80Y-ตอนที่ 42 เทพในสายตามนุษย์
วัดซวนคงและวัดเส้าหลิน…
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองของนิกายพุทธกลับยอมจำนนภายใต้แรงกดดันของเทพมนุษย์
พวกเขาไม่ได้มีเจตนาที่จะต่อต้านเลย
ในขณะเดียวกัน ทุกคนใน เจียงหนาน ก็เต็มไปด้วยความคาดหวัง
ส่วนใครที่ไม่ได้ไปชมการแสดงของทั้งสองนิกายก็กำลังรอดูผล
พวกเขาต้องการดูว่านิกายชาวพุทธจะทำให้ผู้ส่งสารทั้งสองของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาอับอายขายขี้หน้าอย่างไร
พวกเขาต้องการดูนิกายพุทธทั้งสองฉีกราชโองการของจักรพรรดิหมิงออกเป็นชิ้น ๆ
แต่เมื่อข่าวออกมา…
บรรดาผู้ที่ได้ยินก็ต่างตกตะลึง
ร่างกายของพวกเขาสั่นสะท้านราวกับว่าพวกเขาชราภาพไปแล้ว
เทพมนุษย์!
มีเทพมนุษย์ปรากฏตัวขึ้น!
การดำรงอยู่ของตัวตนอันสูงส่งได้ปรากฏตัวขึ้นแล้ว
ชั่วพริบตาเดียวทั่วทั้งโลกก็พลันโกลาหล
ราวกับมีภูเขาขนาดใหญ่ได้ชนเข้ากับทะเลสาบอันเงียบสงบ
ภูเขาเหล่านี้ได้พังทลายลงมาจนก่อใหเกิดขึ้นคลื่นน้ำที่โหมกระหน่ำ
สิ่งเหล่านี้ได้ตอกลงบนจิตใจของทุกคน
โลกทั้งโลกต่างตกอยู่ในความโกลาหลเมื่อได้ยินข่าวนี้
เทพมนุษย์ ได้ปรากฏตัวขึ้นในราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา
เป็นเทพมนุษย์คนแรกในรอบ 1,500 ปี
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ตอนนี้ยังไม่มีเทพมนุษย์คนที่สองปรากฏตัวขึ้นในเวลานี้
ในช่วง 1,500 ปีที่ผ่านมา เทพมนุษย์ไม่เคยปรากฏตัวขึ้นมาก่อน
ตำนานของขอบเขตช่วงพลังนี้ได้ถูกลืมเลือนไปแล้ว
หลายคนได้ถือว่าขอบเขตพลังนี้ล้วนเป็นตำนาน
พวกเขาไม่เต็มใจที่จะเชื่อว่ามันมีอยู่จริง
เวลาหลายปีผ่านไป เหล่าผู้คนเริ่มไม่เชื่อถือการมีอยู่ของเทพมนุษย์ในอดีต
แต่หลังจากฝนตกครั้งนั้น เทพมนุษย์คนแรก ก็ได้ปรากฏตัวขึ้น เขาได้เป็นที่รู้จักผ่านทางภาพวาดทั้งสองที่สามารถสะกดข่มนิกายพุทธทั้งสองได้ ข่าวนี้ในที่สุดก็มีคนเชื่อว่าเทพมนุษย์เคยมีอยู่จริง
ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาเริ่มตระหนักได้ถึงความทะเยอทะยานอันแรงกล้าที่จะฝ่าฟันไปยังขั้นเทพมนุษย์
บรรดาผู้ที่อยู่ในช่วงที่สามของขั้นปราชญ์การต่อสู้อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาเมื่อได้ยินข่าวนี้
“เหตุใดตำนานเช่นนี้จึงปรากฏขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันกับข้า!”
พวกเขาทำได้เพียงไปถึงช่วงที่สามของขั้นปราชญ์การต่อสู้หลังจากฝนตก
แม้จะมีบางคนไปถึงช่วงที่สี่ แต่ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
สำหรับเทพมนุษย์?
พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นราวกับว่ามันอยู่เหนือความจริง
…
ราชวงศ์หยานที่ยิ่งใหญ่ วิหารศักดิ์สิทธิ์
สตรีศักดิ์สิทธิ์ ที่สวมชุดสีแดงอันสูงส่ง ดวงตาของนางเป็นประกายเมื่อได้เห็นจดหมายในมือของนาง
นางอดไม่ได้ที่จะแปลกใจ“ข้าไม่คิดเลยว่าจะมีอัจฉริยะเช่นนี้ปรากฏขึ้นบนโลก เขาได้กลายเป็นเทพมนุษย์หลังจากฝนตกครั้งนั้น”
“แม้แต่ข้า ก็ไม่ได้รวดเร็วขนาดนั้น…”
“นี่คือโลกใหม่ที่เต็มไปด้วยชีวิตจริง ๆ”
ฐานการบ่มเพาะพลังของสตรีศักดิ์สิทธิ์เพิ่มขึ้นด้วยความเร็วสูงสุด
ตอนนี้นางอยู่ในช่วงที่ 4 ของขั้นปราชญ์การต่อสู้แล้ว - เส้นทางการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่
อย่างไรก็ตามนางยังห่างไกลจากขั้นเทพมนุษย์มาก
“น่าเสียดายสำหรับเจ้า ข้ามีประสบการณ์มากกว่า มันไม่มีปัญหาสำหรับข้าในอนาคตที่จะตามทันและแซงหน้าเจ้า”
“เจ้าเพิ่งเข้าสู่ขั้นเทพมนุษย์…”
“เพิ่งจะทะลวงขั้นพลัง ความเร็วในการฝึกฝนของเจ้าจะต้องลดลงอย่างไม่ต้องสงสัย”สตรีศักดิ์สิทธิ์กล่าวพูดด้วยความมั่นใจ
นางเชื่อมั่นอย่างแท้จริงว่าจะใช้เวลาไม่นานในการเข้าสู่ขั้นเทพมนุษย์
“เมื่อข้าก้าวข้ามไป บุพผาทุกดอกจะผลิบาน กลิ่นหอมของบุพผาจะแผ่ซ่านไปทั่วทั้งโลก!”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ ได้พึมพัมออกมา
…
ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา,เมืองหลวงราชวงศ์
หลินเทียนหยหวน รู้สึกตกตะลึงและดีใจมากเมื่อได้รับข่าวจากเจียงหนาน
ลุงของเขาเป็นเทพมนุษย์แล้วจริง ๆ
นี่มันค่อนข้างน่าเหลือเชื่ออย่างมาก
ไพ่ในมือของเขาตอนนี้เริ่มที่จะแข็งแกร่งมากขึ้น
หลินเทียนหยวน รีบออกจากพระราชวังต้องห้ามและมุ่งหน้าไปยังตำหนักเย็นที่อยู่ห่างไกลเพื่อเยี่ยมเยือนและแสดงความยินดีกับลุงของเขา
“ขอแสดงความยินดีกับท่านลุงที่ได้เป็นเลื่อนขั้นเป็นเทพมนุษย์”
แต่คราวนี้เขากลับถูกปฏิเสธ
ประตูตำหนักเย็นไม่ไดเปิดออก
นอกจากนี้ หลินจิ่วเฟิง ยังบอกกับเขาด้วย“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป การปฏิรูปตามเส้นทางที่พ่อเจ้าทิ้งเอาไว้ก็เริ่มมีผลแล้ว วัดและอารามต่าง ๆ ถูกรื้อถอน สิ่งนี้จะทำให้ผู้ที่อยู่อาศัยในพื้นที่ของราชวงศ์อยู่อย่างสงบสุข ทุกอย่างกำลังเคลื่อนตัวไปสู่ความฝันสูงสุดที่พ่อเจ้าต้องการ”
“ทว่า จากนี้ไปเจ้าต้องพึ่งพาตัวเองแล้ว”
หลินเทียนหยวน จ้องมองอย่างว่างเปล่า
ความตื่นเต้นของเขาได้หายไปในทันที
เขาคุกเข่าอยู่นอกตำหนักเย็นและอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา“ท่านจะทิ้งข้างั้นเหรอ?”
“เจ้าโตแล้ว”
“เจ้าไม่สามารถพึ่งพาข้าได้ตลอดทุกครั้งที่เจ้าประปัญหา ดังนั้นเจ้าไม่จำเป็นจะต้องมาที่นี่อีกในอนาคต ข้าสามารถรับประกันความปลอดภัยของเจ้าได้ชั่วขณะนึง แต่ข้าไม่สามารถปกป้องเจ้าได้ตลอดไป เจ้าคือ จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา ไม่ใช่ข้า!”เสียงเย็นชาของ หลินจิ่วเฟิง ได้ดังขึ้น
หลินเทียนหยวน รู้ว่าเขาไม่มีทางที่จะเปลี่ยนความคิดของลุงเขาได้
ลองคิดดู เขาทำให้ลุงของเขาลำบากตั้งหลายครั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
เมื่อใดก็ตามที่เขาพบกับอันตราย สิ่งแรกที่เขานึกถึงก็คือลุงของเขา
การมีอยู่ของ หลินจิ่วเฟิง ทำให้เขารู้สึกสบายใจยิ่งขึ้น
นี่เป็นผลให้เขามัวแต่พึ่งพาความช่วยเหลือจาก หลินจิ่วเฟิง เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
หากไม่ได้รับการสนับสนุนจาก หลินจิ่วเฟิง เขาก็ไม่สามารถทำอะไรเองได้เลย
และดูเหมือนว่าเขาจะลืมไปแล้วว่า การที่ หลินจิ่วเฟิง ดูแลเขาเป็นเพราะเขามีสายเลือดของจักรพรรดิหยวน
“ท่านลุง โปรดดูแลตัวเองด้วย ข้าจะไม่รบกวนท่านแล้ว”
หลินเทียนหยวน ได้โค้งคำนับและจากไป
ไพ่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาไม่มีอีกต่อไปแล้ว
เขาต้องกลับไปจัดการราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาให้เป็นไปตามทิศทางที่ถูกต้อง
โชคดีแม้ว่าเขาจะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากลุงของเขาก็ตาม แต่เขาก็ยังใช้ช่อของ หลินจิ่วเฟิง ในการยับยั้งและขู่เข็ญคนอื่น
นอกจากนี้ เขาเป็นเพียงคนเดียวที่รู้เรื่องนี้
ในตำหนักเย็น เจ้าแมวขาวได้มองไปที่ แผ่นหลังของ หลินเทียนหยวน ที่จากไป มันได้เขียนตัวอักศรบนผนังของลานที่พัก“เจ้าจะไม่ช่วยเขาอีกแล้วงั้นเหรอ?”
หลินจิ่วเฟิง ได้พยักหน้า“เว้นแต่จะมีอันตรายร้ายแรงเกิดขึ้น ข้าจะไม่ช่วยเขา”
“ทำไมเจ้าไม่บอกเรื่องนี้กับเขา?”เจ้าแมวขาวได้เขียนคดเคี้ยว
“ถ้าข้าบอกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาจะมีความมั่นใจในตัวเองสูงและทำอะไรโดยไม่คิดหน้าคิดหลังเพราะเขารู้ว่าข้าจะสนับสนุนเขา ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่ดีสำหรับตัวเขาเลย”หลินจิ่วเฟิง ได้สั่นศีรษะ
นี่คือเหตุผลที่ หลินจิ่วเฟิง ไม่ได้ให้ความหวัง หลินเทียนหยวน ด้วยวิธีนี้ หลินเทียนหยวน จะต้องทำงานหนักและระมัดระวังตัวมากขึ้น
“เจ้าทะลวงผ่านขั้นเทพมนุษย์แล้วงั้นหรือ?”เจ้าแมวขาวได้กล่าวถาม
ดวงตาของมันสว่างไสวและเป็นประกายอย่างมากขณะที่มองไปที่ หลินจิ่วเฟิง
เทพมนุษย์!
นี่เป็นขั้นพลังเดียวกับเจ้านายของมัน จอมมาร!
“ถูกต้อง”หลินจิ่วเฟิง ได้ยอมรับ
“เจ้าทะลวงผ่านไปตั้งแต่เมื่อไหร่?”เจ้าแมวขาวกล่าวถามด้วยความสงสัย
“ในคืนที่ฝนตก”หลินจิ่วเฟิง ได้ตอบกลับทันที
ฝนนั้นเป็นพรแก่ทุกคนบนโลก
ผู้ที่หลับใหลในคืนนั้นก็ยังได้รับการหล่อเลี้ยงจากน้ำฝน
หลินจิ่วเฟิง เป็นคนที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุด
เขาได้ผ่านธรณีประตูของช่วง ‘ข้ามผ่าน’ และ เส้นทางการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่…
เพื่อขึ้นสู่ขั้นเทพมนุษย์โดยตรง
นี่เป็นเพราะ หลินจิ่วเฟิง ได้สั่งสมประสบการณ์มากมาย
สองทักษะบ่มเพาะพลังปีศาจ ทักษะกระบี่ต่าง ๆ และ ทักษะกำปั้นหกวิถีแห่งการจุติ…
นี่คือไพ่ตายของ หลินจิ่วเฟิง ในการทะลวงเข้าสู่ขั้นเทพมนุษย์
“มีอะไรแตกต่างออกไปหรือไม่หลังจากเจ้าเข้าสู่ขั้นเทพมนุษย์?”เจ้าแมวขาวได้เขียนเพื่อกล่าวถาม
หลินจิ่วเฟิง ได้ครุ่นคิดอยู่ครู่นึงก่อนที่จะอธิบาย…
“ขั้นเทพมนุษย์แตกต่างจากขอบเขตช่วงพลังอื่น ๆ ทั้งหมด เนื่องจากสิ่งนี้เป็นการเพิ่มพูนของพลังจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ด้วยสิ่งนี้ เราจะสามารถมองเห็นโลกในลักษณะที่แตกต่างจากคนอื่น นอกจากนี้ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเทพมนุษย์ ยังสามารถ ใช้ ‘พลัง’”
ชื่อของ เทพมนุษย์ เป็นชื่อเรียกสำหรับคนธรรมดา
คำว่า ‘เทพมนุษย์’ คือการประกาศเกียรติคุณจากคนทั่วไปในสมัยนั้น
คนธรรมดาสามารถมีชีวิตอยู่ได้ร้อยปีหรือมากกว่านั้น ในขณะที่เทพมนุษย์สามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างน้อย 800 ปี
ที่จริงแล้วยังมีบันทึกเกี่ยวกับเทพมนุษย์ที่มีอายุขัยยืนยาวที่สุดอีกด้วย เทพมนุษย์ ผู้นั้นมีชีวิตอยู่ได้นานถึง 1,800 ปีหลังจากใช้วิธีการต่าง ๆ ในการยืดอายุขัยของเขา
ยังมีจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ เมื่อหลับตาลง จะสามารถท่องไปทั่วโลกและสอดส่องเข้าไปยัง เต๋าสวรรค์และปฐพีที่ยิ่งใหญ่
สิ่งนี้เรียกว่า ‘พลัง’
เพียงแค่สะบัดข้อมือ ภูเขาจะถล่มและแม่น้ำจะไหลย้อนกลับ
สำหรับมนุษย์แล้ว การดำรงอยู่ของตัวตนเช่นนี้จะเป็นอะไรได้นอกจาก ‘เทพ’ ?