80Y-ตอนที่ 49 ทักษะกายหล่อเลี้ยง

ช่วงเวลากลางดึก ทั้งพระราชวังต้องห้ามได้กลายเป็นโกลาหล

หลินเทียนหยวน ได้ทรุดตัวลงอย่างรวดเร็ว

สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ล้วนทำให้เขารู้สึกตำหนิในความเย่อหยิ่งของตัวเอง

หลังจากได้ฟังการว่าสอนของ หลินจิ่วเฟิง หลินเทียนหยวน ก็เริ่มไตร่ตรองการกระทำของเขาในเวลานี้

เขาหวาดกลัว!

แผ่นหลังของเขาได้ปรากฏเหงื่อเย็นออกมา

มันเปียกโชกไปทั่วอาภรณ์ของเขา

“โชคดีที่ข้ามีท่านลุง…”

“ไม่เช่นนั้น ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา ของข้าคงเผชิญหน้ากับปัญหาจริง ๆ”หลินเทียนหยวน ได้พึมพัมออกมาด้วยความกลัว

ความเย่อหยิ่ง และ ความทะนงตน ก่อนหน้านี้ได้หายไปทั้งหมด

เขาไม่สามารถระงับความหวาดกลัวในใจได้

ขันทีที่เห็น หลินเทียนหยวน ยังไม่นอน อีกฝ่ายได้เดินเข้าไปทันที

เขาได้กล่าวพูดเบา ๆ“ฝ่าบาท นี่ก็มืดค่ำแล้ว พระองค์ควรที่จะบรรทมนะพะยะค่ะ”

“ไม่จำเป็น ข้าจะออกจากวังไปเยี่ยมเหล่าเจ้าหน้าที่ในราชสำนักของข้าทีละคน”

หลินเทียนหยวน ได้สั่นศีรษะ

หลังจากไตร่ตรองดูแล้ว เขาก็เริ่มคิดหาวิธีที่จะย้อนสิ่งที่เขาทำลงไป

โชคดีที่เจ้าหน้าที่ในราชสำนักที่ถูกปลดยังอยู่ในเมืองหลวง

พวกเขายังไม่ได้จากไป

ครอบครัวของพวกเขามีขนาดใหญ่อย่างมาก และ มีผู้คนมากมายภายใต้การดูแลของพวกเขา ดังนั้นมันเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะจากไปอย่างรวดเร็ว

หลินเทียนหยวน ได้ไปเยี่ยมเยือนพวกเขาในชั่วข้ามคืนและพูดคุยกับพวกเขาทีละคน เพื่อชักชวนให้พวกเขากลับมา

เขาทำผิดและยินดีที่จะแก้ไข

…

ในตำหนักเย็น จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของ หลินจิ่วเฟิง ได้กลับมาและรวมเข้ากับร่างกายของเขา

เจ้าแมวขาวรีบเขียนกล่าวถาม“เกิดอะไรขึ้นที่พระราชวังต้องห้าม?”

หลินจิ่วเฟิง ได้ตอบกลับเบา ๆ“วิญญาณขุนเขา มันใช้เทคนิคที่แปลกประหลาดในการเปลี่ยนรูปร่างและรูปลักษณ์ของมัน เพื่อลอบเข้าไปในวังหลังของจักรพรรดิและสร้างปัญหา ข้าได้ไปที่นั่นเพื่อเปิดเผยตัวตนของมัน”

เจ้าแมวขาวมองไปที่ หลินจิ่วเฟิง ด้วยความประหลาดใจ

มันได้ขยับเล็บและเขียน“วิญญาณขุนเขา?”

“ถูกต้อง”หลินจิ่วเฟิง ได้แนะนำลักษณะดั้งเดิมของ สนมหมิง อย่างระวัง

เจ้าแมวขาวได้ฟังก่อนที่จะเขียนคำสองสามคำ

“เป็นเผ่าวิญญาณขุนเขาไม่ผิดแน่นอน!”

หลินจิ่วเฟิง ได้พยักหน้า

หลังจากที่เขาได้เห็นร่างที่แท้จริงของ สนมหมิง หลินจิ่วเฟิง ก็สงสัยว่านางมาจากเผ่าวิญญาณขุนเขาที่เขาเคยอ่านเจอในหนังสือโบราณเหล่านั้นหรือไม่

ในบันทึกทางประวัติศาสตร์ของโลกในสมัยนั้น นอกเหนือจากเผ่ามนุษย์ที่สามารถบ่มเพาะพลังได้แล้ว ยังมีเผ่าอื่น ๆ อีกมากมายที่มีสติปัญญาและสามารถบ่มเพาะพลังได้

เช่นเดียวกับเจ้าแมวขาว ในที่สุดก็เปลี่ยนตัวเองกลายเป็นสัตว์อสูร

ในหมู่พวกมันมีสัตว์อสูรที่ดุร้ายและเผ่าพันธุ์ที่แตกต่างกัน

เผ่าวิญญาณขุนเขา เป็นหนึ่งในนั้น

วิญญาณขุนเขา เป็นเพียงวิญญาณธรรมดาสามัญที่ได้รับสติปัญญาจนสามารถบ่มเพาะพลังเองได้ ผ่านไปไม่นาน พวกมันก็สามารถฝึกฝนตัวเองจนแข็งแกร่งพอที่จะก่อตั้งเผ่าวิญญาณขุนเขา

ในหนังสือทางประวัติศาสตร์ยังระบุด้วยว่าเมื่อ 1,500 ปีก่อน-เผ่าวิญญาณขุนเขาได้ถูกกำจัดและถูกล่าจนสูญพันธุ์ไปหมดแล้ว

เขาไม่ได้คาดหวังเลยว่าพวกมันจะปรากฏตัวขึ้นในอีก 1,500 ปีต่อมา กระทั่งกำหนดเป้าหมายเป็น หลินเทียนหยวน

เทคนิคในการแปลงกายของ เหมยเหนียง ยอดเยี่ยมมาก แม้แต่ปราชญ์การต่อสู้หลายร้อยคนในราชสำนักก็ไม่สังเกตุเห็นความผิดปกตินี้

พวกเขาคิดจริง ๆ ว่านางเป็นเพียงแค่เด็กสาววัยรุ่นที่ไร้เดียงสา

“ข้าไม่คิดเลยว่าพวกมันจะมีความทะเยอทะยานขนาดนี้”เจ้าแมวขาว ตอบกลับด้วยความประหลาดใจ

“แม้ว่าพวกมันจะมีความทะเยอทะยาน แต่พวกมันจะต้องดูด้วยว่าสามารถคว้าสิ่งที่ต้องการได้หรือไม่ ไม่เช่นนั้นก็เป็นเพียงแค่ความฝันที่ไร้สาระเท่านั้น”การแสดงออกของ หลินจิ่วเฟิง ได้กลายเป็นเย็นชาเล็กน้อย

เขาจะต้องมองหาผู้บงการเรื่องนี้

แต่ทว่า เขาได้ฝากเรื่องนี้ไว้กับ หลินเทียนหยวน

เพราะท้ายที่สุด หลินเทียนหยวน จะต้องเค้นข้อมูลผู้อยู่เบื้องหลังมาจาก เหมยเหนียง ได้อย่างแน่นอน

…

วันรุ่งขึ้น วันสุ่งอาหารประจำเดือนของ ต้าชุน ก็มาถึง

เจ้าแมวขาวได้เดินตาม หลินจิ่วเฟิง มา และร่วมกินดื่มกับเขา

ต้าชุน ได้นำไวน์ชั้นดี และ อาหารอร่อย รวมถึงผลไม้ที่เจ้าแมวขาวชอบมาด้วย

“องค์ชาย เกิดเหตุการณ์พลิกผันที่ทำให้โลกหล้าล้วนตกตะลึงเมื่อคืนนี้! ให้ข้าได้บอกท่านเกี่ยวกับเรื่องนี้”ต้าชุน ได้เริ่มบทสนทนาตามปกติของเขา

หลินจิ่วเฟิง ได้ดื่มไวน์และกล่าวถาม“เกิดอะไรขึ้น?”

“จำเรื่องที่ข้าบอกท่านก่อนหน้านี้ได้หรือไม่ที่ว่า จักรพรรดิหมิง จะสั่งปลดตำแหน่งขององค์จักรพรรดิในปัจุบันและแต่งตั้งสนมหมิงขึ้นเป็นจักรพรรดินีคนใหม่แทน”ต้าชุน ได้ตอบกลับ

“แต่เมื่อคืนก่อน หรือพูดให้ถูกก็คือ ช่วงหลังของคืนนั้น ราชโองการของจักรพรรดิได้ถูกส่งออกไปโดยประกาศว่าจัจกรพรรดินีได้รับสถานะคืนทั้งหมด”

“สนมหมิง-ถูกจักรพรรดิหมิงจับตัว และส่งเข้าคุกแทน ตอนนี้นางกำลังถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดในฐานะอาชญากรที่นำพาหายนะมาสู่วังหลังของจักรพรรดิ”

เมื่อต้าชุนพูดความสับสนของเขาก็เพิ่มขึ้น

การพลิกกลับเช่นนี้มันเกิดขึ้นรวดเร็วเกินไป

ทุกคนคิดว่าจักรพรรดิหมิงตัดสินใจที่จะล้มล้างจักรพรรดินีองค์ปัจจุบันอย่างแน่นอน แต่ใครจะไปคิดว่าเหตุการณ์จะพลิกกลับอย่างรวดเร็ว?

จักรพรรดินีได้รับตำแำหน่งของนางคืน

ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับนางจนถึงท้ายที่สุด

แต่สนมหมิงกลับถูกส่งตัวเข้าคุกแทน

หลินจิ่วเฟิง ได้หัวเราะออกมา“อย่าได้พูดถึงเรื่องวังหลังเลย”

“องค์ชาย พูดถูกแล้ว ข้าไม่ควรพูดถึงเรื่องวังหลังจริง ๆ แต่เมื่อคืนนี้ จักรพรรดิหมิงทรงเสด็จออกจากพระราชวัง และไปยังที่พักของเจ้าหน้าที่ในราชสำนักทุกคน และ ชักชวนให้พวกเขาอยู่ต่อ…”

“เมื่อเช้านี้ข้าได้ค้นพบว่าพวกเขาได้รับสถานะคืนทั้งหมด”

“ตอนนี้เหล่าเจ้าหน้าที่ในราชสำนักได้ถูกเรียกตัวกลับและกำลังมุ่งหน้าไปยังท้องพระโรงในช่วงเช้าของวันนี้”

ต้าชุน ยิ่งไม่เข้าใจสถานการณ์เข้าไปใหญ่

สองวันก่อนหน้านี้

มีความบาดหมางระหว่างจักรพรรดิและเจ้าหน้าที่ในราชสำนัก

คนนอกเริ่มมองว่าพวกเขาเป็นกลุ่มตัวตลก

แต่วันนี้พวกเขากลับรวมตัวกันเป็นปึกแผ่น?

“องค์ชาย ยิ่งพูดข้าก็ยิ่งไม่เข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น”

ต้าชุน ได้ถอนหายใจออกมา

หลินจิ่วเฟิง ได้หัวเราะและตอบกลับ“ข้าก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ดังนั้นเจ้าควรจะเลิกในใจในเรื่องนี้”

“องค์ชาย พูดถูกแล้ว หากข้าไม่เข้าใจ ก็ควรปล่อยวางดีกว่า เพราะว่าเรื่องนี้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับข้า”

ต้าชุน ได้ตอบกลับอย่างมีความสุขขณะที่กำลังรอ หลินจิ่วเฟิง ทานอาหารเสร็จ

จากนั้นเขาก็เก็บจานและจากไป

หลังจากอีกฝ่ายจากไป หลินจิ่วเฟิง ก็กลับไปเริ่มการฝึกฝนของเขา

ในตอนเย็น หลินเทียนหยวน ได้มาที่นี่

เนื่องจาก หลินจิ่วเฟิง ปฏิเสธที่จะพบ หลินเทียนหยวน นับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เจอกัน ดังนั้นนี่เป็นครั้งแรกของเขาที่เขามาที่นี่ในช่วงไม่กี่ปีมานี้

คราวนี้ หลินจิ่วเฟิง ได้ปล่อยให้เขาเข้ามา

หลังจากคืนเดียว หลินเทียนหยวน ราวกับบุรุษวัยกลางคนที่มีอายุมากกว่า 40 ปี

เขาเหนื่อยทั้งกายและใจ

ทันทีที่เขาเห็น หลินจิ่วเฟิง เขาก็คุกเข่าลงทันที

ตุบ ตุบ ตุบ!

ก่อนจะพูดอะไร เขาก็โขกศีรษะลงพื้นสามครั้ง

“ท่านลุง ขอบคุณที่ท่านช่วยชีวิตข้า”หลินเทียนหยวน ได้ตอบกลับด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย

“ข้าทำสิ่งนี้ก็เพื่อพ่อของเจ้า ถ้ายังมีครั้งต่อไปแม้ว่าเจ้าจะต้องตาย ข้าก็จะไม่ช่วยเจ้าแล้ว”หลินจิ่วเฟิง ได้กล่าวอย่างเย็นชา

“ท่านลุง ข้ารู้ความผิดของตัวเองแล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจะทุ่มเทแรงกายแรงใจในการปกครองราชวงศ์ จะไม่ให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีก”หลินเทียนหยวน ได้บอกความจริงกับเขา

เขารู้สึกท้อแท้กับสิ่งที่เกิดขึ้น

ดังนั้นในเวลานี้เขาจึงไม่กล้าสนใจสตรีอื่นใดเลย

“อะไรทำให้เจ้ามาหาข้าที่นี่?”หลินจิ่วเฟิงได้กล่าวถาม

“ข้าค้นพบตัวตนของผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังวิญญาณขุนเขาตัวนั้นแล้ว”หลินเทียนหยวน ได้ตอบกลับอย่างเคร่งขรึม

“มันเป็นใคร?”หลินจิ่วเฟิง ได้กล่าวถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“ผู้บ่งการที่วิญญาณขุนเขาพูดถึง เป็นผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่ง อีกฝ่ายมีนามว่า ราชาวิญญาณขุนเขา เขาเป็นผู้มอบหน้ากากมนุษย์ให้กับนาง อีกทั้งยังเป็นคนวางแผนการเรื่องนี้ทั้งหมดด้วย”หลินเทียนหยวน ตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“เพียงแต่สถานะของวิญญาณขุนเขาตัวนั้นต่ำเกินไป นางจึงไม่รู้ว่า ราชาวิญญาณขุนเขาอยู่ที่ไหน”

หลินเทียนหยวน ได้สั่นศีรษะ

“แล้วเจ้าค้นพบเทคนิคการแปลงกายของนางแล้วหรือไม่? เพราะเหตุใดถึงไม่มีใครค้นพบมัน?”หลินจิ่วเฟิง กล่าวถามด้วยความสงสัย

“นี่เรียกว่า ทักษะกายหล่อเลี้ยง มันเป็นทักษะที่ชั่วร้ายอย่างมาก มันเป็นการถลกหนังของผู้หญิงออกมาจากนั้นก็นำมาขัดเกลาด้วยทักษะลับอีกอย่าง ผิวหนังเหล่านี้จะกลายเป็นภาชนะสำหรับปลูกฝัง จากนั้น ก็ใช้พลังของวิญญาณขุนเขาเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาของทักษะกายหล่อเลี้ยง เมื่อสวมใส่ภาชนะนี้แล้วจะกลายร่างเป็นสาวงามได้ในทันที”

“ดังนั้นนี่จึงเป็นทักษะแปลงกายที่ยากจะมองออก!”

เมื่อ หลินเทียนหยวนพูดจบ หัวใจของเขาก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก

เขารู้สึกเสียใจจริง ๆ