80Y-ตอนที่ 47 ความรักของหลินเทียนหยวน
ขณะที่การปฏิรูปราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาได้รับการปฏิรูปใหม่เหล่าผู้คนธรรมดาก็สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างสงบสุขและพึงพอใจ ทว่าความวุ่นวายกลับปะทุขึ้นภายในราชสำนัก
จักรพรรดิหมิง-หลินเทียนหยวน ได้ปลดจักรพรรดินีและให้ความสนใจกับสนมหมิง-เหมยเหนียง
เขาต้องการทำให้นางเป็นจักรพรรดินีคนใหม่ สิ่งนี้ทำให้ทั่วทั้งราชสำนักเกิดความโกลาหล
เจ้าหน้าที่ในราชสำนักกว่า 10 คน ที่ติดตามจักรพรรดิหยวนตั้งแต่เริ่มการปฏิรูปจนถึงปัจจุบัน พวกเขาล้วนเป็นเจ้าหน้าที่ในราชสำนักกว่า 2 ชั่วอายุคนของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา
กระทั่งบางคนยังเป็นข้าราชบริพารตั้งแต่ 3 ชั่วอายุคน
การมีอยู่ของพวกเขาล้วนมีอิทธิพลอย่างมากต่อราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา
แต่ทว่าตอนนี้พวกเขากลับถูกบังคับเกษียณราชการและถูกส่งกลับบ้านเกิด
การกระทำของ หลินเทียนหยวน ทำให้ทั่วทั้งโลกล้วนตกตะลึง
เจ้าหน้าที่ในราชสำนักและประชาชนธรรมดาต่างพูดถึงเหตุผลที่จักรพรรดิหมิงทำเช่นนี้
เห็นแก่หญิงสาม จนไม่สนใจราชสำนักแล้วงั้นหรือไม่?
ถ้าไม่มีเจ้าหน้าที่ราชสำนักเหล่านี้ใครจะจัดการงานให้กับเขา?
หากปราศจากรัฐมนตรีเหล่านี้ ใครจะช่วยเขาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการปฏิรูป?
จักรพรรดิหมิง ยังไม่ได้แก่ก็จริง เขาเสด็จขึ้นครองราชย์ตอนอายุ 15 ปี
ตอนนี้เพิ่งผ่านไป 10 กว่าปี เขาเพิ่งอายุ 30 ปีเท่านั้น
ถือได้ว่าเป็นช่วงปฐมวัยของชีวิต
เขาจะทำชีวิตตัวเองยุ่งเหยิงขนาดนี้ไปเพื่ออะไร?
ไม่กี่วันต่อมา…
จักรพรรดิหมิงก็ได้รับรู้ว่าทั่วโลกพูดถึงเขาว่าอย่างไร
แต่เขาก็ไม่สนใจ เขามีปราชญ์การต่อสู้หลายร้อยคนภายใต้คำสั่งของเขา อีกทั้งยังสามารถใช้อิทธิพลของ หลินจิ่วเฟิง ในการข่มขู่ศัตรูได้ แม้จะไม่มีเหล่าเจ้าหน้าที่ในราชสำนัก ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา ก็ไม่ได้เสียหายอะไรมาก
“พวกขุนนางเหล่านั้น ไม่เพียงแต่กล้าที่จะรวมตัวกันต่อต้านความคิดเห็นของข้าในชั้นศาล ยังกล้าประกาศให้ข้าฆ่าสนมสุดที่รักของข้าอีก ข้าละเว้นโทษตายให้พวกเขาก็ดีแค่ไหนแล้ว!”
จักรพรรดิหมิง รู้สึกโกรธจัด หากเหล่าขุนนางเหล่านี้ไม่ได้ขอให้เขาฆ่าสนมสุดที่รักของตนเอง เขาก็คงไม่เลือกรับสั่งแบบนั้นออกไป
ตอนนี้เขาได้นั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่ ความมืดและความเย็นได้โอบล้อมเขาไว้
การแสดงออกของจักรพรรดิหมิงค่อนข้างเย็นชา เขาพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะระงับความโกรธของเขา
เขาไม่ต้องการกำจัดเหล่าเจ้าหน้าที่ในราชสำนักทั้งหมดในคราวเดียว
อีกทั้งยังไม่ต้องการฆ่าคนเหล่านี้
เพราะนั่นจะทำให้ชื่อเสียงของเขาเสียหายอย่างมาก แต่ทว่าบางทีเขาก็ไม่สามารถทนได้คนเหล่านี้ได้ข้ามขีดจำกัดของเขาไปแล้ว
“ข้าเคยถูกเรียกว่าเด็กนอกคอกก่อนจะอายุได้ 5 ปี ข้าไม่มีพ่อคอยดูแล ท่านปู่ก็มักจะเฆี่ยนตีและไล่ข้าออกจากบ้าน สิ่งนี้ทำให้แม่ของข้าต้องอับอายขายหน้าอย่างรุนแรง”
“จากนั้นเสด็จพ่อก็มาพบเราและพาเรามาที่เมืองหลวง ในขณะนั้น พระองค์ทรงเป็นองค์รัชทายาทแล้ว แต่ทว่าเขาก็ยังไม่จัดให้ข้าเข้าสู่ลำดับวงศ์ตระกูลของราชวงศ์ ข้าในตอนนั้นก็ไม่ต่างอะไรไปจากเด็กนอกคอกอยู่ดี”
“จากนั้นเสด็จพ่อก็มอบข้าให้ท่านลุงดูแล ท่านลุงเป็นผู้ลึกลับแต่มีความตระหนักรู้อย่างมาก เขาสอนข้าบ่มเพาะพลังอ่านเขียนและฝึกฝน ทำให้ข้าประสบสำเร็จได้จนมีทุกวันนี้ นอกจากท่านลุง ข้าไม่เคยได้รับความรักใด ๆ เลย!”
ความเกลียดชังได้ปรากฏขึ้นในสายตาของจักรพรรดิหมิง
ตอนที่เขายังเด็ก เขาต้องการความรักจากแม่ของเขา
แต่แม่ของเขาก็เข้มงวดกับเขามาก
นางต้องการให้เขาขยันทำงานและอดทน ทว่านางก็ไม่เคยมอบความอบอุ่นให้เขาเลยสักครั้ง
ไม่มีแม้แต่คำชมหรืออ้อมกอดอันอบอุ่น
ภายในความทรงจำของเขาที่มีต่อแม่ของเขาก็คือการตำหนิอย่างรุนแรง การทักทายอย่างเย็นชา และ การเข้มงวดเพื่อบรรลุเป้าหมายในสิ่งต่าง ๆ
ตอนที่เขายังเด็ก เขาไม่เคยสนุกกับชีวิตและได้รับความรักจากพ่อ
เพราะในเวลานั้นจักรพรรดิหยวนก็ยุ่งเกินไป
เขาไม่ได้ไปพบจักรพรรดิหยวนแม้แต่ปีละครั้ง
หลินเทียนหยวนปราถนาที่จะได้รับความรักและความอบอุ่น
สุดท้ายก็มีแต่ หลินจิ่วเฟิง ที่สามารถทำให้เขาสบายใจได้ อีกฝ่ายไม่ได้เข้มงวดกับเขาอีกทั้งยังปล่อยให้เขาเติบโตอิสระ
คำขอของ หลินจิ่วเฟิง มีเพียงอย่างเดียว คือขอให้เขาขยันทำงานและสามารถมาหาเขาได้หากมีคำถามใด ๆ ไม่เข้าใจ
เพราะขาดความรักในวัยเด็กทำให้ ตัวตนของ หลินเทียนหยวน ไม่สมบูรณ์
ภรรยาของเขาก็ได้รับการคัดเลือกจากจักรพรรดิหยวน
หลินเทียนหยวน ไม่ได้รักนางเลย เพียงแต่เขาก็ไม่กล้าที่จะขัดคำสั่งพ่อของเขา
เพราะนั่นเป็นครั้งแรกที่พ่อของเขาแสดงความห่วงใยและช่วยเขาแก้ปัญหาตลอดชีวิต
เขาไม่สามารถปฏิเสธได้
ดังนั้นเขาจึงมีลูกสาวและลูกชายกับจักรพรรดินีองค์ปัจจุบัน พวกเขาเคารพซึ่งกันและกันเสมอ
มันเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะผูกมิตรกันนับประสาอะไรกับความรัก
หลังจากขึ้นครองบัลลังก์ เขาก็ทำงานอย่างหนักเพื่อการปฏิรูปในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เขาไม่กล้าจะหย่อนยานแม้แต่นิดเดียว
จนเขาลืมไปแล้วว่าการปฏิบัติตัวต่อคนรักควรทำยังไง
เขาลืมไปแล้วว่าควรจะมอบความรักให้คนอื่นอย่างไร
จนกระทั่งใต้หล้าเริ่มสงบสุข หลังจากการปฏิรูป ด้วยชื่อเสียงที่พุ่งทะยานของ หลินเทียนหยวน ทำให้เขาเริ่มกลายเป็นคนหยิ่งผยอง
เขาเชื่อว่าตนเองได้บรรลุความปราถนาสุดท้ายของพ่อของเขาแล้ว ดังนั้นเขาจึงต้องการหาความสุขให้ตัวเอง
เขาเริ่มจัดตั้งพิธีคัดเลือกนางสนม
หนึ่งในนั้นที่เขาถูกใจก็คือ เหมยเหนียง
ครั้งแรกที่เขาเห็นแม่นาง เหมย หัวใจของ หลินเทียนหยวน ก็เต้นแรงในทันที
กำแพงความรู้สึกที่ปิดกั้นหัวใจของเขาได้พังทลายลงหลังจากการมองนางเพียงครั้งเดียว
เขารู้สึกใจเต้นแรง
หลังจากนั้นเขาก็ได้ใช้ชีวิตกับเหมยเหนียงทำให้ หลินเทียนหยวน ยืนยันได้แล้วว่านางคือคนที่เขาต้องการ
เขาต้องการใช้ชีวิตที่เหลือกับนาง
ด้วยเหตุผลนี้ เขาจึงสั่งปลดจักรพรรดินีองค์ปัจจุบันและคณะรัฐมนตรีชุดเดิม เขาต้องการใช้หลักความคิดของเขาเป็นหลัก
“นี่คือความรัก!”หลินเทียนหยวน ในวัย 30 ปีเชื่อมั่นในความรู้สึกของเขา
เขาได้พบกับความรักแล้ว เขาจะต้องดูแลมันอย่างดี เขาไม่ต้องการปล่อย เหมยเหนียง ไป
เขาต้องการให้ เหมยเหนียง เป็นผู้หญิงที่มีค่าที่สุดในโลกสำหรับเขา
จักรพรรดินี!
…
ในตำหนักเย็น
หลินจิ่วเฟิง และ เจ้าแมวขาวได้มองไปที่ทางพระราชวัง
พวกเขาได้ยินเสียงกระซิบของ หลินเทียนหยวน ตลอดทางไปยังห้องโถงใหญ่
คนและแมวต่างมีสีหน้าที่แตกต่างกัน
เจ้าแมวขาวเชื่อมั่นในความรัก…
แต่การแสดงออกของ หลินจิ่วเฟิง กลับน่าเกลียดอย่างยิ่ง
เขาจะไม่รับรู้ถึงคลื่นลูกใหญ่ที่ปะทุขึ้นภายในเมืองหลวงของราชวงศ์ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาได้อย่างไร?
มีความโกลาหลมากมายเกิดขึ้น
ทุกคนล้วนแล้วแต่พูดถึงมัน
นี่เป็นครั้งแรกที่จักรพรรดิหมิงไม่เห็นด้วยกับเหล่าเจ้าหน้าที่ในราชสำนัก
แต่สิ่งที่น่าตกใจที่สุดก็คือพวกเขาทั้งหมดกลับถูกปลดออกจากตำแหน่งในราชสำนักทันที
หลินจิ่วเฟิง ไม่สามารถอดที่จะให้ความสนใจกับมันได้
การปฏิรูปเพิ่งเริ่มต้นขึ้น
มันเป็นการเริ่มต้นที่ดี
แต่ถ้าไม่รักษาสิ่งเหล่านี้เอาไว้ ความสำเร็จในช่วงแรกก็จะพังทลายลงราวกับภาพลวงตา
หลินเทียนหยวน ในปัจจุบัน ไม่ต้องการรักษาความสงบเหล่านี้เอาไว้
เขากำลังไขว่คว้าหาความรัก
เขาเห็นแก่ความรัก และ ขับไล่เหล่าข้าราชบริพารที่ภักดีของราชสำนักออกไปจนหมด
การตัดสินใจของเขาทำให้ หลินจิ่วเฟิง รู้สึกโกรธจัด
“รักกับผีเจ้าหนะสิ!”หลินจิ่วเฟิง กัดฟันแน่น
เขามองไปที่ หลินเทียนหยวน ในปัจจุบัน และ รู้สึกอยากจะทุบตีเขา
เจ้าแมวขาวหันศีรษะมองไปที่ หลินจิ่วเฟิง ในปัจจุบัน ที่มีใบหน้าน่าเกลียด
มันได้เขียนและกล่าวถาม“เจ้ารู้สึกโกรธ?”
หลินจิ่วเฟิง ได้พยักหน้าและตอบกลับ“สนมหมิง ผู้หญิงคนนี้ ค่อนข้างมีความสามารถมากทีเดียว ถึงกับสามารถสะกด หลินเทียนหยวน ให้กลายเป็นคนโง่เขลาได้ขนาดนี้ นางไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาอย่างแน่นอน”
เดิม หลินจิ่วเฟิง ไม่ต้องการมีส่วนร่วมในเรื่องครั้งนี้
แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถนิ่งเฉยได้
หลินเทียนหยวน ในปัจจุบัน ไม่สามารถสลัดความโง่ของตัวเองออกไปได้
เขากำลังจมอยู่ในทะเลแห่งรัก
อีกฝ่ายกำลังมีความสุขจนถึงขีดสุด
ไม่ว่าอย่างไรอีกฝ่ายก็จะไม่ผละออกจากความสุขเหล่านี้ด้วยตนเอง
“เหมยเหนียง!”ดวงตาของ หลินจิ่วเฟิง กลายเป็นเย็นชาเล็กน้อย
ถ้าภูมิหลังของสตรีผู้นี้มีที่มาที่ไปที่ปกติและไม่มีใครสนับสนุนให้นางทำแบบนั้น
เขาก็จะปล่อยผ่านมันไป
แต่ถ้า หลินจิ่วเฟิง ค้นพบว่ามีใครกำลังวางแผนอยู่เบื้องหลัง อีกฝ่ายจะต้องเผชิญหน้ากับความโกรธเกรี้ยวของเขา
“สถานการณ์ภายใต้การปฏิรูปเพิ่งจะมีเสถียรภาพได้ไม่นาน หากเจ้ากล้าที่จะเล่นตุกติกอยู่เบื้องหลัง ข้าจะทำให้เจ้าและคนที่อยู่เบื้องหลังของเจ้าทั้งหมดต้องกลายเป็นขี้เถ้า!”การแสดงออกของ หลินจิ่วเฟิง ค่อนข้างเย็นชา
“เจ้าคิดจะไปที่พระราชวัง?”เจ้าแมวขาวได้เขียนถาม
“ถูกต้อง ข้าจะไปที่นั่น”หลินจิ่วเฟิง ได้ตอบกลับ
จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขาได้ออกจากห้องมืดในห้วงจิตของเขาและกำลังเดินทางไปยังพระราชวังต้องห้าม
เขาต้องการตรวจสอบว่ามีใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้หรือไม่
ถ้าไม่มีใครนั่นก็หมายความว่า หลินเทียนหยวน ได้กลายเป็นคนโง่และลุ่มหลงในรัก
ไม่ว่าอย่างไร หลินจิ่วเฟิง จะไม่ยอมให้เขามาทำลายผลจากการปฏิรูปในครั้งนี้
เจ้าแมวขาวมองไปยังพระราชวังต้องห้ามด้วยความอยากรู้
กรงเล็บของมันได้ขยับ“เจ้าคิดว่ามีผู้บงกการอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้?”
หลินจิ่วเฟิง ได้ไพร่มือไว้ข้างหลัง
ท่าทางของเขาเย็นชาราวกับน้ำแข็งเขาไม่ได้ตอบกลับ
เขาจะค้นพบมันเองหลังจากทำการตรวจสอบ
สำหรับ หลินเทียนหยวน ที่พูดถึง-รักแรกพบ หัวใจเต้นแรง และ อื่น ๆ ?
เขาไม่เชื่อในเรื่องนี้
รักแรกพบล้วนเป็นราคะทางใจเท่านั้น!
สำหรับความรักนี่คือสิ่งที่ผ่านการปฏิสัมพันธ์กันในระยะยาวไม่ใช่ความชอบเพียงชั่วข้ามคืน สิ่งนี้จะต้องแยกแยะให้ถูกต้อง!