ตอนที่ 55 เบื้องหลังอาลีน่า
ตอนที่ 55 เบื้องหลังอาลีน่า
ความหนาวเย็นรอบตัวทำให้มันต้องขยับเข้าไปใกล้กองไฟมากขึ้น ความร้อนจากไฟที่ประทุอยู่ในกองไฟให้ความอบอุ่นอย่างไม่น่าเชื่อในสถานการณ์เช่นนี้
กายยกมือขึ้นมาอังไปที่กองไฟก่อนจะดึงกลับมาแนบหน้าตัวเอง
หนาวเป็นบ้าเลย...
“เจ้าหนาวทำไมไม่ถอดชุดออกไปตากลมด้านนอกให้แห้ง”
ลูก้าชี้ไปยังชุดเกราะและเสื้อผ้าที่ตากไว้บนหินทางเข้า
“ไม่เป็นไร ข้าทนได้อีกอย่างมันคงแห้งไม่มาก เพราะกลางคืนมีน้ำค้าง”
กายปฏิเสธปัดไป อันที่จริงเขาระวังตัวมากกว่าไม่รู้ว่า ผู้เล่นพวกนั้นจะโผล่มาตอนไหน อีกอย่างการมีชุดเกราะเกล็ดทมิฬสวมใส่อยู่มันทำให้เขาอุ่นใจมากกว่า
ชายคนนี้ระวังตัวมาก...สมกับที่รอดจากการล่าของพวกเรา ลูก้าชมเฉยกายอยู่ในใจ
“จริงสิ ข้าถามอะไรหน่อย อาลีน่าเป็นใครอย่างนั้นเหรอ”
กายถามออกไปด้วยความอยากรู้ อันที่จริงแล้วมันสนใจตัวตนของ NPC คนนี้ รางสังหรณ์บอกกับมันว่าตัวตนของเธอจะพาไปพบกับสิ่งที่ยิ่งใหญ่บางอย่าง
“อาลีน่า? ....ก็เป็นนักเรียนของสถาบันศาสตร์นักรบธรรมดาคนหนึ่งแค่นั้น” ลูก้าบอกออกไปตามปกติ แต่กายไม่ได้โง่ ลูก้าปิดบังบางอย่างไว้อย่างแน่นอน มันจึงถามกลับไปอีกครั้ง
“ข้าไม่ได้โง่ อันที่จริงข้าสังเกตเห็นเจ้าและคนอื่น ๆ ต่างปกป้องนาง ส่วนพวกเจ้าที่เหลือแม้จะมีสถานะเป็นนักเรียนชั้นปี 1 แต่ทุกคนต่างต่อสู้ไม่เหมือนกับนักเรียน”
กายถามหยั่งเชิงไปเบา ๆ แต่ลูก้าต่างหรี่ตามองกาย พร้อมกับมือจับไปที่ดาบใกล้ตัว
“เจ้ามีเจตนาอะไร!?”
“ขอโทษที…แต่ข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย ที่จริงแล้วด้วยสถานการณ์ตอนนี้ ถ้าข้ารู้อะไรเกี่ยวกับนางสักหน่อยอาจจะคอยระวังให้นางได้”
ลูก้าจับจ้องไปที่กายไม่กะพริบตา มันเข้าใจว่าด้วยสภาพของตัวเองตอนนี้ มีแต่จะเป็นภาระของอาลีน่า และถ้าเกิดเข้าขั้นวิกฤตจริง ๆ ชายข้างหน้ามันคงเลือกหนีไปโดยไม่สนใจอะไรอย่างแน่นอน
ซึ่งจะไปโทษกายก็ไม่ได้ ถ้าเขาทำแบบนั้นเพราะชายคนนี้ไม่รู้ความสำคัญของอาลีน่า
“ก็ได้ข้าจะบอก แต่เจ้าต้องเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับและที่สำคัญต้องช่วยนางด้วยให้รอดชีวิตออกไปให้ได้ห”
กายที่เห็นท่าที่จริงจังของลูก้าก็รู้ว่าตนคิดถูก เธอไม่ธรรมดาจริง ๆ ด้วย
“ข้าจะทำเท่าที่ทำได้”
กายตอบไป แต่เขาไม่ได้รับปากอะไรว่าจะยอมตายเพื่อช่วยเธอ เพราะถ้าเป็นแบบนั้นสิ่งที่ทำมาคงไร้ประโยชน์ โดยเฉพาะเมื่อ NPC รู้ว่ากายเป็นผู้เล่น
อย่างดีสุดเขาคงเสียสถานะนักเรียน ร้านและโรงตีเหล็กที่พึ่งซื้อไป แต่อย่างเลวร้ายหลังจากนี้ถ้า NPC รู้ว่าผู้เล่นสามารถคืนชีพได้ เดวิน ตัวละครนี้คงโดนไล่ล่า เพราะเขาจะกลายเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับแรกที่พาผู้เล่นเข้ามาที่ป่าคาเนรีส
ลูก้าได้ยินดังนั้นก็ยิ้มออกมา มันรู้ว่าไม่มีใครมายอมตายให้กับคนที่ไม่รู้จักหรอก อีกอย่างที่ผ่านมาพวกเขาควรขอบคุณที่กายช่วยด้วยซ้ำ
“อาลีน่าเป็นหลานสาวของอาจารย์ใหญ่แอดดิสัน”
เพียงประโยคเดียวก็ทำเอากายอึ้งไป เขาคิดว่าอาลีน่าอาจจะเป็นแค่หลานของอาจารย์ธรรมดาหรือตระกูลเจ้าพนักงานใหญ่ ๆ สักคน แต่เธอคือหลานสาวของอาจารย์ใหญ่แอดดิสัน นักรบแท้จริงขั้น 6
ถ้าผู้เล่นคนอื่นรู้ว่าเราเจอแต่ NPC ระดับสูงคงอิจฉาเราไม่น้อย กายยิ้มในใจ
แต่แน่นอนว่ายิ่งเข้าไปพัวพันกับ NPC ระดับสูงก็จะยิ่งเจออันตรายมากขึ้น
กายเสริมในใจ
ลูก้าเห็นว่ากายไม่พูดอะไร เขาก็กล่าวต่อ “ส่วนพวกเรามีสถานะเป็นนักเรียน แต่ก็เป็นคนคุ้มกันเธอเช่นกัน”
นั้นไง! ไม่งั้นนักเรียนพวกนี้จะรวมตัวกันได้เร็วขนาดนั้นได้ยังไง แบบนี้เรียกว่าโกงข้อสอบอ้อม ๆ ก็ได้ แต่พอมาคิดดูการที่เธอเป็นหลานสาวของคนระดับนั้นก็คงมีอันตรายไม่น้อย ไม่อย่างนั้นอาจารย์ใหญ่แอดดิสันคงไม่ให้ทั้ง 9 คนมาคอยคุ้มกันเธอ
แต่ทำไมอาจารย์ใหญ่แอดดิสันถึงให้หลานสาวของตัวเองเข้ามาฝึกซ้อมและเรียนที่สถาบันศาสตร์นักรบ ตระกูลของเธอน่าจะสอนได้อยู่แล้ว กายได้แต่เก็บคำถามนี้ไว้ในใจ
ขณะที่กายกำลังดำดิ่งไปในห้วงความคิดเสียงฝีเท้าของอาลีน่าก็เดินเข้ามาที่พวกเขาอยู่ เธอมองไปที่ลูก้าก่อนจะส่งใบไม้จำนวนหนึ่งให้ไป
เธอยังใส่ให้กับกายด้วย
“ใบสาบพยัคฆา เป็นสมุนไพรที่หาง่ายตามป่าทั่วไป ใบของมันไม้ช่วยในการห้ามเลือด ต้านการอักเสพ และลดอาการบวมช้ำได้นิดหน่อย”
กายรับมาอย่างขอบคุณ
เขาทำตามที่ลูก้ากำลังทำ ลูก้าบดใบสาบพยัคฆาและโปะไปที่แผลที่มือ ขา เลือดที่ซึมออกมาดูเหมือนจะหยุดชะงักในเวลาไม่นาน ก่อนที่เขาจะนำบางส่วนไปใส่ให้กับกรี ตอนนี้กรีตื่นขึ้นมาได้สักพักแล้ว
ใบหน้าของทั้งสองดูดีขึ้นมาก
กายบดใบสาบพยัคฆาแง้มเกราะเกล็ดทมิฬโดยเพราะที่บริเวณไหล่ซ้ายหลังและจุดฟกช้ำตามตัว หลังจากใบสาบพยัคฆา สัมผัสกับผิวหนังมันให้ความรู้สึกเย็นสบายอย่างบอกไม่ถูก
กายนั่งเงียบ ๆ อยู่มุมหนึ่งทั้งสามกำลังพูดคุยถึงเส้นทางในการหนีออกไป และเรื่องที่เหล่าโจรผู้เล่นเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร
“ข้าว่าพวกทหารคงเป็นสายให้กับพวกนั้น อาจจะไม่ใช่ทั้งหมด แต่แค่บางส่วน”
“น่าแบบนั้น เพราะทหารส่วนใหญ่ก็รู้เรื่องป่าเคนารีสก่อนนักเรียนที่นี่จะเป็นสถานที่ทดสอบ”
“แต่ก็ไม่แน่เพราะอาจจะมีนักเรียนที่ได้ข่าวมาจากวงในเหมือนกับพวกเรา ท่าปู่บอกว่ามีหลายคนที่ได้ข่าวมาเหมือนกัน ที่นี่ยังมีลูกหลายจากตระกูลระดับสูงอยู่จำนวนหนึ่งเช่นกัน”
“คนพวกนั้นไม่น่าจะทำเรื่องนี้ เกียรติของตระกูลมันมีค่ากว่าเงินแค่ไม่เท่าไหร่”
กายเห็นด้วยกับความคิดของทั้งสาม NPC ส่วนใหญ่มีตระกูลหนุนหลัง ไม่มีทางมาหวังแค่เงินเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้แน่นอน อีกอย่างพวกตระกูลเจ้าพนักงานหยิ่งจะตายไป จะยอมลงมาคบค้าสมาคมกับโจรได้อย่างไร
“เรื่องนี้เอาไว้ก่อน เราวางแผนหลบหนีกันก่อน ตอนนี้เราน่าจะอยู่ทางตะวันออกของป่าเคนารีส ลองมาคิดดูแล้วแม่น้ำที่พัดพวกเราไหลตามน้ำมาน่าจะเส้นนี้ ดังนั้นเราควรจะออกจากป่าโดยเร็วที่สุด” อาลีน่ากล่าวออกมา เธอหยิบกิ่งไม้มาวาดแผนที่ให้เข้าใจง่าย ๆ
อาลีน่ารู้ว่าต้องมาที่ป่าเคนารีสจึงจดจำแผนที่ป่าอย่างคร่าว ๆ มาก่อนแล้วสินะ แต่ตอนที่หนีกันเธอน่าจะยังไม่ทันได้นึกถึงแผนที่ ทำให้เกือบวิ่งตกเหวตาย กายสันนิษฐานในใจอย่างง่าย ๆ
หลังจากทั้งหมดตกลงเส้นทางหนีกันอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่ากายก็ไม่มีอะไรคัดค้านเพราะเขาไม่รู้เส้นทางจริง ๆ ส่วนแผนของพวกเขาก็ไม่ได้แย่ซักเท่าไหร่ อีกสองวันจะหมดเวลาทดสอบ แต่กายคิดว่าไม่เกินวันพรุ่งนี้ทางอาจารย์อิกลินและคนอื่น ๆ ก็น่าจะพบความผิดปกติ
นั้นหมายความว่าเวลาทดสอบคงไม่เกินวันพรุ่งนี้ ขอแค่เรารอดไปให้ถึงก็พอ
เป็นอย่างที่กายคิด เพราะขณะนี้ที่จุดควบคุมภารกิจทดสอบของนักเรียนชั้นปีหนึ่ง อาจารย์อิกลินที่พึ่งออกมาจากเต็นท์หลังจากเข้าไปพักผ่อนเมื่อกลางวัน
อิกลินเดินเข้ามาที่กระดานหินมีจิตวิญญาณ ทันใดนั้นสายตาของอิกลินก็หันไปเห็นว่ามีจุดแสงไฟไปรวมกันอยู่เป็นจำนวนมากบริเวณทางตะวันออกของป่า พวกมันเคลื่อนที่ไปมาไม่หยุด
“แปลก...”
อิกลินจับจ้องไปที่จุดแสงพวกนั้น มันมองนิ่งไม่ขยับ จนกระทั้งอาจารย์สาวเฟราถามขึ้นมา
“แปลกยังไงคะ? ไม่ใช่ว่าเป็นกรีที่นักเรียนรวมกันล่าหรือยังไง..”
“มันไม่ควรจะเป็นแบบนั้น พวกนักเรียนรวมตัวกันมากเกินไป ตอนนี้เป็นเวลามือแล้วแต่ทำไมพวกเขาถึงยังออกไล่ล่าคนอื่น ๆ เกิดขึ้นมานานหรือยัง”
อาจารย์อิกลินหันไปถามเฟราเพราะเธอเฝ้ากระดานหินมีจิตวิญญาณก่อนหน้าเขามาสักพัก
“เกิดขึ้นมาสักพักแล้ว น่าจะตั้งแต่ช่วงเย็น แต่ก่อนหน้านั้นกลุ่มพวกนี้ยังไม่ได้รวมตัวกันเยอะขนาดนี้”
“มีพลุสัญญาณยิงขึ้นมาบ้างไหม”
หลังอาจารย์อิกลินพูดด้วยใบหน้าตายด้าน อาจารย์เฟราก็เหมือนจะคิดขึ้นได้ เพราะที่บริเวณนั้นไม่มีพลุสัญญาณยิงขึ้นมาตั้งแต่บ่าย แต่เหมือนเธอจะนึกอะไรขึ้นได้
“ไม่สิ มันต้องมีพลุสัญญาณยิงขึ้นเพราะจุดแสงหายไปดวงหนึ่ง”
ในตอนนั้นเองไซโกก็เดินเข้ามาด้านในด้วยความรีบร้อน มันรีบกล่าวว่า “อาจารย์อิกลิน ข้าว่าพวกเรามีปัญหาแล้ว พวกเราติดต่อทหารที่ประจำอยู่ทางตะวันออกของป่าไม่ได้ หลังส่งคนไปตามหาพวกเขาก็ไม่พวกตัว แต่เจอกับของพวกนี้มาแทน”
ไซโกให้คนเข้ามา พร้อมกับชุดจำนวนหนึ่ง มันคือชุดเสื้อผ้าและของอื่น ๆ มีอยู่หลายตัว
“มนุษย์เพลิง พวกตัวประหลาด”
สีหน้าของอาจารย์อิกลินดูเคร่งขึมขึ้นมาทันที ไซโกพยักหน้ายืนยันในทันที เพราะมันก็คิดแบบนี้เช่นกัน
“แจ้งสถานการณ์ฉุกเฉิน ยิงพลุสัญญาณหยุดการทดสอบทันที ฝากหัวหน้าไซโกส่งทหารปิดล้อมพวกมันด้วย ส่วนพวกจะไปนับจำนวนนักเรียนดู”
หัวหน้าไซโกพยักหน้าตกลงก่อนจะเดินไปสั่งทหารด้านนอก
ทางเดียวกันอาจารย์อิกลินก็หันไปบอกอาจารย์เฟรา “รบกวน อาจารย์เฟราไปตามอาจารย์คาเตอร์และอาจารย์เอลลินที่พักผ่อนอยู่ด้วย บอกพวกเขาให้เตรียมตัวเราอาจจะต้องสู้กับพวกนั้น”
หลังจากอาจารย์เฟราออกไป ที่นี่ก็เหลือเพียงอาจารย์อิกลิน อาจารย์อิกลินมองไปที่กระดานหินมีจิตวิญญาณด้วยสายตาที่ขาดหวัง
“หวังว่าพวกมันคงไม่อ่อนแอเกินไป”
อาจารย์อิกลินยิ้มออกมามุมปากราวกับสัตว์ร้ายได้ถูกปลุกขึ้นมา และเมื่อนั้นจะต้องมีคนตาย
...
แสงอาทิตย์ขึ้นสาดส่องยามเช้าผู้เล่น 10 คนเดินมาตามริมแม่น้ำ เท้าของพวกมันเยียบลงไปที่หินริมน้ำด้วยความระมัดระวังกลัวว่าจะเกิดเสียง
ทั้งกลุ่มเคลื่อนที่เข้าหาหินจุดหนึ่งที่ซ้อนกันจนกลายเป็นที่พัก อันที่จริงแล้วหนึ่งในผู้เล่นเจอกับที่นี่เมื่อคืน มันรีบกลับไปตามผู้เล่นคนอื่นมาช่วยกันจัดการ เพราะลำพังตัวมันคนเดียวคงไม่สามารถจัดการได้
ที่พักยังคงมีควันไฟลอยออกมาอยู่
“พวกมันยังอยู่ข้างใน”
“ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดี เราต้องรีบกลับไปรวมกับคนอื่น ๆ เพื่อถอนตัวเย็นนี้ ไม่อย่างนั้นมีหวังทหารพวกนั้นล่าพวกเราหมดแน่”
กลุ่มโจรผู้เล่นพยักหน้าให้กันเป็นสัญญาณลงมือ มันกระโจนเข้าไปที่พักหินในทันที
แต่ด้านในกลับไม่มีใครอยู่แม้แต่คนเดียว
“บ้าเอ๊ยพวกมันหนีกันไปก่อนแล้ว”
...........
WITTERRY : ขอโทษทีที่หายไปหลายวัน พอดีไปปิดจบเรื่อง “Re zombie world โลกซอมบี้อีกครั้ง” มา กว่าจะจบเล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน