ตอนที่แล้วเธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ บทที่ 659 ต้องการประสบความสูญเสียจากเธอ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ บทที่ 663 บุกเข้าไปในห้องผ่าตัด 1

เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ บทที่ 661 การฝึกงาน 2


ด็อกเตอร์ฉู่ยังคงดุเจี่ยนอีหลิงต่อไป “แล้วไง? ทำไมเธอถึงไม่พูด เธอเป็นใบ้เหรอ? เป็นใบ้ก็ไม่ควรเป็นแพทย์ แพทย์ต้องเรียนรู้ที่จะสื่อสารกับผู้ป่วย คนอย่างเธอรู้แค่คุยกันบนกระดาษ เข้าใจเพียงแค่ข้อมูลและตัวเลขเท่านั้น แต่ยังไงก็ตาม นั่นจะไม่ทำให้เธอเป็นแพทย์ที่ดีได้”

“เธอควรเรียนรู้ที่จะพูดและสื่อสารกับผู้ป่วย หากเธอไม่สามารถเรียนรู้เรื่องนั้นได้ ก็อย่าเป็นแพทย์ ให้กลับบ้านไป ฉันให้คำปรึกษาแก่แพทย์ฝึกหัดมามากมายแล้ว แต่ก็ยังไม่เคยเจอใครที่แย่เท่าเธอมาก่อน เห็นชัดว่าเธอเป็นแพทย์ฝึกหัดที่แย่ที่สุดที่ฉันเคยมีมา”

“ทำไมเธอถึงยังยืนอยู่ตรงนั้น? ทำไมถึงไม่เรียนรู้วิธีสื่อสารกับคนรอบข้างบ้างล่ะ?” ด็อกเตอร์ฉู่เร่งรัดอย่างหมดความอดทนเมื่อเห็นเจี่ยนอีหลิงยืนนิ่ง

หลังจากที่เจี่ยนอีหลิงออกไปแล้ว แพทย์อีกคนก็พยายามเกลี้ยกล่อม ด็อกเตอร์ฉู่ “ด็อกเตอร์ฉู่ เธอยังเด็กมาก ควรแสดงความเมตตาให้เธอเห็น อย่าทำให้เธอร้องไห้”

“ร้องไห้เหรอ? ใครกันที่ส่งเธอมาที่โรงพยาบาลนี้? พวกเขาเสียเวลาเปล่าจริงๆ” ดรฉู่บ่น มีน้ำเสียงรังเกียจในขณะที่พูดแบบนี้

โรงพยาบาลของพวกเขาเป็นโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ ยิ่งไปกว่านั้น แพทย์ฝึกหัดทุกคนที่มาที่นี่ล้วนเป็นนักศึกษาชั้นยอดในกลุ่มแพทย์

แต่ว่า แพทย์ฝึกหัดคนนี้กำลังทำอะไรอยู่? เธอไม่สื่อสารกับผู้ป่วยด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้น เธอมีความมั่นใจว่าผู้ป่วยต้องผ่าตัดทันที

เมื่อได้ยินแบบนี้ แพทย์อีกคนก็พูดว่า “แต่ไม่ใช่ว่าเธอคือเจี่ยนอีหลิงเหรอ? เธอเป็นนักศึกษาชั้นยอดในบรรดาแพทย์ ยิ่งไปกว่านั้น เธอข้ามเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัย อีกทั้ง เธอยังสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีแล้วด้วย ผมมีความคาดหวังสูงมากสำหรับเธอ”

ด็อกเตอร์ฉู่เยาะเย้ยคำพูดเหล่านี้ “คุณรู้ไหมว่าเธอทำอะไรเมื่อกี้นี้? เธอบอกว่าเด็กที่เป็นโรคกระเพาะและลำไส้อักเสบคนนั้นต้องผ่าตัด ผ่าตัดเหรอ คุณคิดเหรอว่าเธอสามารถทำได้จริง? เธอเพิ่งเรียนแพทย์มาไม่กี่ปี เธอเห็นผู้ป่วยมากี่คนเชียว? หรือเธอคิดว่าตัวเองเป็นแพทย์มืออาชีพเหรอ”

จากนั้นด็อกเตอร์ฉู่แค่นเสียงขึ้นจมูก

แพทย์อีกคนในแผนกได้แต่ส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้

อาา เจี่ยนอีหลิงรับมือกับผู้คนไม่เก่งจริงๆ

ในฐานะนักศึกษา เธอควรถามถ้าเธอไม่เข้าใจอะไร

ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าเธอจะมีความคิดเห็นก็ตาม เธอก็ควรแนะนำพวกเขาอย่างอ่อนโยน แนะนำให้ไปพบแพทย์ เธอไม่ควรจะมั่นใจขนาดนั้น

ในเบื้องต้นแล้วเธอกำลังตั้งคำถามถึงอำนาจของแพทย์ที่ให้คำปรึกษากับเธอ ไม่น่าแปลกใจที่ด็อกเตอร์ฉู่วิจารณ์เธอด้วยตัวเอง

###

ในช่วงพักกลางวัน เด็กสาวคนหนึ่งที่ฝึกงานอยู่กับเจี่ยนอีหลิงก็พยายามเกลี้ยกล่อมเธอ “เจี่ยนอีหลิงทำไมเธอไม่ขอโทษด็อกเตอร์ฉู่ล่ะ”

"ขอบคุณ แต่ฉันไม่มีปัญหา” เจี่ยนอีหลิงตอบ เสียงเธอนุ่มนวลและเยือกเย็น

ยิ่งไปกว่านั้น สีหน้าเธอทำให้ดูเหมือนว่าเธอสบายดีไม่มีปัญหาจริงๆ

เจี่ยนอีหลิงมีหลายสิ่งที่ต้องทำเมื่อเร็วๆนี้ เธอต้องมองไปข้างหน้าถึงการสร้างสาขาใหม่ของโรงพยาบาลลั่วไห่เซิน ด้วยเหตุนี้ เธอจึงไม่มีเวลาวิตกกังวลและโกรธเคืองกับแพทย์ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเธอมากนัก

“แต่ถ้าเธอเป็นแบบนี้ เธอจะต้องอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากในอนาคตนะ” หญิงสาวคนนั้นกล่าวต่อ

“ไม่เป็นไร” เจี่ยนอีหลิงตอบ ราวกับว่าไม่ได้กังวลเรื่องนี้มากนัก

“อาา ฉันไม่รู้จริงๆว่า จะดีหรือไม่ดีกับที่เธอเป็นแบบนี้” หญิงสาวคนนั้นพูดขณะที่ส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ แล้วก็หันหลังกลับไปจดจ่อกับงานของตัวเอง

เธอไม่รู้จักเจี่ยนอีหลิงดีตั้งแต่แรก และด้วยเหตุนี้ เธอจึงช่วยไม่ได้ถ้าอีกฝ่ายไม่เต็มใจรับฟัง

บทที่ 662 เวินเฉิงประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์

หลังจากที่ด็อกเตอร์ฉู่บ่นเจี่ยนอีหลิงเสร็จแล้ว เขาก็ไปทานอาหารกลางวันที่ห้องทำงาน

“ด็อกเตอร์ฉู่ ด็อกเตอร์ฉู่ เกิดเรื่องร้าย ผู้ป่วยเมื่อกี้นี้หมดสติไปแล้ว” หัวหน้าพยาบาลรีบพูดกับด็อกเตอร์ฉู่

“คนไข้คนไหน” ดรฉู่ถามขณะที่ลุกขึ้นในทันที

“เป็นคนไข้ที่คุณวินิจฉัยว่าเป็นโรคกระเพาะลำไส้อักเสบ แต่ว่าแพทย์ฝึกหัดคนหนึ่งยืนกรานให้คนไข้ผ่าตัด”

โดยปกติโรคกระเพาะลำไส้อักเสบจะไม่ทำให้ผู้ป่วยหมดสติ

เมื่อได้ยินแบบนี้ ใบหน้าของดรฉู่ก็ซีดเผือด เขารีบวิ่งออกไป

เจี่ยนอีหลิงตัวจริงอยู่ที่ www.thai-novel.com หรือ mynovel.co ค่ะ

ผู้ป่วยเป็นลมหมดสติ

โชคดีที่ผู้ป่วยไม่ได้ออกไปจากโรงพยาบาล จึงทำให้ผู้ป่วยถูกเข็นเข้าไปในห้องฉุกเฉินในทันที

ผู้ป่วยมีแผลในลำไส้เคสหายาก เงื่อนไขนี้ไม่ธรรมดา ยิ่งไปกว่านั้น ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ จากการตรวจเลือด ด้วยเหตุนี้ ด็อกเตอร์ฉู่จึงสันนิษฐานว่าเป็นเพียงโรคกระเพาะลำไส้อักเสบ

นี่ทำให้ทั้งแผนกกังวล

แต่ยังไงก็ตาม เจี่ยนอีหลิงก็ยังคงนั่งพักอยู่ในที่นั่งของตัวเอง

เด็กสาวที่เพิ่งพยายามเกลี้ยกล่อมเจี่ยนอีหลิงมองไปที่เธอด้วยความประหลาดใจ “เธอพูดถูกจริงๆ… ผู้ป่วยถูกย้ายเข้าห้องผ่าตัด…”

“อือ”

“แล้วทำไมเธอไม่ตื่นเต้น? เธอพูดถูกนี่นา” หญิงสาวถามเจี่ยนอีหลิง

“ชีวิตของผู้ป่วยตกอยู่ในความเสี่ยง” เจี่ยนอีหลิงตอบ ไม่มีอะไรต้องตื่นเต้นเมื่อมีผู้ป่วยอยู่ในห้องฉุกเฉิน

“แล้วไม่กังวลเหรอ? ตอนนี้ผู้ป่วยอยู่ในห้องฉุกเฉิน ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเขา… ถ้าอย่างนั้น…”

นั่นก็จะเป็นความรับผิดชอบของดรฉู่

“ผู้ป่วยไม่ได้ออกจากโรงพยาบาล ตราบใดที่เขาได้รับการผ่าตัดทันเวลา เขาจะไม่ตาย”

แพทย์คนใดก็สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้

เนื่องจากเจี่ยนอีหลิงรู้ว่าการผ่าตัดล่าช้าจะไม่เป็นอันตรายต่อชีวิตของผู้ป่วย เธอจึงไม่เถียงกับด็อกเตอร์ฉู่ต่อไป

ที่ทางเข้าห้องผ่าตัด สีหน้าของด็อกเตอร์ฉู่เป็นสีขาวราวคนตาย

การวินิจฉัยผิดพลาดจะทำให้เขามีปัญหามากมาย ครอบครัวของผู้ป่วยสามารถสร้างปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ นอกจากนี้ อาจส่งผลต่อโบนัสและการประเมินในอนาคตด้วย

เมื่อด็อกเตอร์ฉู่กลับมาที่สำนักงาน สีหน้าเขาก็ดูบิดเบี้ยวยิ่งขึ้นเมื่อเขาเห็นเจี่ยนอีหลิง

###

ในตอนเช้าเวินเฉิงและไช่ชิงเยว่ออกจากบ้านเพื่อพูดคุยกับใครบางคนในเรื่องข้อตกลงทางธุรกิจ

เมื่อเร็วๆนี้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองเริ่มคลี่คลายลง สงครามเย็นหลังการต่อสู้ครั้งสุดท้ายใกล้จะจบลงแล้ว

ระหว่างทาง ไช่ชิงเยว่ได้ถือโอกาสนี้คุยกับเวินเฉิงเกี่ยวกับ [ภูเขาแม่น้ำหมื่นสาย]

“คุณไม่ควรให้ [ภูเขาแม่น้ำหมื่นสาย] กับอีหลิง หากคุณต้องการให้ของขวัญหมั้นราคาแพงกับเธอ คุณก็สามารถเลือกอย่างอื่นได้นี่”

"หยุด ไม่ใช่ว่าเราตกลงที่จะไม่โต้เถียงเรื่องนี้แล้วเหรอ?”

“ใช่ เราสามารถหยุดโต้เถียงเรื่องนี้ได้ถ้าคุณเปลี่ยนใจ [ภูเขาแม่น้ำหมื่นสาย]จะเก็บไว้ให้ลูกสาว แค่ให้เครื่องประดับกับเธอก็พอ ขอเพียงตรวจสอบให้แน่ใจว่ามูลค่าของมันอยู่ในช่วงที่เหมาะสม”

“เวินน่วนช่วยเหลือทั้งหมดนี้ไว้”

"คุณหมายถึงอะไร? เพียงเพราะเธอช่วยธุรกิจของตระกูล นั่นหมายความว่าเธอควรจะได้ทุกอย่างงั้นเหรอ”

“เป็นแบบนั้นแหละ ยิ่งไปกว่านั้น ฉันเป็นคนทำผิดพลาดในตอนนั้น ดังนั้นฉันก็ควรรับผิดชอบ”

“เวินเฉิง แกมันคนเลว ฉันไม่ได้แต่งงานกับแกมาเพื่อชำระหนี้นะ”

จากนั้นทั้งสองก็เริ่มทะเลาะกันรุนแรงขึ้น

ในช่วงใกล้ถึงจุดสิ้นสุดของการโต้เถียง ไช่ชิงเยว่ก็โกรธจัด “เวินเฉิง แกมันไอ้สารเลวชัดๆ”

ไช่ชิงเยว่เอื้อมมือไปตีเวินเฉิง

แต่ทว่าเวินเฉิงยังขับรถอยู่ “จะบ้าเหรอ หยุดนะ”

เวินเฉิงไม่สามารถที่จะมีสมาธิกับการขับรถได้อีกต่อไป ด้วยความตื่นตระหนก เขาหมุนพวงมาลัยมากเกินไป ทำให้รถพุ่งทะลุรั้วเหล็กข้างถนน

หนึ่งชั่วโมงต่อมา เวินเฉิงและไช่ชิงเยว่ก็ถูกส่งไปยังโรงพยาบาลในเครือของมหาวิทยาลัยเป่ยจิง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด