช่นนี้ หลินจิ่วเฟิง คงออกตามหาอีกฝ่ายโดยตรง

ไม่ว่าราชาวิญญาณขุนเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน-ตราบใดที่เขาให้ความสนใจอีกฝ่ายก็ไม่สามารถหลบหนีไปจากเมืองหลวงได้

เห็นได้ชัดว่า ตอนนี้ หลินจิ่วเฟิง กำลังโทษตัวเอง เจ้าแมวขาวได้ร้องออกมาและพยายามปลอบเขา

หลินจิ่วเฟิง ได้สั่นศีรษะอย่างช่วยไม่ได้ ราชาวิญญาณขุนเขาได้หลบหนีออกจากเมืองหลวงแล้ว แม้ว่าเขาจะเป็นเทพมนุษย์ ก็ยังยากที่จะหาคนผู้นี้ในภายหลัง

อีกฝ่ายจะลอยนวลไปได้งั้นหรือไม่?

เป็นเวลากว่า 7 วันแล้วนับตั้งแต่ที่ราชาวิญญาณขุนเขาได้หลบหนีไป

หลังจากเหตุการณ์จดหมายเลือดชายชราก็เสียชีวิตในที่สุด

แม้ว่าเขาจะสามารถมีชีวิตต่อไปได้อีก 10 ปี แต่เขาก็เลือกที่จะจบชีวิตของตัวเอง

ทุกคนค่อย ๆ ลืมเรื่องนี้ไป

อย่างไรก็ตาม กองทัพของราชสำนัก ก็เดินทางออกไปจับวิญญาณขุนเขาทุกหนแห่ง

เมื่อใดที่พบตัวก็จะถูกพวกเขาจับมา

และนี่เป็นผลให้ประชาชนทั่วไปรับรู้ได้ถึงความปลอดภัยในการกระทำของพวกเขา

แต่สำหรับ เผ่าวิญญาณขุนเขา นี่ถือเป็นหายนะ

กว่า 1,500 ปีแล้วนับตั้งแต่การปรากฏตัวครั้งสุดท้ายของพวกเขา ตอนนี้ พวกเขาได้ไปสร้างความขุ่นเคืองให้กับมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกในปัจจุบัน

ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา!

จำนวนปราชญ์การต่อสู้ภายใต้ร่มธงของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา เรียกได้ว่ามีเกินพันคน เผชิญหน้ากับขุมกำลังอันท่วมท้นเหล่านี้ แม้แต่ เผ่าวิญญาณขุนเขาก็ยากที่จะต่อกรได้

ดังนั้น ราชาวิญญาณขุนเขา จึงค่อนข้างวิตกกังวล

เขารีบออกเดินทางไปเพื่อหาบรรพบุรุษที่หลับใหลในเผ่าพันธุ์ของพวกเขา เพื่อต้องการขอความช่วยเหลือ

“มาดูกันว่าราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาของเจ้าจะสามารถต้านทานพลังบรรพบุรุษของเราเมื่อ 1,500 ปีก่อนได้หรือไม่!”ราชาวิญญาณขุนเขา กล่าวพูดด้วยความขุ่นเคือง

ในตอนกลางดึก หลินเทียนหยวน ได้ไปที่ตำหนักจักรพรรดินีเพื่อเข้าบรรทม

แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีความรักต่อจักรพรรดินี แต่หลังจากที่เขาได้มีปฏิสัมพันธ์กับนางมานาน เขาก็รู้ตัวว่าตนเองได้ทำร้ายจักรพรรดินีมากแค่ไหนจากการกระทำอันโง่เขลา

ดังนั้นเขาจึงเริ่มมาที่ตำหนักของนางทุกคืนและหลับนอนกับภรรยาคนแรกของเขา

หลังจากจัดการงานราชกิจยามดึกเสร็จแล้วเขาก็เข้าหลับนอนกับจักรพรรดินี

โดยปกติแล้ว หลินเทียนหยวน จะไม่เคยหลับใหลเลยหลังจากที่ทำงานราชกิจเสร็จ เขามักจะฝึกฝนอย่างเงียบ ๆ เป็นเวลา 1-2 ชั่วยาม เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับรากฐานการบ่มเพาะพลังของตนเอง

แต่คืนนี้เขาได้เผลอหลับไปจริง ๆ

นี่เป็นครั้งแรกที่ หลินเทียนหยวน ได้นอนหลับลึกและผละออกจากความสนใจในการฝึกฝน

คืนนี้เขาไม่เพียงแต่ผล็อยหลับไปเท่านั้นแต่ยังฝันอีกด้วย

มันเป็นฝันร้าย!

ในความฝันของเขา หลินเทียนหยวน กำลังถูกมังกรชั่วร้ายไล่ตามอยู่

ความเร็วของมันรวดเร็วมากจนเกือบจะไล่ตามเขาทันและกลืนกินเขาไปทั้งตัว

เขาพยายามสู้กลับแต่ก็ไร้ประโยชน์

เขาได้ถูกฟาดโดยหางของมันจนกระแทกพื้นอย่างรุนแรงและกระอักโลหิตออกมา

ในตอนนี้เขาไม่สามารถต้านทานมันได้เลย…

มังกรได้ส่งเสียงออกมาเล็กน้อย“จักรพรรดิมนุษย์ ปล่อยสมาชิกเผ่าวิญญาณขุนเขาที่เจ้าจับไปซะ มิฉะนั้นข้าจะกลืนกินวิญญาณของเจ้า”

หลังจากพูดจบ มังกรก็พุ่งมากลืนกินร่างของหลินเทียนหยวนเข้าไปในทันที

เฮือกก!

ในห้องบรรทมตำหนักของจักรพรรดินี หลินเทียนหยวน ดีดตัวลุกขึ้นมาด้วยความตกใจ

ร่างของเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ

ใบหน้าของเขาซีดและร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย

เห็นได้ชัดว่ามีอะไรบางอย่างได้กลืนกินพลังชีวิตของเขาไปบางส่วน

“ฝ่าบาท เป็นอะไรหรือเพคะ?”จักรพรรดินีได้กล่าวถามเขาด้วยความเป็นห่วง

หลินเทียนหยวน ค่อย ๆ มองไปรอบ ๆ และนึกขึ้นได้“ข้า...ฝันร้าย”

จักรพรรดินีได้ทรงแนะนำ“ฝ่าบาททรงเหน็ดเหนื่อยกับงานราชกิจทุกวัน…”

“หม่อมฉันจะให้คนไปทำยาบำรุงมาให้พระองค์ ความฝันนั้นตรงข้ามกับความเป็นจริง เนื่องจากมันเป็นฝันร้ายหม่อมฉันคาดหวังในความเป็นจริงพระองค์จะต้องพบเจอกับสิ่งดี ๆ”

“พบเจอกับสิ่งดี ๆ ?”หลินเทียนหยวน อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา

เขาไม่คิดอย่างนั้น

มังกรชั่วร้ายในฝันของเขาได้พูดถึงเผ่าวิญญาณขุนเขา

เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาหมกมุ่นกับเรื่องนี้มากเกินไปจนเก็บไปฝัน?

หลังจากแสดงความขอบคุณต่อจักรพรรดินีแล้ว เขาก็ระงับความสงสัยในใจ

เขาได้พักผ่อนไปเล็กน้อยจากนั้นก็ขอตัวไปจัดการงานราชกิจต่อ

จนกระทั่งล่วงเลยผ่านไปถึงอีกคืนเขาก็พักอยู่ในห้องโถงใหญ่คนเดียว

เขาไม่คิดจะนอนแม้แต่น้อย ดังนั้นจึงวางแผนที่จะจัดการงานราชกิจตลอดทั้งคืน

แต่ในช่วงครึ่งหลังของคืนนั้น แสงไฟก็เริ่มริบหรี่ลงเล็กน้อย

การแสดงออกของ หลินเทียนหยวน ได้เปลี่ยนไป

เขาเห็นใครบางคนกำลังเดินเข้ามาจากทางประตูห้องโถงใหญ่

คนที่มาปกคลุมไปด้วยเงามืดในมือถือกระบี่ยาวสีแดงเลือดและมีโลหิตไหลย้อยออกมา

ขณะที่อีกฝ่ายเดินเข้ามา เสียงฝีเท้าก็ได้ดังขึ้นเรื่อย ๆ

ที่น่ากลัวไปกว่านั้นคือด้านหลังของคนผู้นี้ คือทะเลโลหิตที่พลุ่งพล่าน

ขณะที่เขาเดิน ทะเลโลหิตนี้ก็กระจายตัวออกมาและคล้ายกับจะกลืนกินไปทั่วห้องโถงใหญ่

“จักรพรรดิมนุษย์ ดูเหมือนว่าเจ้าจะลืมคำเตือนของข้าเมื่อวานนี้งั้นสินะ”ชายผู้ที่ปกคลุมไปด้วยเงามืดได้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

ดวงตาของ หลินเทียนหยวน ได้เบิกกว้างขณะที่เขามองไปที่อีกฝ่ายด้วยความไม่เชื่อ

“ถ้าเจ้ายังไม่ปล่อยสมาชิกเผ่าวิญญาณขุนเขาที่จับมาได้ ข้าจะมาเอาชีวิตไร้ค่าของเจ้าในวันพรุ่งนี้!”

เงาดำได้ส่งเสียงเตือนก่อนที่จะฟันกระบี่ยาวสีแดงออกไป

กระบี่ยาวสีแดงได้พุ่งผ่านมาพร้อมกับกลิ่นอายโลหิต

หลินเทียนหยวน ไม่สามารถต่อต้านการโจมตีนี้ได้

เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลย

บูม!

กระบี่เล่มนี้ได้แยก หลินเทียนหยวน ออกเป็นสองส่วน

ความเจ็บปวดนั้นรุนแรงมาก ทำให้เขาสะดุ้งตื่นจากความกลัว

มันยังคงเป็นห้องโถงใหญ่ เขายังอยู่ในห้องโถงเหมือนเดิม แต่ หลินเทียนหยวน กลับรู้สึกว่าตนเองได้สูญเสียพลังชีวิตไปครึ่งนึง

“เผ่าวิญญาณขุนเขามันต้องการจะฆ่าข้า แต่ข้าไม่สามารถยอมแพ้ในเรื่องนี้ได้!”หลินเทียนหยวน กัดฟันแน่น

เขาค่อย ๆ รักษาบาดแผลบนร่างกายของตัวเอง

การโจมตีแบบนี้ช่างน่าเหลือเชื่อเกินไป

การโจมตีที่เขาได้รับแม้ว่ามันคล้ายกับกำลังจู่โจมในความฝันแต่เขาดูเหมือนจะได้รับผลกระทบจากโลกความเป็นจริง

หลังจากหายดีแล้ว เขาก็ออกจากห้องโถงใหญ่

และมุ่งหน้าไปยังตำหนักเย็นทันที

เมื่อมาถึงหน้าตำหนักเย็น หลินเทียนหยวน ก็คุกเข่าลงกับพื้นและตะโกนออกมา“ท่านลุงโปรดช่วยเหลือข้าด้วย!”

หลินจิ่วเฟิง ได้โบกมือ ทันใดนั้นประตูตำหนักเย็นก็เปิดออก

เขาแปลกใจมากที่เห็น หลินเทียนหยวน ซึ่งดูเหมือนจะสูญเสียพลังชีวิตไปครึ่งนึงมาที่นี่

“เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?”หลินจิ่วเฟิง ได้กล่าวถาม

“ท่านลุง เป็นเผ่าวิญญาณขุนเขา พวกมันต้องการสร้างปัญหาและข่มขู่ให้ข้าปล่อยสมาชิกเผ่าวิญญาณขุนเขาที่จับมาได้”หลินเทียนหยวนได้ตอบกลับอย่างรวดเร็ว

เขาอธิบายสถานการณ์ให้ หลินจิ่วเฟิง ฟัง

ในสองคืนก่อนหน้านี้ เขาได้สูญเสียพลังชีวิตไปมากกว่าครึ่ง

เขาราวกับคนป่วยที่ใกล้ตาย

หากฝันร้ายนั้นเกิดขึ้นอีก เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน

“เผ่าวิญญาณขุนเขา!”ดวงตาของ หลินจิ่วเฟิง ได้ส่องประกายอย่างรวดเร็ว

“มันเป็นความสามารถในการส่งจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เข้าสู่ความฝัน”เจ้าแมวขาวได้เขียนด้วยเล็บของมัน

มันรู้เกี่ยวกับการโจมตีอันแปลกประหลาดนี้

“เข้าสู่ความฝันด้วยจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์งั้นหรือไม่? ดี ข้าจะสังหารจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของมันในคืนนี้!”

หลินจิ่วเฟิง ได้พ่นลมหายใจออกมาอย่างเย็นชา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด