341-342
5/10
Ep.341
ชายชราผอมแห้งกระจ่างแก่ใจ ว่าเขาได้พบคนรวยเข้าให้แล้ว ดังนั้นไม่คิดเกรงใจซูเฉิน รับหินพลังงานเหล่านั้นไว้ด้วยความยินดี
ซูเฉินใส่ผลไม้ห้าหยางลงในถุงเก็บของแล้วถามว่า “เถ้าแก่ ถามอะไรหน่อยสิ ตลาดแห่งนี้ชื่อว่าอะไร?”
“ตลาดที่ราบเทียนซาง”
จิตใจของชายชรากำลังเบิกบานแจ่มใส สมาธิมัวแต่จดจ่ออยู่กับหินพลังงานในมือ ตอบกลับมาอย่างเป็นกันเอง
“ตลาดแห่งนี้ พวกพ่อค้าเป็นคนจัดตั้งขึ้นเอง หรือว่าถูกสร้างขึ้นโดยขุมกำลังใหญ่?” ซูเฉินยังคงถามต่อไป
“แน่นอน มันถูกก่อตั้งโดยขุมกำลังใหญ่ อาศัยแค่กำลังของพวกเรา ถ้าไม่มีขุมกำลังใหญ่สนับสนุน ป่านนี้โดนกำจัดสิ้นซากไปนานแล้ว”
ชายร่างผอมกล่าวถึงจุดนี้ เขาก็เงยหน้ามองซูเฉิน แล้วกล่าวว่า “น้องชายคงไม่ใช่คนท้องถิ่นใช่ไหม?”
“ใช่ ผมมาจากเขตหวงหลิน” ซูเฉินพยักหน้า
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้” ชายชราร่างผอมเข้าใจในที่สุด
เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับเขตหวงหลินมาก่อน เล่ากันว่าเขตนั้นเป็นสถานที่แห้งแล้งมาก เทียบไม่ได้เลยกับเขตอุดมสมบูรณ์อย่างหยูหลิน
หายากมากๆที่คนจากเขตหวงหลินจะใจกว้างเช่นซูเฉิน
“ขุมกำลังไหนหรือที่เป็นคนก่อตั้งที่นี่?” ซูเฉินถามอีกครั้ง
“สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ในอาณาเขตของขุมกำลังนิกายขวงฉี” ชายชราร่างผอมตอบตามตรง
นิกายขวงฉีอยู่ในเขตหยูหลิน คนธรรมดารู้จักในฐานะหนึ่งในสามขุมกำลังหลักแห่งเขตหยูหลิน แต่ที่ไม่ค่อยรู้กันก็คือ พวกเขามีขุนเขาเทียนฉีคอยให้การสนับสนุน
นอกจากนี้ บนภูเขาเทียนฉียังมีผู้แข็งแกร่งของเผ่าวิหคเหินพำนักอยู่อีกด้วย
หรือสรุปก็คือ สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตอิทธิพลของเผ่าวิหคเหิน
ซูเฉินค่อยๆถามอย่างใจเย็น “ผมได้ยินมาว่ามีเมืองจินอาอยู่ใกล้ๆที่นี่ ที่นั่นมีซอมบี้หลายหมื่นตัว คุณไม่กลัวว่าจู่ๆพวกมันจะบุกเข้ามาฆ่าหรอ?”
ชายชราร่างผอมบางยิ้ม และอธิบายว่า “ขุมกำลังหลักในเขตหยูหลิน ล้วนมีสนามหญ้าเป็นของตัวเอง พวกเขาได้บรรลุข้อตกลงกันแล้ว ดังนั้นไม่สามารถบุกมาฆ่าแกงกันตามอำเภอใจได้ หากมีใครฝ่าฝืน ก็จะถูกโจมตีจากขุมกำลังอื่นๆ”
เมื่อเข้าใจสถานการณ์คร่าวๆแล้ว ซูเฉินก็กล่าวร่ำลาชายชราผอมแห้ง เดินเข้าไปในตลาดกับทุกคน
“พี่เฉิน พวกเราอยากแยกไปดูทางนู้น”
หลังจากเดินเตร่ไปสักพัก หยางฮ่าวก็เดินเข้ามาขออนุญาตซูเฉิน
เมื่อพิจารณาแล้วว่าที่นี่ไม่น่าจะมีอันตรายใดๆ ซูเฉินก็อนุญาต ขณะเดียวกันหยิบหินพลังงานออกมาเป็นจำนวนมาก แจกจ่ายให้ทุกไปซื้อสิ่งที่พวกเขาต้องการ
“ขอบคุณพี่เฉิน!”
หยางฮ่าวกับเฉาหรานมีความสุขมาก รีบวิ่งแยกหายไป
สือต้าหนิวไม่ต้องการพลาดโอกาสนี้เช่นกัน วิ่งตามทั้งสองไป
หวู่หยางกับหยางหลิงเทียนมองหน้ากัน พากันเดินเข้าร้านขายอาวุธ
ส่วนซูเฉินพาสองสาวงามตันหลินและหยางเฉียนเดินไปตามถนน
ทั้งสามหยุดพูดคุยและหัวเราะไปตลอดทาง แต่เมื่อเดินผ่านหน้าแผงลอยร้านหนึ่ง ซูเฉินก็หยุดฝีเท้าลง
นี่คือแผงขายสมุนไพร ร้านเป็นแบบผ้าหยาบปูบนพื้น ด้านบนมีสมุนไพรหลากหลายชนิดวางอยู่
สมุนไพรเหล่านี้ส่วนใหญ่แล้วมักนำไปใช้ในการกลั่นเม็ดยา หรือไม่ก็รักษาอาการบาดเจ็บ
ตอนแรก ซูเฉินก็ไม่สนใจมันหรอก
อย่างไรก็ตาม ในจังหวะที่กำลังเดินผ่าน เขาสังเกตเห็นความผันผวนอ่อนๆของพลังจิตที่เล็ดลอดออกมาจากสมุนไพร
มีสมุนไพรไม่กี่ชนิดที่สามารถสร้างพลังแห่งจิตวิญญาณได้ ดังนั้นนี่ไม่ใช่สินค้าธรรมดา
ซูเฉินปลดปล่อยพลังจิตของเขา กวาดเข้าไป และพบที่มาของพลังจิตสายนี้อย่างรวดเร็ว ปรากฏว่ามันมาจากใบไม้สีน้ำตาลที่ไม่เด่นสะดุดตาอะไร
“เถ้าแก่ นี่คือใบอะไร?”
ซูเฉิน หยิบใบไม้ขึ้นมาในมือ ยกมันขึ้นสำรวจดู เอ่ยถามเจ้าของร้าน
เจ้าของร้านแผงลอยเป็นชายชราอายุประมาณ 70 ปี เขากระพริบตาปริบๆแล้วกล่าวว่า “มันตกลงมาจากพืชชนิดหนึ่ง”
ซูเฉินพยักหน้า ส่งใบไม้นี้ลงไปใน [พื้นที่เพาะปลูก] แล้วคุยกับต้นผลอายุวัฒนะ
“เสี่ยวโซ่ว นายรู้ที่มาของใบไม้นี้ไหม?”
ต้นผลอายุวัฒนะเพ่งมองมันครู่หนึ่ง แล้วจู่ๆก็อุทานด้วยความตื่นเต้น “เจ้านาย นี่คือใบของต้นผลแก่นแท้!”
6/10
Ep.342
ซูเฉินเริ่มตื่นตัว เอ่ยถามน้ำเสียงร้อนรนว่า “เถ้าแก่ แล้วต้นไม้นั่นอยู่ที่ไหน?”
ต้นผลแก่นแท้คือหนึ่งในสมบัติศักดิ์สิทธิ์ของสายพันธุ์พืชปีศาจ ผลที่มันออกดอกสามารถช่วยเสริมพลังแห่งจิตวิญญาณได้
เจ้าสิ่งนี้มีค่าไม่ด้อยไปกว่าต้นผลอายุวัฒนะเลย ซูเฉินอยากได้มันมานานแล้ว
หากมีโอกาสทราบที่อยู่ของต้นผลแก่นแท้ ก็ถือเป็นวาสนา และเขาจะไม่ยอมพลาดมันไปอย่างแน่นอน
“มีคนซื้อไปแล้ว” เจ้าของร้านกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ
เขาไม่รู้จักต้นผลแก่นแท้ซักนิด ที่ขายๆส่วนใหญ่ก็เป็นสมุนไพรที่ไม่รู้จักอยู่แล้ว ดังนั้นไม่คิดจริงจังกับมัน
“ขายให้ใคร?” ซูเฉินเริ่มกังวลขึ้นมา
ต้นผลแก่นแท้มีความสำคัญต่อเขามาก เพราะแม้อาชีพหลักทั้งสามของเขาล้วนอยู่ในเลเวล 4 แต่เมื่อเทียบกับทางฝั่งปรมาจารย์มนตราและผู้วิวัฒนาการแล้ว ด้านปรมาจารย์พลังจิตของเขาถือว่าอ่อนแอที่สุด
หากไม่ได้เสริมความแข็งแกร่งให้มัน เกรงว่าสุดท้ายสิ่งนี้อาจกลายเป็นแค่เครื่องประดับไร้ราคา
และเขาจะไม่ยอมให้ตัวเองไปอยู่ในจุดนั้นแน่นอน
“มีตั้งหลายคนเข้ามาซื้อของร้านฉัน ใครจะไปจำได้” เจ้าของร้านส่ายหัว
อันที่จริงเขายังพอจำได้อยู่บ้าง
ยังไงก็ตาม ซูเฉินไม่ได้ซื้อของร้านเขานี่? เพราะงั้นทำไมต้องบอกด้วย?
“ช่วยลองคิดดูดีๆอีกทีเถอะ”
ซูเฉินหยิบหินพลังงานจำนวนหนึ่งออกมา และยัดมันลงในมือเจ้าของร้านแผงลอย
มองไปยังหินพลังงานสว่างไสวในมือ ดวงตาของเจ้าของร้านเหยียดตรง ใบหน้าเขาเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม รีบเอ่ยว่า “ฉันจำได้แล้ว ดูเหมือนมันจะถูกซื้อไปโดยร้านยู่หลินแห่งเมืองทงเทียน”
“พวกเขาซื้อไปนานแค่ไหนแล้ว?” หัวใจของซูเฉินเริ่มเต้นแรง
หากคนของร้านยู่หลินเพิ่งจากไปได้ไม่นาน ซูเฉินอาจสามารถขอซื้อต้นผลแก่นแท้กลับคืนมาได้
“หายไปเกือบครึ่งวันแล้ว ตอนนี้พวกเขาน่าจะกลับไปเมืองทงเทียนแล้ว” เจ้าของร้านครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบกลับ
สีหน้าของซูเฉินหมองลง พยักหน้าขอบคุณ จากนั้นพาตันหลินกับหยางเฉียนออกจากที่นี่
เนื่องจากคนของร้านยู่หลินจากไปนานแล้ว ดังนั้นคงสายเกินกว่าที่จะไล่ตาม
ยังไงก็แล้วแต่ เดิมเขาตั้งใจจะไปยังเมืองทงเทียนอยู่แล้ว ดังนั้นตราบใดที่รู้ว่าใครคือผู้ซื้อ ไม่ว่าจะต้องทุ่มเงินหรือปล้นชิง เขาก็จะต้องได้ต้นผลแก่นแท้มาอยู่ในมือให้ได้
“ซูเฉิน ต้นไม้นั่นสำคัญกับนายมากหรอ?” ตันหลินเอ่ยถามด้วยความสงสัย
เธอไม่เคยเห็นซูเฉินใส่ใจเรื่องอะไรมากขนาดนี้มาก่อน
“สำคัญสิ สำคัญมาก” ซูเฉินตอบกลับ
“งั้นพวกเราก็ไปที่เมืองทงเทียนกันเถอะ” ตันหลินเสนอแนะ
“ไม่ต้องรีบร้อน เอาไว้เดินให้สุดทางตลาดแล้วค่อยว่ากัน” ซูเฉินยิ้ม
ในเมื่อไม่ช้าก็เร็วจะไปเมืองทงเทียนอยู่แล้ว ฉะนั้นไม่ต้องรีบร้อน
หลังจากนั้น ทั้งสามคนก็เดินเที่ยวอีกสักพัก ซื้อของหลายอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนติดไม้ติดมือกลับมา แต่ระหว่างทางที่กำลังเดินไปยัง [รถศึกอัจฉริยะ] ซูเฉินก็ดันได้พบกับคนรู้จัก เขาก้าวเข้าหา เอ่ยทักทาย “ท่านลุง บังเอิญจริงๆที่เจอกันที่นี่”
อีกฝ่ายคือชายชราหงอกขาวที่ซูเฉินเจอตอนจะเข้าอุโมงค์สู่เขตหยูหลิน
“เป็นคุณ!”
เมื่อเห็นว่าผู้ทักทายคือซูเฉิน สายตาของชายชราหงอกขาว ฟุ้งไปด้วยความหวาดกลัวราวกับเห็นผี วิ่งหลบหนีไป
มองไปยังอีกฝ่ายกลืนหายไปกับฝูงชนอย่างรวดเร็ว ซูเฉินงุนงงเล็กน้อย บ่นอุบว่า “ตาลุงนั่นเป็นอะไร สงสัยจะป่วย”
ซูเฉินคงไม่รู้หรอก ว่าตั้งแต่ครั้งก่อนที่เขาพบซุนเทียนกังแห่งเมืองทงเทียน ชายชราหงอกขาวได้รู้แล้วว่าซูเฉินฆ่าคนโดยแอบอ้างเป็นคนของภูเขาฉีหลิน
ฉะนั้น หากอยู่ใกล้ซูเฉินแล้วมีคนเห็นเข้า มันอาจนำหายนะถึงตายมาสู่ตัวเขาได้
ซูเฉินไม่คิดมาก เดินต่อกลับไปยัง [รถศึกอัจฉริยะ]
แต่เดินไปได้แค่ไม่กี่ก้าว เขาก็ได้ยินเสียงทะเลาะวิวาทรุนแรงดังขึ้นไม่ไกล
“นี่มันเสียงของหยางฮ่าว?” ใบหน้าของหยางเฉียนแปรเปลี่ยนไปทันที
ซูเฉินก็ได้ยินเช่นกัน แถมเสียงทะเลาะนี้ ไม่ได้มีแค่หยางฮ่าว แต่ยังมีเฉาหรานและสือต้าหนิวรวมอยู่ด้วย
“ไปดูกันเถอะ”
ซูเฉินกลัวว่าหยางฮ่าวและคนอื่นๆจะได้รับบาดเจ็บ จึงรีบไปยังจุดเกิดเหตุ