ตอนที่แล้วChapter 9
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 11 - อ่านฟรี

Chapter 10


I’m Not Interested In The Main Characters (แปลไทย)

Chapter 10

ชายในเครื่องแบบอัศวินเดินเข้ามาหาเอลิเซีย ทันทีที่เธอก้าวเท้าออกจากพระราชวังกลาง

“สวัสดีเลดี้โลเวลล์ ผมบักส์ อัศวินแห่งเอสเตบัน ผมมารับเลดี้ตามคำสั่งครับ”

อัศวินชื่อบักส์ ก้มศีรษะกล่าวทักทายเอลิเซีย เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นและสบตากับเธอ เขาก็อ้าปากค้าง

“เอ้อะ!...”

บักส์สูดหายใจลึก ผิวของเขาเริ่มซีดลง ซีดแล้วซีดอีก

เขาเคยจีบเอลิเซียที่งานเลี้ยงจักรวรรดิในวันแรกและเสนอตัวพาเธอไปที่เลาจ์

ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอคือหญิงสาวที่ลือกันว่าดยุคตกหลุมรักในงานเลี้ยง

เขาคร่ำครวญในใจที่ตัวเองเพิ่งรู้เรื่องนี้ ทั้งๆ ที่เอลิเซียจำเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ

“เซอร์คะ?”

เสียงของเอลิเซียเรียกสติเขากลับมา เขาจึงเดินนำเธอไปด้วยความเคอะเขิน

***

ในขณะเดียวกัน ทางด้านแคสเซียน เขาได้ยินเสียงอัศวินกำลังพูดคุยกัน

“ตอนนี้บักส์ไปพบเลดี้โลเวลล์ตามคำสั่งอยู่ใช่ไหม?”

“ใช่ แล้วนายรู้ไหมว่า เขาเคยจีบเลดี้ในงานเลี้ยงที่ผ่านมานี้เอง?”

“พระเจ้า! จริงเหรอเนี่ย! มิน่าเขาคุยโม้อยู่พักนึงเลยว่า มีเลดี้แสนสวยคนหนึ่งชอบเขา ...นี่ถ้าดยุครู้เข้า เขาคงส่งคนอื่นไปแทนแน่ๆ”

***

บักส์พูดนุ่นนี่ไม่หยุด เขาหวังว่าเอลิเซียจะจำไม่ได้ว่าเขาเคยจีบเธอที่งานเลี้ยงของจักรวรรดิที่ผ่านมา

ยอดอัศวินลำดับที่ 1 มีอัศวินในสังกัดทั้งหมด 5 คน ส่วนอัศวินที่เหลือมีหน้าที่ดูแลพระราชวังหรือความมั่นคงของเมืองหลวง รวมไปถึงหน้าที่ส่วนของแต่ละหน่วย

ระหว่างที่บักส์และเอลิเซียเดินพูดคุยกันอยู่ ก็ปรากฎให้เห็นอาคารสามแห่งตั้งตระหง่านล้อมรอบโถงฝึกอันกว้างขวางของอัศวิน อาคารด้านในสุด คือ อาคารอัศวินลำดับที่ 1

แม้จะอยู่ระหว่างทางเดินไปยังห้องทำงานของแคสเซียน ปากของบักส์ก็ยังพูดไม่หยุด

“ท่านดยุคเป็นคนใสสะอาด ไม่มีอดีต”

“อย่างนั้นเหรอคะ? ต่อให้มีข่าวลือพวกนั้น...”

เอลิเซียยกมือขึ้นปิดปากราวกับเป็นเรื่องสนุก

เมื่อถูกเอลิเซียถามว่า แคสเซียนเป็นคนขี้สงสารจริงไหม บั๊กส์ก็ก้าวเข้ามาใกล้เธอและเอ่ยปาก

“ถูกต้องแล้วครับ ผมรับใช้ท่านดยุคมาหลายปี เขาเป็นคนซื่อตรงและเห็นใจผู้อื่น”

‘อนาคตเขาดูสดใสมาตลอด จนกระทั่งเขามีข่าวลือกับเลดี้’ นี่เป็นสิ่งที่เขาคิด

“เอิ่ม...เซอร์คะ?”

เอลิเซียมองถัดไปข้างหลังของบักส์ เธอสังเกตเห็นบางอย่างจึงพยายามบอกให้เขาหุบปาก

แต่เขาก็ไม่ได้สังเกตสายตาของเอลิเซียจึงยังคงไม่รู้เรื่องรู้ราว

แถมเขาก็เริ่มไล่เรียงความดีงามของแคสเซียนและความโหดเหี้ยมของเขาในสนามรบและการฝึก

“บักส์ นายคุยเรื่องอะไรอยู่ ดูสนุกนะ?”

“โอ้ ! เอ้อ ! ท่านดยุค!”

แคสเซียนยืนพิงกำแพงอยู่ด้านนอกห้องทำงาน

เห็นเช่นนั้น บักส์เลยผงะก้าวถอยหลังไป 1 ก้าว

“นายไปได้แล้ว”

“ครับผม!”

เอลิเซียชำเลืองมองแคสเซียน

เธอไม่อยากจะเชื่อคำพูดมากมายของบักส์ ต่อให้ผู้ชายคนนี้จะมีน้ำใจแค่ไหน แต่เมื่อนึกถึงสิ่งไร้สาระที่เขาทำกับเธอ...

เธอหรี่ตาลง

หลังเงียบไปไม่กี่นาที ทั้งคู่ก็เอ่ยขึ้นพร้อมกัน

“เชิญด้านในครับ”

“มันจริงไหมคะ?”

คิ้วของแคสเซียนบิดเบี้ยว

‘จริงไหมงั้นเหรอ?’

เอลิเซียใช้นิ้วจิ้มเอวหยอกล้อแคสเซียนไปหนึ่งที

แคสเซียนชี้นิ้วเข้าไปในห้องทำงานตัวเองและส่งสายตามองให้เธอรีบเข้าไป

เธอยกมือขึ้นป้องปากแล้วหัวเราะ

ทั้งคู่นั่งลงบนโซฟาที่ด้านข้างโต๊ะทำงาน

“คุณอยากได้ชาแบบไหน?”

“ขอแค่น้ำเย็นๆ สักแก้วก็พอค่ะ”

เอลิเซียถอดถุงมือลูกไม้ของเธอออกแล้ววางไว้บนตัก

เธอเอามือลูบอกเพื่อบอกให้ตัวเองใจเย็น แค่คิดถึงเรวอสก็ทำให้เธอเดือด

“การเข้าเฝ้าฝ่าบาทเป็นไปได้ดีไหม?”

“ไม่เลย คุณน่าจะรู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ข่าวซุบซิบพวกนั้นมันเสียเวลาเปล่าๆ”

“ผมเพิ่งรู้วันนี้เช่นกัน”

แคสเซียนยังคิดไม่ออกว่า ลอยด์ ผู้ช่วยของเขาต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหน กว่าจะสืบรู้ว่าใครเป็นคนอยู่เบื้องหลัง หากมันไม่ใช่พระราชวังกลาง เขาควรนึกออกว่าใคร

“แล้วคุณจะทำยังไงต่อ?”

เอลิเซียไม่ได้ตอบอะไรกลับมา

ตราบใดที่จักรพรรดิเข้ามาแทรกแซง มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เอลิเซียกับแคสเซียนจะสามารถรับมือได้ตามใจ

‘หรือฉันควรจับขุนนางต่างชาติสักคนและหมั้นกับเขาดีไหมนะ?’

หากพูดถึงความสัมพันธ์ฉันท์มิตรกับจักรวรรดิ ทำแบบนั้นก็เป็นทางเลือกที่ดี

หากเลือกวิธีนี้ เรวอสก็จะยืนกรานแต่งงานกับเธอไม่ได้

แต่เธอจะสามารถหาคนที่จักรพรรดิไว้ใจได้ไหม?

‘คนที่จักรพรรดิไว้ใจ...’

สายตาของเอลิเซียหันไปทางแคสเซียนอย่างเป็นธรรมชาติ

เขาดูเหมาะที่สุด หากดยุคเอสเตบันผู้เป็นกลางมาตลอด เลือกอยู่ข้างเรวอส

จะมีขุนนางหลายคนที่ติดตามเขาหันมาสนับสนุนเรวอส

เอลิเซียเอนตัวไปหาแคสเซียนแล้วท้าวคาง

นัยน์ตาสีทับทิมของเธอจ้องมองเขา

“คุณไม่เบื่อบ้างหรือไงที่ต้องคอยจับตาดูฉันตลอด?”

แคสเซียนเอียงคอกับคำถามของเธอ

เอลิเซียขยับตัวไปที่ปลายโซฟา

ตอนนี้แคสเซียนนั่งอยู่แค่เอื้อมมือเธอเท่านั้น

“แล้วถ้ามีวิธีที่จะทำให้คุณทำงานง่ายขึ้นกว่านี้ล่ะ สนใจไหม?”

“คุณต้องการจะพูดอะไร ? เอลิเซีย”

แคสเซียนหรี่ตา ริมฝีปากสีแดงของเขาโค้งเป็นรูปสวย

‘…ทำไมจู่ๆ คุณก็ช่างดูยั่วยวนแบบนี้กันนะ’

เอลิเซียเผลอคิดและกัดริมฝีปากตัวเอง

จากนั้นไม่นานเธอก็รู้สึกตัวได้อย่างรวดเร็วและพูดต่อ

“แค่อยู่ใกล้ๆ และเฝ้าติดตามฉันสักสองปีเป็นไง?”

เอลิเซียคิดไล่ลำดับถึงโชคชะตาต่างๆ ของเธอ

ถ้าเธอต้องเจอทั้งหมดนั่น แม้แต่ดยุคเอสเตบันก็ช่วยไม่ได้

เธอกำลังคิดเรื่องการแต่งงานแบบมีเงื่อนไข

‘ฉันจะตัดสินใจเรื่องนั้น หลังจากได้พบเจ้าชายองค์รอง’

องค์ชายรองพบเอลิเซียครั้งแรก เมื่อตอนที่เขายังเป็นเด็กและตกหลุมรักเธอเข้า

เธอไม่แน่ใจว่าหัวใจที่บิดเบี้ยวนั่น ใช่ความรักจริงๆ หรือไม่ แต่เรื่องเหล่านี้อยู่ในนิยายต้นฉบับ

หากเธอจบความสัมพันธ์กับเรวอสแล้ว เธอก็จะเป็นโสด ดังนั้นเธอจึงกังวลว่าองค์ชายรองก็อาจจะเข้าหาเธอ

ตอนนี้ไม่มีเค้าโครงของเอลิเซียคนเดิมอีกต่อไปแล้ว แต่องค์ชายรองยังคงไม่รู้เรื่องนี้

ในสถานการณ์เช่นนี้ ใจเธอคิดว่าการแต่งงานแบบมีเงื่อนไขจะทำให้เธอหลุดพ้นจากเงื้อมมือของเขาได้

‘อืม ฉันก็ไม่รู้มาก่อนเลยแฮะว่าข้อเสนอการแต่งงานจากราชวงศ์ จะเป็นการแต่งงานกับเรวอส ทั้งๆ ที่ควรเป็นการแต่งงานกับองค์ชายรองที่เป็นลูกของจักรพรรดินีมากกว่า โอ๊ย! ซับซ้อนจัง’

“ใกล้ขนาดไหนที่ผมทำได้?”

“ก็อยู่แถวๆ นี้แหละ”

เอลิเซียตอบ ในหัวของเธอกำลังยุ่งเหยิงไปหมด

แคสเซียนหัวเราะพลางเอนกายลงบนโซฟา

นั่นหมายความว่า เขารู้ว่าเธอต้องการจะพูดอะไร

ในสถานการณ์ตอนนี้ หากพวกเขาสามารถเปลี่ยนความคิดจักรพรรดิ มันก็จะสามารถหยุดเรวอสได้

“มันเป็นเพราะที่คุณได้เข้าเฝ้าฝ่าบาทงั้นเหรอ?”

“ฉันคิดว่าคุณรู้ทุกอย่างดี พูดกันตรงๆ เถอะ เพราะฉันมีบางอย่างอยากจะขอร้องคุณสักหน่อย”

“ผมไม่ได้รู้รายละเอียดมากนัก”

โกหก

เอลิเซียมองเขาอย่างไม่เชื่อ

เขาดูเหมือนจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะเขาเพิ่งหัวเราะไปเมื่อครู่ไม่ใช่เหรอ?

แคสเซียนผายมือให้เธอพูดต่อ

“คุณช่วยมาเป็นคู่หมั้นของฉันได้ไหม แค่สักสองปี”

อันที่จริง แคสเซียนไม่ใช่เพียงตัวเลือกเดียวที่เธอคิดออก อีกตัวเลือกที่น่าสนใจคือ ราโมท อาจารย์ของเธอ

พ่อมดผู้ยิ่งใหญ่ เขาชอบเดินทางไปหลายต่อหลายแห่ง ทั้ง ๆ ที่สถานที่ที่เขาควรจะพำนักอยู่ คือในหอคอยของอาณาจักร

จักรพรรดิจะไม่มีทางปฎิเสธแน่ๆ ถ้าหากเป็นเขา

แต่หากเลือกทางนั้น ราโมทจะถูกกักตัวอยู่ในอาณาจักร

เธอไม่ต้องการให้ราโมทถูกกักขังและถูกริดรอนเสรีภาพ

“คุณคิดเหรอว่าฝ่าบาทจะล้มเลิกการแต่งงาน เพียงเพราะคุณมีคู่หมั้นแล้ว?”

นี่เป็นอีกครั้ง เขารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับข้อเสนอการแต่งงานของเธอกับมกุฎราชกุมาร

ดูเหมือนเขาจะไม่เคยอยู่ห่างจากจักรพรรดิเลย

เธอคิดว่าแคสเซียนสามารถคาดเดาความคิดของคนอื่นๆ (ยกเว้นของเธอ) ได้อย่างแม่นยำ

“ถ้าคุณหมั้นกับฉัน จักรพรรดิจะคิดว่า คุณจะไม่ได้อยู่ในกลุ่มไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดอีกต่อไป และเพราะมีขุนนางจำนวนมากที่สนับสนุนคุณอยู่ จักรพรรดิอาจจะอยากให้ฉันแต่งงานกับคุณ คุณน่าจะรู้ข้อนี้ดี”

“แล้วผมจะได้ประโยชน์อะไร ? ดูเหมือนมีแต่เพิ่มเรื่องราวให้ตัวเองมากกว่า”

“คุณก็จะได้จับตาดูฉันได้ง่ายขึ้นไปอีกไง”

แคสเซียนยักไหล่ให้กับคำตอบของเธอ นั่นทำให้เธอเม้มปาก

นั่นเป็นสิ่งที่เธอกังวลอยู่ เธอกลัวว่าเธอจะไม่สามารถโน้มน้าวแคสเซียนให้ตกลงได้

ถึงมันจะเป็นความคิดที่ฉุกละหุกไปหน่อย แต่มันก็เป็นความคิดที่ดี เธอไม่อยากจะยอมแพ้ง่ายๆ

“คุณสามารถเจอฉันได้ตลอดเวลาในฐานะคู่หมั้น ถ้ามีคุณมาเกี่ยว ฝ่าบาทก็คงตรัสอะไรมากไม่ได้และยังไงเราก็ไม่ได้จะแต่งงานกันเร็วๆ นี้อยู่ดี”

ในนิยายต้นฉบับ ไม่เคยมีการพูดถึงดัชเชสแห่งเอสเตบัน ดังนั้น เธอคิดว่าเขาน่าจะเป็นโสด

แน่นอน เธอไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง หลังจากนิยายจบไปแล้ว แต่อย่างน้อยในเวลานี้ เธอก็ไม่คิดว่า เขาจะมีแพลนแต่งงานหรอก

เขาถูกส่งไปสนามรบตั้งแต่ยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่ด้วยซ้ำ

นั่นทำให้เธอรู้สึกสงสารเขา

แคสเซียนอยู่ในสนามรบมาตลอดและเมื่อเขาโตเป็นผู้ใหญ่ เขาไม่เคยมีโอกาสได้พบใคร

แม้ว่าคนในตระกูลจะเร่งเร้าทุกวันว่าเขาควรแต่งงาน ต่อให้เป็นการหมั้นหรือการแต่งงานทางการเมืองเพื่อผลประโยชน์ แต่แคสเซียนกลับเลือกที่จะยังคงปราบมอนสเตอร์ต่อไป นั่นทำให้พวกเขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก

“เหตุผลที่คุณคอยสอดส่องจับตาดูฉันอยู่แบบนี้ คุณไม่ได้ทำในฐานะผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพใช่ไหมล่ะคะ?”

“ถ้าให้พูดตามตรง ผมก็แค่ไม่อยากให้มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นแค่นั้น”

หมายความว่ายังไง? การที่ต้องนัดเจอกันด้วยข้ออ้างพวกนั้นมันไม่น่ารำคาญมากกว่าหรือไงนะ

เอลิเซียคิดว่าคำพูดของเขาไม่ค่อยน่าเชื่อถือเท่าไหร่

“อืม ก็ดีค่ะ มันสนุกและดูสมเหตุสมผลมากเลย”

“นี่คุณกำลังคิดว่าผม กำลังสนใจคุณอยู่ใช่ไหม?”

เฮอะ มันสำคัญตรงไหนกัน

เห็นได้ชัดว่าเขาพยายามหาวิธีปกปิดตัวตนของเธอและทำให้เธอปลอดภัย

‘ไว้ฉันจะคุยเรื่องนี้กับคุณอีกครั้งวันหลังก็แล้วกัน’

ดูเหมือนเธอจะคิดเร็วทำเร็วเกินไปหน่อย และเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่แคสเซียนสามารถตัดสินใจได้อย่างปุบปับเช่นกัน แต่ยังไงเธอก็ได้บอกเรื่องนี้กับเขาไว้แล้ว เดี๋ยวเขาก็คงทบทวนมันใหม่อีกสักนิด

“ฉันจะไปแล้ว”

“ที่จะพูดกับผม มีแค่นี้เองเหรอ?”

เขาถามว่าเธอจะยอมแพ้แค่นี้ใช่ไหม

เอลิเซียสูดหายใจเข้าสงบสติอารมณ์

ก็แค่การแต่งงานแบบปลอมๆ มันจำเป็นจะต้องมาดึงแง่อะไรด้วยเหรอ?

ตอนนี้เธอคงต้องถอยทัพกลับไปก่อน

“เพราะคนที่ฉันต้องรับมือตอนนี้ ไม่ได้มีแค่คุณคนเดียว ... พบกันสัปดาห์หน้านะคะ ฉันขอตัว”

มันน่ารำคาญเป็นบ้า

เธอไม่พอใจที่แบ็กกราวด์ข้อมูลของเขาในนิยายมีน้อยนิดยิ่งกว่าขี้มด

หากเธอรู้อะไรมากกว่านี้สักหน่อย เธอคงใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนของเขาหรือทำข้อตกลงอื่นแทน

***

อัพตอนใหม่ทุก วันอังคาร / เสาร์ หลัง 2 ทุ่มนะคะ

.

.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด