ผมได้รับพลังแห่งลิชมาพิชิตสาวงาม ตอนที่ 4
ผมได้รับพลังแห่งลิชมาพิชิตสาวงาม ตอนที่ 4
ธาตุอันเดดก็เหมือนกับธาตุอื่นๆที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ แต่มีเพียงเนโครแมนเซอร์เท่านั้นที่สามารถรวบรวมและดูดซับมันโดยตรง
และวงเวทหรือพิธีกรรมบางชนิดก็สามารถรวบรวมธาตุอันเดดมาได้เช่นกัน
ถ้าจะให้อธิบายในเชิงวิทยาศาสตร์ อันเสี่ยวหรูและหญิงสาวคนอื่นๆกำลังใช้ถ้วยแก้วเป็นสื่อกลาง ในขณะแสงไฟสลัวของเปลวเทียนและเสียงเรียกวิญญาณนั้นก็เป็นเหมือนกับการสร้างบรรยากาศเพื่อสะกดจิตตนเอง เช่นนั้นแล้วความถี่ของแม่เหล็กไฟฟ้าชีวภาพจึงค่อยๆถูกปรับจูนจนเท่ากัน และชักนำธาตุอันเดดมา
แน่นอนว่านี่ย่อมไม่ใช่ความคิดเห็นจากพวกผู้เชี่ยวชาญอะไร แต่เป็นเซี่ยเยี่ยนที่คิดขึ้นเอง ส่วนหลักการทางวิทยาศาตร์จะอธิบายปรากฏการณ์เหล่านี้ได้หรือไม่ก็เป็นอีกเรื่อง
ธาตุอันเดดค่อนๆไหลเข้ามาภายในห้องผ่านช่องว่างของประตู เซี่ยเยี่ยนเดาว่าธาตุอันเดดทั้งหมดในหอพักแห่งนี้กำลังไหลมารวมกันที่นี่
หลังจากนั้นไม่กี่นาทีเซี่ยเยี่ยนก็มองเห็นเงาดำที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ลอยไปยังกึ่งกลางวงล้อมของสี่สาว เงาดำนั้นลอยอ้อยอิ่งไปมาระหว่างอันเสี่ยวหรูกับถ้วยแก้วอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายมันก็ลอยเข้าไปในถ้วยแก้ว
ถ้วยแก้วใต้นิ้วมือของสี่สาวค่อยๆเลื่อนไปบนกระดาษ
ดวงตาของสี่สาวเบิกกว้างก่อนจะหันไปมองหน้ากันด้วยความตกใจ เสี่ยวหวี่ยกมืออีกข้างขึ้นปิดปากไม่ให้ตัวเองส่งเสียงกรี๊ดออกมา หญิงสาวหน้าตาธรรมดาเกือบจะถอนนิ้วกลับ แต่เธอก็ตั้งสติไว้ได้ทันและอดทนต่อไป
การตอบสนองของอันนาดีกว่าคนอื่นๆ ทั้งยังแฝงไว้ด้วยความตื่นเต้น อย่างไรเสียเธอก็เป็นเพียงคนเดียวในหมู่สี่สาวที่เคยเล่นผีถ้วยแก้วมาก่อน
ในหญิงสาวสี่คนนี้ อันเสี่ยวหรูมีการตอบสนองมากที่สุด ตัวของเธอเริ่มสั่นเทิ้ม แววตาฉายแววตื่นตระหนกราวกับมีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นกับร่างกายเธอ
เป็นเพราะอันเสี่ยวหรูนั่งหันหลังให้กับระเบียง เซี่ยเยี่ยนจึงมองไม่เห็นสีหน้าของเธอ ไม่อย่างนั้นเขาคงพบเห็นความผิดปกติแล้ว
สี่สาวเริ่มหันไปคุยกันว่าใครจะเป็นคนถามคนแรก ซึ่งแน่นอนว่าภารกิจนี้ย่อมตกไปอยู่กับอันนาที่มีประสบการณ์มาก่อน อันนากลืนน้ำลายก่อนจะถามอย่างจริงจัง "คุณผีคะ ปีนี้หนูจะได้แฟนกี่คนคะ?"
เสี่ยวหวี่และหญิงสาวหน้าตาธรรมดาพลันหันควับไปมองอันนาพร้อมกัน แม้แต่เซี่ยเยี่ยนเองก็เหงื่อตก 'อันนาคงไม่ใช่พวกสาวล่าแต้มอะไรแบบนั้นหรอกนะ?'
ถ้วยแก้วค่อยๆขยับไปยังเลข '5' เสี่ยวหวี่และหญิงสาวหน้าตาธรรมดาต่างสูดหายใจเสียงดัง ขณะที่อันนามีสีหน้าพออกพอใจอย่างมาก นางบุ้ยปากไปทางเสี่ยวหวี่เป็นสัญญาณให้เสี่ยวหวี่ถามคำถามเป็นคนต่อไป
เสี่ยวหวี่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามออกไปด้วยความเขินอาย "คุณผีคะ เสี่ยวหยวนเขาชอบหนูไหมคะ?"
'สมกับเป็นสาวน้อยไร้เดียงสาจริงๆ' เซี่ยเยี่ยนพยักหน้าอยู่เงียบๆ
ถ้วยแก้วขยับอีกครั้งก่อนที่สุดท้ายจะไปหยุดอยู่ที่คำว่า 'ไม่' ใบหน้าของเสี่ยวหวี่พลันเปลี่ยนเป็นขาวซีด
สีหน้าของอันนาพลันถมึงทึงราวกับต้องการฆ่าคนขณะจ้องไปยังถ้วยแก้วนั้น เดาจากการขยับของริมปากอันไร้เสียงแล้ว เขาคิดว่าอันนาจะต้องพูดว่า 'ไอ้เวรเอ๊ย' ไม่ผิดแน่ เซี่ยเยี่ยนเกาหัว 'นี่เจ๊ไม่สองมาตราฐานไปหน่อยเรอะ เมื่อกี้นี้ยังทำท่าชื่นชมอยู่เลย ช่างเถอะ ยังไงกระดานผีนี่ก็ไม่เคยเดาอะไรถูกอยู่แล้ว!'
อันนาหันไปมองอันเสี่ยวหรู เป็นการบอกให้เธอถามคำถามต่อไป ทว่าอันเสี่ยวหรูกลับก้มหน้าก้มตาไม่เคลื่อนไหว เมื่อเป็นเช่นนั้นอันนาจึงใช้มือที่ว่างไปดันไหล่ของอันเสี่ยวหรู
อันเสี่ยวหรูตกใจ เธอเงยหน้าขึ้นมองอันนา ในเวลานี้ตาขาวของเธอได้หายไปและถูกแทนที่สีดำสนิทคล้ายกับรูม่านตาขยายออกจนครอบคลุมทั้งดวงตา ทำให้ดูแปลกและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน
"ผีหลอก!" หลังจากนิ่งไปเสี้ยววิ อันนาก็ร้องกรี๊ด เธอต้องการจะลุกขึ้นวิ่งหนีแต่ขาของเธอไม่ยอมทำตาม ดังนั้นเธอจึงได้แต่ใช้มือคลานไปตามพื้นจนแทบจะเห็นอะไรต่อมิอะไรจนหมด
เสี่ยวหวี่กรีดร้องออกมาได้คำหนึ่งก่อนจะเป็นลมไป
หญิงสาวหน้าตาธรรมดาเองก็ต้องการจะหนี แต่อันเสี่ยวหรูคว้าข้อเท้าของเธอเอาไว้ เธอพลันรู้สึกได้ถึงความเย็นเยียบที่เจาะทะลวงเข้าไปในข้อเท้าของเธอ เธอรู้สึกทั่วร่างไร้เรี่ยวแรงก่อนจะเป็นลมล้มพับไป
อันเสี่ยวหรูลุกขึ้นและเดินตรงไปหาอันนาทีละก้าว อันนาเสียงหายเพราะความกลัวและทำได้เพียงใช้สองมือคลานหนีสุดชีวิต ตอนนี้เธอรู้สึกสำนึกเสียใจทีหลังแล้ว ถ้ารู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เธอคงไม่ชวนเพื่อนๆมาเล่นผีถ้วยแก้วบ้าบอนี่!
ขณะมองไปยังอันเสี่ยวหรูที่กำลังก้าวเข้ามาช้าๆ แข้งขาของอันนาก็อ่อนยวบไร้เรี่ยวแรง
'ทำไมไม่เป็นลมละเฮ้ย?!'
เซี่ยเยี่ยนมองดูฉากนี้อย่างหดหู่ แม้ว่าอันนาจะกลัวจนหน้าถอดสี แต่เธอก็ไม่เป็นลม! และนี่ก็ทำให้เขาลังเล เมื่อเห็นว่าอันเสี่ยวหรูไปหยุดอยู่เบื้องหน้าอันนาและกำลังจะยื่นมือไปบีบคอของอันนา เซี่ยเยี่ยนก็รอไม่ได้อีกต่อไป เขาผลักเปิดประตูระเบียงและพุ่งตัวเข้าไปในห้อง
หลังจากเข้ามาด้านใน เซี่ยเยี่ยนก็รู้สึกราวกับด้านนอกและด้านในห้องนั้นราวกับถูกแบ่งเป็นสองโลก ตรงระเบียงนั้นยังคงเหลือความอบอุ่นของไอร้อนเมื่อตอนกลางวัน ขณะที่ด้านในห้องนั้นมีอุณหภูมิราว 7 ถึง 8 องศา ทั้งยังเต็มไปด้วยบรรยากาศน่าขนลุก
อันเสี่ยวหรูพลันรู้สึกได้ถึงตัวตนของเซี่ยเยี่ยนและหันกลับมาช้าๆ ภายใต้แสงเทียนที่พลิ้วไหวเบาๆ ดวงตาอันไร้อารมณ์ของเธอดูน่ากลัวอย่างมาก
อันนาเห็นชายสวมผ้าปิดหน้าคนหนึ่งพุ่งเข้ามาจากทางระเบียง เธอมองมาทางเขาราวกับพบเห็นอัศวินขี่ม้าขาว ในที่สุดเธอก็เห็นความหวัง ขณะที่เธอกำลังจะพูด เธอก็เห็นชายสวมผ้าปิดหน้ายกนิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากเป็นเชิงว่าไม่ต้องพูด อันนารีบยกมือขึ้นปิดปากและไม่กล้าหายใจแรง
เซี่ยเยี่ยนก็เคยกลัวผี แต่ตั้งแต่ที่ได้รับพลังของลิชมา เขาก็ไม่รู้สึกหวาดกลัวพวกวิญญาณอีกเลย นั่นก็เป็นเพราะว่าเขาเข้าใจถึงธาตุแท้ของพวกมัน
สำหรับเนโครแมนเซอร์แล้ว พวกผีก็เป็นเพียงธาตุอันเดดอันเข้มข้นที่มารวมตัวกันก็เท่านั้น
เมื่อความเข้นข้นสูงถึงระดับหนึ่ง ธาตุอันเดดก็จะส่งผลถึงจิตวิญญาณและร่างกายของคน แต่นั่นไม่ต้องกังวลไป เพราะพวกเขาจะเพียงแค่เห็นสิ่งที่แปลกๆก็เท่านั้น และมันก็ไม่ร้ายแรงเท่าการเห็นภาพหลอนเลยด้วยซ้ำ มนุษย์เราจะเห็นภาพหลอนก้ต่อเมื่ออุณหภูมิของร่างกายสูงเกินไป เด็กหญิงไม้ขีดไฟ ในเรื่อง "The Little Match Girl" เองก็เห็นภาพมากมายก่อนที่เธอจะแข็งตาย ไมว่าจะเพราะหนาวเกินหรือร้อนเกินก็สามารถเกิดผลลัพธ์เดียวกันนี้