ตอนที่แล้วWS บทที่ 193 พลังปีศาจแพนโดร่ารูปแบบอื่น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปWS บทที่ 195 พ่อมดเกล็น

WS บทที่ 194 ตระกูลนักเวทย์


“พ่อมดเมอร์ลินเป็นคุณจริง ๆ ด้วย!” เอเลน่ามองไปที่ร่างที่คุ้นเคยและยิ้มด้วยความยินดี

เอเลน่าเดินเข้าไปหาเมอร์ลินเพื่อมองใกล้ ๆ และถอนหายใจเฮือกใหญ่ “พ่อมดเมอร์ลิน คุณช่างเป็นคนที่น่าเหลือเชื่อจริง ๆ ตั้งแต่ที่คุณมาถึงดินแดนมนต์ดำ คุณก็ปรากฏตัวในฐานะนักเวทย์หกธาตุและทำให้ฉันประหลาดใจมาแล้ว ตอนนี้คุณได้กลายเป็นนักปรุงยาที่มีชื่อเสียงในเมืองโฟลตติ้งอีกด้วย”

แม้ว่าคนทั่วไปจะรู้ว่าพ่อมดวลาดีเป็นนักปรุงยาและไม่มีใครสงสัยเรื่องน้ำยาด่างดินที่วางขายในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา พวกเขาพร้อมที่จะเชื่อว่าพ่อมดวลาดีเป็นคนปรุงมันแต่ ‘ความลับ’ ไม่มีในโลก

พ่อมดวลาดีผู้ซึ่งรู้จักผู้คนมากมายในเมืองโฟลตติ้ง บางทีเขาอาจจะตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจที่จะพูดความลับนี้ ทำให้ชื่อของ ‘พ่อมดเมอร์ลิน' นักปรุงยาผู้ลึกลับที่เป็นคนปรุงน้ำยาด่างดินพวกนี้ขึ้นมา ได้โด่งดังไปทั่วเมืองโฟลตติ้งดั่งไฟลามทุ่ง

เอเลน่าได้ยินข่าวลือนี้และตัดสินใจสืบสวนเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เธอคิดว่านี่น่าจะเป็น 'พ่อมดเมอร์ลิน' คนเดียวกับที่เธอรู้จักจากดินแดนมนต์ดำ

เมอร์ลินอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เขารู้ว่าตระกูลของเอเลน่าอยู่ในเมืองโฟลตติ้งแต่เมื่อเขามาถึง เขาก็ยุ่งอยู่กับการปรุงยาเสียจนลืมเรื่องของเธอไปโดยสิ้นเชิง

“จริงสิ แม่มดเอเลน่า คุณได้ข่าวของดินแดนมนต์ดำบ้างหรือเปล่า สถานการณ์ที่นั่นเป็นยังไงบ้าง?”

เมอร์ลินเดินทางออกจากที่นั่นได้สองสามเดือนแล้วแต่เขาก็พยายามติดตามข่าวสารจากดินแดนมนต์ดำ อย่างไรก็ตาม เขารู้จักพ่อมดพเนจรน้อยมาก เขาจึงไม่รู้ถึงความเป็นไปของดินแดนมนต์ดำเลย

โชคดีที่เขาได้พบกับเอเลน่าที่คนจากตระกูลนักเวทย์ บางทีเธออาจทราบข้อมูลบางอย่างก็เป็นได้

“ข่าวจากดินแดนมนต์ดำ...” เอเลน่ารู้สึกลังเลเล็กน้อยขณะมองดูพ่อมดฮิลล์และพ่อมดเบอร์ตัน

เมอร์ลินเข้าใจและเขาก็เชิญเอเลน่ากับซิมี่เข้ามาในห้องของเขา

เมื่อทั้งสองเข้ามาในห้อง เมอร์ลินได้ถามเอเลน่าว่า "แม่มดเอเลน่า คุณไม่มีข่าวคราวจากดินแดนมนต์ดำเลยงั้นหรือ?"

เอเลน่าขยับเล็กน้อยและกระซิบ “ฉันพอข่าวมาว่า ตอนนี้ดินแดนมนต์เข้าร่วมกองกำลังกับเมืองแห่งอัคคี ป้องอเวจี แคว้นแห่งธุลีและองค์กรนักเวทย์ขนาดใหญ่อื่น ๆ ในแต่ละภูมิภาคเพื่อสู้รบคนจากออซมูอย่างดุเดือด”

“ฉันได้ยินมาว่าการต่อสู้นั้นน่ากลัวมาก ทุก ๆ องค์กรนักเวทย์ที่เข้าร่วมสงครามครั้งนี้ พวกเขาหวังที่จะถอนรากถอนโคลนพวกออสมูให้หมดไป ถึงพวกออสมูจะแข็งแกร่งแต่พวกเขาสร้างศัตรูมากเกินไป ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ทำให้ออสมูเสียเปรียบมาก บางทีอีกไม่นาน เราอาจจะได้กลับไปที่ดินแดนมนต์ดำ”

เมอร์ลินพยักหน้า พ่อมดลีโอบอกว่าพวกเขาสามารถกลับมาได้ภายในหนึ่งปี ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะเป็นจริง

ข่าวที่เป็นความลับเช่นนี้สามารถเข้าถึงได้โดยนักเวทย์บางกลุ่มที่มีอำนาจเช่นตระกูลเดลแมน พ่อมดพเนจรทั่วไปคงไม่เคยได้ยินข่าวนี้นับประสาอะไรกับองค์กกรนักเวทย์บางแห่ง ทางที่ดีเรื่องนี้ไม่ควรเผยแพร่ให้ใครรู้มากนัก

เมื่อได้ยินว่าดินแดมนต์ดำยังปลอดภัยอยู่ เมอร์ลินก็สูดหายใจเข้าลึกๆ และรู้สึกโล่งใจ

ตอนนี้เขาก็สร้างคาถาระกับหนึ่งห้าอันไปแล้วและแม้ว่าพลังจิตของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ แต่เขาก็มีเทคนิคการทำสมาธิขั้นสูงและน้ำยาเพิ่มพลังจิต พลังจิตของเขาน่าถึงระดับสามได้ภายในครึ่งปี

เมื่อถึงเวลา เขาจะสร้างคาถาระดับหนึ่งอันสุดท้ายเขตแดนแสงดำ ถ้าเขาทำได้เขาก็จะเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่ง ตราบใดที่ดินแดนมนต์ดำปลอดภัยและจะกลับไปที่นั่นพร้อมกับกลายเป้นสมาชิกอย่างเป็นทางการของดินแดนมนต์ดำและสามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่มากมายได้

“คุณคือพ่อมดเมอร์ลินสินะ ท่านพี่เอเลน่าบอกว่าคุณน่าทึ่งมาก! จริงหรือไม่ที่คุณเป็นนักเวทย์หกธาตุ?”

ทันใดนั้น แม่มดสาวตาโตก็ถามเมอร์ลินขณะที่เธอจ้องมองเขาด้วยความสนใจ

“เดี๋ยวเหอะ ซิมี่!”

เอเลน่าขมวดคิ้วขณะที่เธอตะโกน “พ่อมดเมอร์ลิน ขอโทษด้วย นี่คือซิมี่น้องสาวของฉันเอง เธอชอบพูดอะไรออกมาโดยที่ไม่คิด อย่าไปถือสาเธอเลยนะ!”

เมอร์ลินมองไปที่ซิมี่ซึ่งทำให้เขานึกถึงลูกสาวของเคานต์เซลิน เชลลี่จากเมืองปรากาช เธอมักจะถามเมอร์ลินแข็งแกร่งแค่ไหนหรือจะเอาชนะคูก พี่ชายของเธอได้หรือไม่

เมอร์ลินยิ้มอย่างนอบน้อมและกล่าวว่า "ไม่เป็นไร ฉันไม่ถือสา"

ผ่านไปครู่หนึ่ง เมอร์ลินก็ถามในที่สุด “เอาล่ะ แม่มดเอเลน่า อะไรทำให้คุณมาที่นี่วันนี้”

เอเลน่าได้ยินคำถามของเมอร์ลินและลังเลอยู่ครู่หนึ่ง

ซิมี่ที่ยืนอยู่ด้านข้างตอบว่า "พ่อมดเมอร์ลิน ท่านพี่เอเลน่าอยากจะพาท่านไปเยี่ยมชมบ้านของเราในฐานะแขก ท่านจะตอบรับคำเชิญของท่านพี่หรือไม่"

"แขกงั้นเหรอ?" เมอร์ลินอดยิ้มไม่ได้ เขารู้ว่าเอเลน่ามีบางอย่างจะพูดอย่างแน่นอน บางทีเธออาจไม่รู้ว่าจะพูดอย่างมันอย่างไร

เมอร์ลินได้ใช้เวลาที่ผ่านมาในการฝึกฝนดัชนีเยือกแข็งอย่างไม่หยุดหย่อนและพรุ่งนี้ก็จะถึงเวลานัดของพ่อมดแซมเมียร์เพื่อเข้าไปในโบราณสถาน ตอนนี้ดัชนีเยือกแข็งของเขาเปลี่ยนสีเพียงเล็กน้อยและไม่กลับสู่รูปแบบเดิม เห็นได้ชัดว่ามันยังไม่เพียงพอแม้ว่าเมอร์ลินจะใช้เวลาหลายวันในการฝึกฝนดัชนีเยือกแข็งก็ตาม มันต้องใช้งานมากกว่าหนึ่งเดือนถึงจะฝึกฝนสำเร็จ

เอเลน่าจ้องไปที่ซิมี่ เธอไม่คิดว่าซิมี่จะมีไหวพริบฉับไวเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่เมอร์ลินตอบรับคำเชิญ เธอก็สามารถพูดคุยกับเคนได้ เอเลน่าจะถือว่าการเดินทางมาครั้งนี้ประสบความสำเร็จ

ดังนั้น เอเลน่าจึงยิ้มออกมาเล็กน้อยและพูดว่า “ถ้าพ่อมดเมอร์ลินไม่ติดอะไร ได้โปรดตามพวกเรามาด้วย เราจะไปที่บ้านของเราตอนนี้เลย”

เมอร์ลินพยักหน้าและมุ่งหน้าออกจากบ้าน เขาบอกให้พ่อมดฮิลล์และพ่อมดเบอร์ตันทราบว่า เขาจะเดินทางไปพร้อมกับเอเลน่าเพื่อไปยังตระกูลเดลแมน

...

เอเลน่าเดินราวกับว่าเธอมีเรื่องในใจมากมายแต่เมอร์ลินไม่ได้สังเกต เขาเดินไปข้างซิมี่ที่คอยถามเขาอยู่ตลอดเวลา ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับดินแดนมนต์ดำ เขาตอบคำถามของเธออย่างเรียบง่ายและพบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตระกูลเดลแมน

ตระกูลเดลแมนเป็นตระกูลนักเวทย์ทั่วไป อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่สมาชิกทุกคนในตระกูลที่มีคุณสมบัติของนักเวทย์

แม้ว่าซิมี่และเอเลน่าจะเป็นพี่น้องกันแต่พวกเธอไม่ได้มีแม่คนเดียวกัน พ่อของพวกเขามีภรรยามากกว่าสามสิบคน ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้ว เขาเลี้ยงลูกจำนวนมากเกินกว่าที่จะจินตนาการได้

ดังนั้น ด้วยจำนวนเด็กจำนวนมาก ตระกูลเดลแมนจึงมีทายาทที่มีคุณสมบัตินักเวทย์ที่มากพอ

เมอร์ลินนึกถึงลูกสองคนของเขาเอง โคซิออนและซีเลีย เขาสงสัยว่าพวกเขาจะมีคุณสมบัตินักเวทย์หรือไม่และถ้าเป็นเช่นนั้นเขาจะนำพวกเขามาเป็นนักเวทย์ และสักวันหนึ่งตระกูลวิลสันก็จะได้กลายเป็นตระกูลนักเวทย์ที่ทรงพลัง

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ตระหนักว่าตระกูลเดลแมนยังคงวิธีการผลิตลูกหลานจำนวนมากเพื่อให้มีนักเวทย์ที่เพียงพอ เมอร์ลินก็ปัดความคิดในการทำให้ตระกูลวิลสันเป็นตระกูลนักเวทย์ทิ้งไปทันที

การที่ต้องมีอะไรกับผู้หญิงกว่าสามสิบคนและต้องทำให้พวกเธอตั้งครรภ์ทุกคน สำหรับเขามันไม่ใช่เรื่องที่น่าอภิรมย์เท่าไหร่นัก

ตระกูลเดลแมนเป็นตระกูลขนาดกลางที่ก่อตั้งมาหลายร้อยปี จึงทำให้สมาชิกตระกูลจำนวนมากกระจายไปตามองค์กรนักเวทย์ต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่น เอเลน่าที่สามารถเข้าร่วมดินแดนมนต์ดำได้อย่างราบรื่นโดยใช้เหรียญที่ส่งผ่านภายในตระกูล

คนอื่น ๆ ในตระกูลก็เข้าร่วมกับองค์กรต่าง ๆ อย่างเช่นเมืองแห่งอัคคีและหอคอยอเวจี บางคนก็สามารถเข้าร่วมกับอาคารสเตอลิ่งอันทรงเกียรติได้

นี่เป็นวิธีที่ตระกูลสามารถสร้างเครือข่ายและทำให้ตระกูลเจริญรุ่งเรืองได้ แน่นอนว่ามันต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากแต่มันก็คุ้มค่าที่จะลงทุน

นอกจากนี้ในตระกูลก็ยังมีสมาชิกที่มีพรสวรรค์โดยธรรมชาติและมีคุณสมบัตินักเวทย์จึงทำให้ตระกูลมีความโดดเด่นท่ามกลางคนอื่น ๆ ด้วยทรัพยากรที่หลากหลาย ตระกูลเดลแมนจึงสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว

หากปราศจากคุณสมบัตินักเวทย์ มันก็จะเหมือนกับลอแรนก้าที่ถูกส่งตัวไปจากดินแดนมนต์ดำ เมื่อเธอกลับไปยังตระกูลของเธอ เธอจะถูกปฏิเสธทรัพยากรใดๆ

นี่เป็นวิธีที่ตระกูลนักเวทย์ส่วนใหญ่ทำกัน อย่างไรก็ตาม มีบางตระกูลที่คล้ายกับองค์กรนักเวทย์ พวกเขาไม่จำเป็นต้องพึ่งพาวิธีการดังกล่าวเพื่อทำให้อิทธิพลของตระกูลยังคงอยู่

แต่อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่สามารถเทียบกับองค์กรนักเวทย์ของจริงได้เพราะทรัพยากรและมรดกที่ส่งต่อ พวกมันมีอยู่ภายในองค์นักเวทย์มากจนพวกตระกูลนักเวทย์เทียบไม่ติดแน่นอน

“พ่อมดเมอร์ลิน พวกเรามาแล้ว!”

ทันใดนั้น เอเลน่าซึ่งกำลังจดจ่อกับการกลับบ้านมากเกินไป เธอได้หยุดและชี้ไปที่อาคารขนาดใหญ่ที่อยู่ข้างหน้าเขียนว่า ‘ตระกูลเดลแมน!’

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด