80Y-ตอนที่ 45 จักรพรรดิหมิงที่เปลี่ยนไป
ในคืนที่ฝนตกหนักท่ามกลางสายฟ้าฟาดผ่า สตรีศักดิ์สิทธิ์ รู้สึกสับสน
เหตุใด จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของนางจึงไม่สมบูรณ์?
“ข้าต้องคิดเรื่องนี้ให้ละเอียดถี่ถ้วน…”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ ได้เริ่มคิดเกี่ยวกับทั้งชีวิตของนางในโลกนี้
นางต้องแก้ไขข้อบกพร่องเหล่านี้ก่อนถึงจะก้าวไปข้างหน้าได้
…
ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา เมืองหลวงราชวงศ์ ตำหนักเย็น
หลินจิ่วเฟิง ได้ทะลวงผ่านไปยังช่วงต่อไปหลังจากเฝ้าดูฝน ในที่สุดจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็มีร่างมนุษย์ ในขณะที่เขาทะลวงผ่านด่านไร้สิ้นสุดของขั้นเทพมนุษย์อย่างเป็นทางการ
“เป้าหมายของด่านไร้สิ้นสุด คือ การเปิดขุมทรัพย์ของร่างกายมนุษย์และปลดล็อคความสามารถขั้นสุดยอดของมันทีละขั้นเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง และ นี่จะเป็นจุดต่างในช่วงระดับพลังของขั้นพลังนี้”หลินจิ่วเฟิง ได้พูดถึงคู่มือลับที่เขาเคยเห็นในห้องสมุดราชวงศ์
เขาต้องค่อย ๆ ปลดล็อคความสามารถที่ซ่อนอยู่ภายในร่างกายอย่างช้า ๆ และทลายขีดจำกัดก้าวเข้าสู่ความสามารถอันไร้ขอบเขต
ด่านไร้สิ้นสุด เป็น ช่วงพลังที่ไม่ค่อยคุ้นเคยสำหรับ หลินจิ่วเฟิง
ดังนั้นเขาจำเป็นจะต้องพยายามทำความคุ้นเคยกับช่วงพลังนี้ให้มากขึ้น
ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สนใจโลกภายนอก
ในทางกลับกัน การส่งอาหารของ ต้าชุน ก็กลับมาดำเนินการอีกครั้ง
ในช่วงเวลานี้ การส่งอาหารจาก ทุก ๆ 7 วันได้เปลี่ยนเป็นเดือนละ 1 ครั้ง
หลินจิ่วเฟิง ไม่จำเป็นจะต้องรับประทานอาหารและดื่มเครื่องดื่มบ่อย
พูดตามตรง อาหารได้กลายเป็นแรงกระตุ้นบางอย่างในชีวิตของเขาเพียงเท่านั้น ทำให้เขาตอบสนองมื้ออาหารเป็นเดือนละ 1 ครั้งแทน
เมื่อเร็ว ๆ นี้ เจ้าแมวขาวตระหนักได้ว่า หลินจิ่วเฟิง ได้ประสบความสำเร็จอีกครั้ง
มันรู้สึกท้อแท้อย่างยิ่ง เนื่องจากการบ่มเพาะพลังของ หลินจิ่วเฟิง รวดเร็วเกินไป
ไม่ว่ามันจะพยายามมากแค่ไหนก็ตามก็ไม่สามารถไล่ตามได้ทันสักที
ดังนั้นมันจึงรู้สึกหดหู่ในใจอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม หลินจิ่วเฟิง สัมผัสได้ถึงดวงตาแปลก ๆ ของเจ้าแมวขาวที่มองมาที่เขาจากระยะไกล สายตาของมันทำให้ หลินจิ่วเฟิง รู้สึกไม่สบายใจ
นี่เป็นผลให้เขาไม่พยายามไปกระตุ้นโทสะของมัน
...
เวลาได้ผ่านไป ภายในราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา
การจัดการบริหารของ หลินเทียนหยวน ยอดเยี่ยมมาก ตอนนี้มีปราชญ์การต่อสู้มากมายในราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา กระทั่งในกองทัพและราชสำนัก
ปราชญ์เหล่านี้ได้รับคำสั่งโดยตรงจาก หลินเทียนหยวน
ทำให้แต่ละคนกลายเป็นเย่อหยิ่งมากขึ้น
ไม่ว่าองค์จักรพรรดิของพวกเขาจะออกนอกลู่นอกทางแค่ไหน
แต่ตราบใดที่องค์จักรพรรดิตรัสว่าถูก พวกเขาก็ยืนกรานว่ามันถูก
หลินเทียนหยวน กลายเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงมากขึ้น-และเชื่อว่าทุกสิ่งที่เขาทำนั้นย่อมเป็นผลดีสำหรับประชาชนทั้งหมด
หากประชาชนคัดค้านหรือไม่ชอบนโยบายการบริหารของเขา ก็คงเป็นเพราะเหล่าเจ้าหน้าที่ด้านล่างไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งของเขาอย่างถี่ถ้วน
ยิ่งไปกว่านั้น ภายหลังจากคัดเลือกนางสนมแล้ว ก็มีสาวงามนับไม่ถ้วนหลั่งไหลเข้ามาในวังหลัง
ทุกวันนี้เขาได้อยู่กับแม่นางเหล่านี้ทีละคนหรือหลายคนพร้อมกัน
ซึ่งทำให้ หลินเทียนหยวน ยุ่งมาก
ในช่วงเวลานี้ สนมโปรดของเขาก็คือ เหมยเหนียง
เขาได้พักอยู่ในตำหนักของ เหมยเหนียง ทุกคืน
จนไม่ไปหาจักรพรรดินีหรือนางสนมคนอื่น ๆ
ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงบางอย่างไปอย่างเงียบ ๆ
แน่นอนว่า หลินจิ่วเฟิง ไม่ได้รับรู้เกี่ยวกับสถานการณ์เหล่านี้ เพราะเขาเลือกที่จะฝึกฝนในตำหนักเย็นอย่างเงียบ ๆ
เวลาได้ผ่านไปอย่างช้า ๆ
น้อยคนนักที่จะมีใครเลือกที่จะมาที่ตำหนักเย็น ทำให้ที่นี่มีเพียงเขาและเจ้าแมวขาว บางครั้งพวกเขาก็ทะเลาะกัน บางครั้งงอนกันและกัน
แต่ขณะที่อีกฝ่ายกำลังบ่มเพาะพลัง จะไม่มีใครรบกวนใครคนใดเลย
เวลาได้ผ่านไปอย่างนี้เรื่อย ๆ จน ต้าชุน ได้มาส่งอาหารอีกครั้ง
เดือนละครั้ง ต้าชุน ได้มาตรงเวลาและไม่เคยหย่อนยานในเรื่องนี้
การส่งอาหารของ ต้าชุน เกิดขึ้นเดือนละครั้ง-ทำให้เขามาตรงเวลาเสมอ
เขาไม่คิดจะหย่อนยานแม้แต่ครั้งเดียว
ตอนนี้เขาได้เป็นผู้บัญชาการทัพทหารส่วนพระองค์
เขาดำรงตำแหน่งอันสูงส่งได้ เพราะเป็นคนดูแลพระราชวัง จับกุมกบฏที่ต่อต้านองค์จักรพรรดิ และ เฝ้าระวังให้กับองค์จักรพรรดิ
แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังเคารพ หลินจิ่วเฟิง อย่างมาก
ตามปกติแล้ว เขามักจะบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้ หลินจิ่วเฟิง ฟัง เกี่ยวกับสถานการณ์ภายในเมืองหลวง
แต่เมื่อสามปีที่แล้ว หลินจิ่วเฟิง ไม่อนุญาติให้เขาส่งอาหาร
จนกระทั่งไม่นานมานี้เอง ที่อีกฝ่ายเริ่มให้เขากลับมาส่งอาหารอีกครั้ง
การส่งอาหารในวันนี้ ต้าชุน ได้มาเป็นปกติ แน่นอนว่าเขาได้นำข่าวมาด้วย
“องค์ชาย ช่วงสามปีที่ผ่านมาท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”ต้าชุน กล่าวถามด้วยความจริงใจ
ด้านหลังประตูของตำหนักเย็น หลินจิ่วเฟิง ยิ้มออกมา“ข้าสบายดี แล้วเจ้าล่ะ?”
“ข้าก็สบายดี ระดับการบ่มเพาะพลังของข้าเพิ่มสูงขึ้น และ ตอนนี้ข้ามีลูกคนที่สองแล้ว ตำแหน่งทางการของข้า ได้ถูกเลื่อนเป็น หนึ่งในผู้บัญชาการทัพทหารส่วนพระองค์ ตอนนี้ข้าถือว่าได้เป็นแม่ทัพที่มีชื่อเสียงสูงส่งแล้ว ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณท่าน”ต้าชุน กล่าวอย่างซาบซึ้ง
“นี่ล้วนเป็นความพยายามของเจ้า ดังนั้นเจ้าจึงไม่จำเป็นจะต้องขอบคุณข้า”หลินจิ่วเฟิง ได้สั่นศีรษะ
เขาได้คุยกับต้าชุนแบบสบาย ๆ
ต้าชุน รู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก ที่เล่าถึงสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงของเขาในปัจจุบัน ให้ ลู่เฟิง ได้รับรู้
แต่งงานมีลูก ได้รับการเลื่อนยศ มีความมั่งคั่ง และ ทะลวงด่านการบ่มเพาะพลัง…
เขาได้รับสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด
ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ดี
หลายปีที่ผ่านมามีอะไรเกิดขึ้นหลายอย่าง แม้ว่า ต้าชุน จะแข็งแกร่งขึ้น แต่เขาก็ยังไม่ได้บรรลุขั้นปราชญ์การต่อสู้
แม้ว่าเขาจะมีผลงานจึงได้เลื่อนขั้นเป็นผู้บัญชาการทัพส่วนพระองค์ภายใต้การดูแลของ หลินเทียนหยวน แต่เหตุผลที่แท้จริงเป็นเพราะเขาเป็นเพียงคนเดียวที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับ หลินจิ่วเฟิง
นี่เป็นการแสดงความเคารพต่อ หลินจิ่วเฟิง โดย หลินเทียนหยวน
ดังนั้น ต้าชุน จึงกลายเป็นหนึ่งในผู้บัญชาการทัพส่วนพระองค์
แม้ว่าจะมีคนอื่นในตำแหน่งนี้ด้วย แต่ต้าชุน ก็มีความสุขมาก
เขาไม่ได้มีความทะเยอทะยานมากนัก ฐานการบ่มเพาะพลังของเขาคือ ขั้นปรจารย์ที่ยิ่งใหญ่ และ ในหน้าที่แต่ละวัน เขาก็รับหน้าที่ดูแลความรับผิดชอบด้านการขนส่งภายในพระราชวัง
แม้ว่าสิ่งนี้จะไม่ค่อยเหมาะสมกับตำแหน่งของเขา แต่ก็เป็นเขาที่เลือกเอง
“องค์ชาย ท่านรู้หรือไม่ว่า ในเมืองหลวง มีข่าวเรื่องการปลดจักรพรรดินีองค์ปัจจุบันอย่างกระทันหัน”ต้าชุน ได้กล่าวพูดขึ้น
“ปลดจักรพรรดินีองค์ปัจจุบัน?”หลินจิ่วเฟิง อดไม่ได้ที่จะหยุดดื่มไวน์และกล่าวถามด้วยความประหลาดใจ
“ถูกต้อง…”
“ฝ่าบาทกำลังคิดจะปลดองค์จักรพรรดินีผู้สง่างามและเปี่ยมไปด้วยคุณธรรมคนนี้ โดยแทนที่ด้วยนางสนมคนใหม่”ต้าชุน ได้อธิบาย
“เพราะอะไร?”หลินจิ่วเฟิง กล่าวถามพลางขมวดคิ้วแน่น
หลินเทียนหยวน ได้พบกับจักรพรรดินีองค์ปัจจุบันตั้งแต่พวกเขายังเด็ด ทั้งสองได้แต่งงานและสนับสนุนซึ่งกันและกันมาตลอดเกือบ 20 ปีมานี้
การแต่งงานของพวกเขาได้ผลิตบุตรสาวและบุตรชาย
“ข้าได้ยินมาว่าฝ่าบาททรงตำหนิองค์จักรพรรดินีที่อิจฉาผู้อื่น”ต้าชุน ได้ตอบกลับ
แม้แต่เขาก็ยังไม่พอใจเกี่ยวกับปัญหานี้
แม้ว่า เขาจะเทิดทูน หลินเทียนหยวน ที่จัดการราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ได้เป็นอย่างดีตลอดหลายปีที่ผ่านมา
แต่เขาก็ไม่พอใจเกี่ยวกับการจัดการในเรื่องนี้
การปลดจักรพรรดินีองค์ปัจจุบันเพียงเพราะเห็นแก่นางสนมคนใหม่ นี่เป็นการเลือกที่ฉลาดงั้นหรือไม่?
“เขาบ้าไปแล้วงั้นเหรอ?”หลินจิ่วเฟิง รู้สึกสับสน
หากใครได้ฟังก็คงคิดว่า หลินเทียนหยวน เป็นบ้าไปแล้ว
“องค์ชาย ทางราชสำนักต่างก็โต้เถียงกันอย่างดุเดือดในเรื่องนี้ แม้ว่าฝ่าบาทจะไม่ได้ออกราชโองการอย่างเป็นทางการ แต่พระองค์ก็ตรัสว่าจะไม่เสด็จไปหาองค์จักรพรรดินีอีกต่อไป”
ต้าชุน ได้ถอนหายใจขณะที่อธิบาย
เขาถอนหายใจให้กับจักรพรรดินีคนนี้
จักรพรรดินีเป็นสตรีที่เปี่ยมไปด้วยคุณธรรม นางได้จัดการวังหลังฮาเร็มขององค์จักรพรรดิมานานกว่า 10 ปีและทำได้ดี
แต่ทว่า การที่นางถูกจักรพรรดิหมิงดูหมิ่นนี้ มันไม่น่าให้อภัยจริง ๆ
“สนมโปรดคนปัจจุบันของเขาเป็นใคร?”หลินจิ่วเฟิง ได้กล่าวถาม
“เป็นสนมหมิง นางมีนามว่า เหม่ยเหนียง นางมีรูปลักษร์ที่งดงามอย่างมากดังนั้นนางจึงสะกดสายตาของฝ่าบาทได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบเห็น กระทั่ง สนมหลายคนยังรู้สึกไม่พอใจจนถึงขนาดส่งผ้าแพรสีขาวไปให้นางเพียงเพราะความอิจฉาในเรื่องนี้”
“ช่างโง่เขลาอะไรขนาดนี้!”หลินจิ่วเฟิง ได้พ่นลมหายใจออกมาอย่างเย็นชา
“จักรพรรดิหมิงทำผิดพลาดในเรื่องนี้งั้นหรือ?” ต้าชุน ได้กล่าวถาม
หลินจิ่วเฟิง ได้พูดต่อ“ผิดมหันต์เชียวละ ยังดี ปล่อยให้เขาโต้เถียงกับเจ้าหน้าที่ในราชสำนักไปก่อน ข้าเชื่อว่า เหล่าเจ้าหน้าที่พวกนั้นจะไม่ยินยอมให้มีการล้มลางจักรพรรดินีองค์ปัจจุบันเกิดขึ้น”หลินจิ่วเฟิง ได้ตอบกลับ
“องค์ชายพูดถูกแล้ว เหล่าเจ้าหน้าที่ในราชสำนักต่างก็คัดค้านในเรื่องนี้ พวกเขาแสดงออกถึงความไม่เหมาะสมอย่างมาก หากมีความคืบหน้าอื่นใด ข้าจะรีบมาแจ้งให้ท่านทราบอีกครั้ง”ต้าชุน ได้พยักหน้า
หลินจิ่วเฟิง ได้ดื่มไวน์เสร็จจากนั้นเขาก็ให้ต้าชุนเก็บของออกไป
เขาได้สั่นศีรษะอย่างเสียใจและพึมพัมออกมา“บางทีอาจจะมีเพียงจักรพรรดิหยวนที่ผิดปกติที่สุด”
จักรพรรดิหยวน ทำงานอย่างไม่หยุดหย่อนตลอด 10 กว่าปี เขาไม่เคยมองหาความสุขและผลประโยชน์ให้แก่ตัวเอง
เขาทำงานอย่างขยันขันแข็งจนตายกระทั่งช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตก็ยังไม่มองหาความสุขให้กับตัวเขา
อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่า หลินเทียนหยวน ไม่สามารถทำเช่นเดียวกันได้
เป็นเวลาเกือบ 2 ทศวรรษแล้วนับตั้งแต่อีกฝ่ายขึ้นครองราชย์ เขาทำได้ดีมากในช่วง 10 ปีแรก ในการดำเนินการปฏิรูปต่าง ๆ แม้กระทั่งการกำจัดนิกายชาวพุทธ
แต่หลังจากเรื่องนี้ผ่านไป หลินเทียนหยวน ที่รู้สึกชื่นชมในผลงานของตัวเองและมองโลกที่สงบสุขนี้อย่างน่าเบื่อ ดังนั้นเขาจึงสูญเสียความคิดที่จะก้าวไปข้างหน้าต่อ
เขาได้หยุดที่จะพัฒนาและหันไปจดจ่อกับความสุขของตัวเอง
ของมึนเมา , สตรี และ อำนาจ ค่อย ๆ กัดกร่อนหัวใจของเขา
เป็นเพราะเขามีอำนาจมากขึ้นทำให้เผยท่าทีที่หยิ่งผยองเหล่านี้ออกมา
กระทั่งไม่สนใจเหล่าคำแนะนำที่มาจากผู้ภักดีที่มีต่อเขา
“ในประวัติศาสตร์มี ราชา อย่าง หลินเทียนหยวน เป็นบรรทัดฐาน…”
“แต่ จักรพรรดิหยวน มีเพียงคนเดียวในประวัติศาสตร์”หลินจิ่วเฟิง ได้ถอนหายใจออกมา
นี่คือเหตุผลที่เขาบอกว่าจักรพรรดิหยวนเป็นคนผิดปกติ