52 - ภัยซ่อนเร้น
52 - ภัยซ่อนเร้น
เย่ฟ่านและผังป๋อพูดคุยกันเป็นเวลานาน และเห็นด้วยว่าร่างกายของเย่ฟ่านนั้นพิเศษเกินไป เหมือนกับถ้ำที่ไร้ก้นบึ้งและต้องการของเหลวสมุนไพรจำนวนมากเพื่อเปิดทะเลแห่งความทุกข์
เขาไม่กลัวพลังอันรุนแรงที่เกิดจากการดื่มกินสมุนไพรมากเกินไป ทะเลแห่งความทุกข์ของเขาเป็นเหมือนหุบเหวที่ไร้ก้นไม่ว่าจะเทอะไรลงไปก็จะสาบสูญทันที
หลังจากได้ข้อสรุปนี้ทั้งคู่ก็มีปัญหาบางอย่างในทันใด สาวกคนอื่นๆจะได้รับสมุนไพรในการฝึกฝนเพียงขวดเดียวในทุกๆสามเดือน
นั่นแสดงว่าพวกเขาจะมีเพียงสี่ขวดต่อปีเท่านั้น และเย่ฟ่านใช้มันไปแล้วมากกว่าห้าสิบขวดแต่ก็เพียงสามารถทำให้ทะเลแห่งความทุกข์มีขนาดเท่าเมล็ดงาเท่านั้น
หากเขาปล่อยให้เวลาเดินไปเช่นนี้กว่าที่เขาจะเชื่อมต่อกับกงล้อแห่งชีวิตได้ก็คงต้องใช้เวลาหลายสิบปี!
ตามคำกล่าวของผู้อาวุโสอู๋ชิงเฟิง ยิ่งต้องการแข็งแกร่งขึ้นมากเท่าไหร่ก็ยิ่งต้องใช้ความพยายามมากขึ้นเท่านั้น และระดับบ่มเพาะที่สูงขึ้นจะต้องใช้ทรัพยากรมากกว่าระดับก่อนหน้าถึงสิบเท่า
เย่ฟ่านรู้สึกมึนงงเล็กน้อยเมื่อคิดถึงปัญหานี้ หลักการนี้ครอบคลุมไปถึงน้ำยาสมุนไพรที่พวกเขาได้รับด้วย หากเขาต้องการบ่มเพาะก็ไม่รู้ว่าจะต้องใช้น้ำยาสมุนไพรแบบนี้มากเท่าไหร่
“อย่ากังวลไป มีวิธีแก้อยู่เสมอ”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ผังป๋อดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็สว่างขึ้นและพูดว่า
"เจ้าสามารถบอกผู้อาวุโสอู๋ชิงเฟิงว่าเจ้าสามารถฝึกฝนได้แล้ว ด้วยร่างกายศักดิ์สิทธิ์ของเจ้ามันเป็นไปไม่ได้ที่ผู้อาวุโสในหลิงซู่ตงเทียนจะปล่อยไป เมื่อถึงเวลานั้นไม่ว่าเจ้าต้องการอะไรพวกเขาจะประเคนมาให้อย่างแน่นอน ”
เย่ฟ่านครุ่นคิดอย่างจริงจังอยู่ครู่หนึ่ง และในที่สุดก็ส่ายหัวและพูดว่า
“บอกไม่ได้”
"ทำไม?" ผังป๋อรู้สึกงุนงง
“หนึ่งเป็นเพราะหลิงซู่ตงเทียนอาจจะไม่แข็งแกร่งมากพอ เมื่อข่าวเรื่องนี้รั่วไหลออกไปและศัตรูของพวกเขาได้ยินข้าจะต้องตายอย่างแน่นอน
ประการที่สองแม้ว่าทะเลแห่งความทุกข์สีทองจะศักดิ์สิทธิ์ แต่หากข้าไม่สามารถฝึกฝนต่อไปได้ก็คงเป็นเพียงขยะอย่างที่ผู้อาวุโสพวกนั้นกล่าว”
ผังป๋อคิดอย่างรอบคอบและเห็นด้วยอย่างยิ่งกับเหตุผลแรก พวกเขามาที่นี่โดยไร้ญาติขาดมิตร ดังนั้นพวกเขาจึงควรระมัดระวังไว้จะดีกว่า
“สำหรับเหตุผลที่สอง ข้าคิดว่าเจ้าคิดมากเกินไป”
เย่ฟ่านส่ายหัวและพูดว่า
“ในที่สุดข้าก็รู้แล้วว่าทำไมร่างกายนี้ถึงจะเคยปรากฏขึ้นเป็นครั้งคราวแต่ก็ไม่มีผู้ใดมองว่ามันเป็นสิ่งล้ำค่า เพียงแค่ทรัพยากรที่ใช้บ่มเพาะของข้าคนเดียวก็สามารถสร้างยอดฝีมือได้หลายร้อยคนแล้ว
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่านี่เป็นเพียงแค่ช่วงเริ่มต้นเท่านั้น เส้นทางแห่งการฝึกเซียนยังอีกยาวไกล และทุกขั้นตอนต้องใช้ทรัพยากรมากกว่าเดิมนับสิบเท่า
ข้าเกรงว่าต่อให้เป็นดินแดนที่สูงกว่านี้ก็ไม่สามารถเลี้ยงดูให้ข้ากลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่แท้จริงได้"
“นี่คือเหตุผลที่ร่างกายศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าถูกเรียกว่าศพบรรพกาลหรือไม่?” ผังป๋อมีท่าทางประหลาดใจ
เย่ฟ่านครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า
“นี่เป็นเพียงปัญหาในช่วงเริ่มต้นฝึกฝนเท่านั้น หากปัญหามีเพียงแค่นี้ข้าไม่คิดว่าตระกูลเก่าแก่และมหาอำนาจในดินแดนนี้จะยอมแพ้ในการฝึกฝนร่างศักดิ์สิทธิ์โบราณอย่างแน่นอน”
“เป็นไปได้ยังไง…”
ผังป๋ออยู่ในความงุนงงอยู่พักหนึ่ง รู้สึกว่าเส้นทางของเย่ฟ่านมืดมนและไม่สามารถมองเห็นอนาคตได้จริงๆ
อย่างไรก็ตามเย่ฟ่านไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดอะไร เขาเพียงยิ้มแล้วกล่าวว่า
"ถ้าร่างกายศักดิ์สิทธิ์โบราณสามารถฝึกฝนได้ง่ายๆมันก็จะสูญเสียความหมายของมัน ยิ่งทางข้างหน้ายากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งพิเศษมากขึ้นเท่านั้น เจ้าไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้ "
ในวันต่อมาเย่ฟ่านและผังป๋อเริ่มฝึกฝนอย่างเข้มข้นขึ้น
ในช่วงเวลานี้ผู้อาวุโสอู๋ชิงเฟิงเคยเรียกผังป๋อไปพูดคุยเป็นการส่วนตัวและระบุอย่างเป็นทางการว่าเขาเป็นต้นกล้าเซียนซึ่งสำนักจะให้การดูแลและสนับสนุนอย่างเต็มที่
หลังจากที่ถูกกำหนดอย่างเป็นทางการว่าเป็นต้นกล้าเซียน ผังป๋อก็สามารถรับของเหลวสมุนไพรได้แปดขวดทุกเดือน
เมื่อเทียบกับสี่ขวดในหนึ่งปีมันเกิดความแตกต่างอย่างมากในเชิงปริมาณ ยิ่งกว่านั้นในขณะที่การฝึกฝนของเขาพัฒนาขึ้นเรื่อยๆสำนักก็จะสนับสนุนทรัพยากรในการฝึกฝนให้กับเขามากขึ้นเช่นกัน
ในเนินเขาด้านหลังของสำนักหลิงซู่ตงเทียน ผังป๋อได้ถามผู้อาวุโสอู๋ชิงเฟิงอย่างจริงจังด้วยคำถามมากมาย เขาต้องการช่วย เย่ฟ่านในการไขข้อสงสัยเกี่ยวกับทะเลแห่งความทุกข์สีทอง
ผู้อาวุโสอู๋ชิงเฟิงบอกความลับมากมายเกี่ยวกับทะเลแห่งความทุกข์ โดยกล่าวว่าตัวตนที่น่าอัศจรรย์บางคนในโลกนี้ก็มีความพิเศษอย่างยิ่งเมื่อตอนที่พวกเขาเปิดทะเลแห่งความทุกข์ครั้งแรก
"มันแตกต่างจากคนอื่นอย่างไร"
ผู้อาวุโสอู๋ชิงเฟิงพูดถึงเรื่องราวต่างๆมากมายแต่ไม่เคยกล่าวถึงทะเลแห่งความทุกข์สีทอง
สุดท้ายผังป๋ออดไม่ได้จึงถามตรงๆว่า
"เมื่อทะเลแห่งความทุกข์เปิดขึ้นในครั้งแรก เป็นไปได้ไหมที่จะเกิดคลื่นพลังแผ่มาด้านนอกและทะเลแห่งความทุกข์นั้นเป็นสีทอง?”
"เป็นไปไม่ได้!" ผู้อาวุโสอู๋ชิงเฟิงส่ายหัวแต่ในที่สุดก็ลังเลและพูดว่า
"เคยมีตำนานเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่บ้าง ว่ากันว่าเทพเจ้าของตงหวงซึ่งมีร่างศักดิ์สิทธิ์โบราณก็เคยเป็นเช่นนี้เหมือนกัน แต่นั่นก็ไม่มีใครสามารถยืนยันได้
อัจฉริยะที่หายากเกือบทั้งหมดในโลกนี้ล้วนถูกสำนักศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ด้านบนแย่งชิงไปหมดแล้ว ดังนั้นข้อมูลเกี่ยวกับพวกเขาจึงไม่เคยตกมาหาสำนักเรา…” ผู้อาวุโสอู๋ชิงเฟิงดูเหมือนจะอับจนปัญญาในเรื่องนี้เช่นกัน
หลังจากที่ผังป๋อกลับมา เขาก็เล่าทุกอย่างที่ได้ยินให้เย่ฟ่านฟังและสุดท้ายก็พูดว่า
“ดูเหมือนว่าทะเลแห่งความทุกข์สีทองนั้นไม่ธรรมดาจริงๆ นั่นคือร่างในตำนานที่สร้างดินแดนตะวันออก หากเจ้าแข็งแกร่งขึ้นบางทีเจ้าอาจจะสามารถต่อสู้กับต้นกล้าเซียนของตระกูลโบราณที่อยู่ด้านบนได้”
หลังจากฟังคำพูดของผังป๋อ เย่ฟ่านก็ครุ่นคิดอยู่นาน จากนั้นมองไปที่ผังป๋อและกล่าวว่า
“ข้าคิดว่าข้าควรออกจากหลิงซู่ตงเทียน”
"ทำไม?" ผังป๋อรู้สึกประหลาดใจไม่รู้ว่าทำไมจู่ เขาถึงตัดสินใจเช่นนี้
“ข้ามาที่หลิงซู่ตงเทียนเพื่อเรียนรู้วิธีการฝึกฝน ตอนนี้ไม่เหมาะกับข้าที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป ข้าต้องไปที่อื่นเพื่อค้นหาโอกาสของตัวเอง”
“ไม่ ถ้าเจ้าจะไปพวกเราต้องไปด้วยกัน” ผังป๋อคัดค้านอย่างหนักแน่น
“เจ้าคือต้นกล้าเซียนของที่นี่และหลิงซู่ตงเทียนจะทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างให้เจ้า ในขณะที่ข้าแตกต่างออกไป ด้วยร่างกายของข้า การอยู่ในหลิงซู่ตงเทียนจะไม่สามารถพัฒนาขึ้นได้ เจ้าก็รู้ดี!”
“พวกเราเป็นพี่น้อง ถ้าเจ้าต้องการจะไปข้าก็จะไปกับเจ้าด้วยเลิกหว่านล้อมข้าได้แล้ว” ผังป๋อพูดอย่างแน่วแน่และหนักแน่น
เขาตัดสินใจแล้วว่าจะจากไปพร้อมกับเย่ฟ่าน
เย่ฟ่านไม่เห็นด้วยในเรื่องนี้ ผังป๋อคือต้นกล้าเซียนและอนาคตของเขาก็เต็มไปด้วยความสดใส หากเขาจากไปเช่นนี้มันจะเป็นการทำลายอนาคตของตัวเองและอาจเกิดอันตรายขึ้นได้
“ข้ามีอีกเหตุผลที่จะไป พวกเราฉีกหน้าฮั่นเฟยหยูไปแล้ว ในไม่ช้าเขาคงจะแก้แค้นอย่างแน่นอน”
ผังป๋อได้ยินดังนั้นก็ขัดจังหวะคำพูดของเขาทันที
“อย่าไปสนใจเขาเลย ตอนนี้ข้าเป็นต้นกล้าเซียนแล้ว ข้าเชื่อว่าเขาจะไม่กล้ายุ่งกับเราในเวลาอันสั้น เมื่อความแข็งแกร่งของเราเพิ่มขึ้นเขาจะทำอะไรเราได้”
เย่ฟ่านส่ายหัวและพูดว่า
“เรื่องนี้ไม่ได้ง่ายอย่างที่เจ้าคิด ทุกวันนี้ข้าได้สอบถามเกี่ยวกับผู้คนและได้รู้ว่าลุงของเขาเป็นปรมาจารย์ด้านการปรุงยา และเขามีความพยายามที่จะสร้างเตาหลอมเพื่อฝ่าทะลุ” 'ด่านหยาง' เจตนาก็เพื่อต่ออายุให้กับตัวเอง
ในช่วงไม่กี่ปีมานี้เขาได้ค้นหาน้ำอมฤตบางอย่างไม่ว่าจะต้องแลกมาด้วยอะไรก็ตาม ว่ากันว่าเขาออกจากสำนักบ่อยครั้งเพื่อค้นหายาศักดิ์สิทธิ์นี้
ในขณะเดียวกันฮั่นเฟยหยูก็เข้ามาหาเรื่องเราโดยไม่มีสาเหตุ บางทีเรื่องนี้อาจมีความเกี่ยวข้องกัน "
ผังป๋อพยักหน้าและเขาก็รู้สึกแปลกๆอยู่เสมอ พวกเขาไม่เคยมีความขัดแย้งกัน แต่ฮั่นเฟยหยูกลับมีเจตนาหาเรื่องพวกเขาอย่างชัดเจนและไม่มีเหตุผล
“หรือว่าคนที่สนใจเราคือลุงของเขา?”