80Y-ตอนที่ 41 เทพมนุษย์ปรากฏตัวขึ้น
ภูเขาเส้าฉี ลานจัตุรัสด้านหน้าศาลาหลัก
ทุกคนได้คุกเข่าลงกับพื้น
ในหมู่พวกเขามี - นักพรตเต๋า ผู้หญิง คนชรา และ เด็ก…
คนเหล่านี้เป็นกลุ่มคนที่มารวมตัวกันที่นี่เพื่อดูการแสดง พวกเขาต้องการดูความขัดแย้งระหว่างวัดเส้าหลินและราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา
แต่ใครจะไปคิดว่ามันจะเกิดผลลัพ์เช่นนี้?
เหล่าผู้คนหลายพันคนได้ถูกบังคับให้คุกเข่าลงจนไม่อาจขยับได้
ยิ่งพวกเขาดิ้นรนเท่าไหร่ ความรู้สึกไม่สบายตัวก็หนักขึ้นมาเท่านั้น
แรงกดดันจากพลังกำปั้นเหล่านี้รุนแรงมากมันคล้ายกับเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำ
มันทำให้พวกเขารู้สึกว่าตนเองกำลังลุกไหม้
มันช่างน่าอึดอัดจริง ๆ
นี่เป็นฉากที่น่าตกใจ
ทันทีที่เป่ยไห่หยิบภาพวาดออกมา เขาก็สามารถปราบปรามวัดเส้าหลินได้ในทันที กระทั่งผู้คนที่มาชมการแสดงในวัดเส้าหลินก็ถูกระงับเช่นเดียวกัน
พวกเขารู้สึกแย่มาก
ถ้าพวกเขารู้แต่แรกว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น พวกเขาคงไม่มาที่นี่เพื่อชมการแสดง นี่ถือเป็นหายนะสำหรับพวกเขาอย่างแท้จริง
นักบวชของวัดเส้าหลินยังคงดิ้นรนต่อไป
พวกเขาทั้งหมดโกรธเคืองและอับอาย
อย่างไรก็ตาม เมื่อ นักบวชอาวุโส พูดขึ้น ทุกคนก็เงียบ
เจ้าอาวาสวัดเส้าหลินได้สั่นศีรษะอย่างไม่เชื่อ
ดวงตาของเขาแดงก่ำและมองไปที่นักบวชอาวโส“เมื่อครู่ท่านพูดว่าอะไรนะ?”
นักบวชอาวุโสกล่าวด้วยท่าทีอย่างลำบาก“อาตมาบอกว่านี่อาจจะเป็นพลังของเทพมนุษย์!”
“เป็นไปไม่ได้!”เจ้าอาวาสปฏิเสธอย่างฉุนเฉียว เขาได้สั่นศีรษะอย่างบ้าคลั่ง แม้ว่าเขาจะยังคุกเข่าอยู่แต่สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
“หลังจากการร่วงหล่นของเทพมนุษย์คนสุดท้ายก็คือ 1,500 ปีที่แล้ว ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่เคยมีเทพมนุษย์คนใหม่ปรากฏตัวขึ้น!”
“นี่อาจจะเป็นแรงกดดันที่ทรงพลังแต่เป็นไปไม่ได้ที่มันจะมาจากเทพมนุษย์ผู้นึง!”
เจ้าอาวาสได้หาข้อแก้ตัวให้ตัวเอง
เขาปฏิเสธที่จะเชื่อว่าพลังอันไร้ขอบเขตนี้เป็นของเทพมนุษย์
หากเป็นเรื่องจริง วัดเส้าหลิน ก็คงพ่ายแพ้โดยสิ้นเชิงและไม่สามารถต่อกรได้
วัดและอารามนับไม่ถ้วนที่วัดเส้าหลินได้สั่งสมมาตลอดหลายร้อยปี เหล่าผู้ศรัทธาและสมบัติจำนวนมากของพวกเขา ก็จะถูกพรากไป
ดังนั้นเขาไม่ต้องการยอมรับตัวตนของเทพมนุษย์!
แต่ไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้
คำพูดของนักบวชอาวุโสทำให้ทุกคนล้วนตกใจ
รวมทั้งเป่ยไห่ด้วย
เขาประหวาดใจกับเรื่องนี้
เขาตัวสั่นขณะที่ถือภาพอยู่ในมือ
เขารู้สึกตื่นเต้น!
เขาเป็นเพียงคนเดียวที่รู้สึกอิ่มเอมใจในขณะนี้
เทพมนุษย์!
ผู้อาวุโสลึกลับคนนั้นแท้จริงแล้วเป็นเทพมนุษย์…
นี่มันน่าเหลือเชื่ออย่างมาก
“ไม่แปลกใจที่จักรพรรดิหมิงปล่อยให้ ฉางซาน และ ข้ามาที่นี่เพียงลำพัง”เป่ยไห่ รู้สึกตื่นเต้นและอดไม่ได้ที่จะชื่นชมจักรพรรดิหมิง หลินเทียนหยวน
เมื่อเทียบกับความตื่นเต้นของเป่ยไห่แล้ว-คนอื่น ๆ ได้กลายเป็นหวาดกลัว
พวกเขาตัวสั่นท่ามกลางความตกใจและไม่เชื่อต่าง ๆ
เมื่ออารมณ์เหล่านี้ผุดขึ้นในใจของพวกเขา ความรู้สึกกลัวก็ทับซ้อนในไม่ช้า
“ไม่มีทาง เทพมนุษย์ ไม่ควรจะปรากฏตัวขึ้น!”มีคนได้ร้องอุทานออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
การแสดงออกของเขาทั้งอิจฉาและหวาดกลัว
พวกเขารู้สึกภูมิใจที่ได้ทะลวงผ่านขั้นปราชญ์การต่อสู้ด้วยความช่วยเหลือจากสายฝนในครั้งนั้น
พวกเขาคิดย้อนกลับไปว่าพวกเขาได้มาถึงจุดสูงสุดของการฝึกฝนแล้ว
ท้ายที่สุด พวกเขาก็ได้เป็นปราชญ์การต่อสู้
ไม่สำคัญว่าพวกเขาจะได้เป็นปราชญ์การต่อสู้ช่วงที่ 2 3 หรือว่า 4
พวกเขาก็ยังเป็นปราชญ์การต่อสู้ในท้ายที่สุด
บรรดาผู้ที่เข้าสู่ช่วงที่ 1 ของปราชญ์การต่อสู้ ก็นับเป็น ปราชญ์การต่อสู้ด้วย
หากปราชญ์การต่อสู้ที่มีระดับการบ่มเพาะพลังอยู่ในจุดสูงสุดของขั้นปราชญ์การต่อสู้ พวกเขาก็จะถือตัวเองว่าอยู่บนเส้นทางสูงสุดของการฝึกฝน จากนั้นผู้ที่ได้รับการพิจารณาว่าเป็นปราชญ์การต่อสู้ก็จะเป็นตัวแทนของผู้บ่มเพาะพลังระดับสูงทั้งหมด
แต่ตอนนี้ เพียงแค่ภาพวาดถูกเปิดออกมา พวกเขาก็ถูกแรงกดดันอันไร้ขอบเขตกดทับจนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
แม้แต่ปราชญ์การต่อสู้ที่ทรงพลังก็ยังต้องคุกเข่าต่อหน้าพลังนี้
ขั้นปราชญ์การต่อสู้ไม่ใช่จุดสูงสุดของการฝึกฝนขอบเขตมนุษย์อีกต่อไป
เป็นเพราะ-เทพมนุษย์ได้ปรากฏตัวขึ้น
นักบวชอาวุโสได้ไอออกมาและพูดอย่างตะกุกตะกัก“กระดาษนี้ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ หมึกก็เช่นเดียวกัน ภาพวาดนี้คล้ายกับภาพวาดที่ไม่ได้มีค่าอะไรเลย”
“เพียงแต่…”
“ผู้ที่วาดภาพนี้คือเทพมนุษย์ รัศมีพลังและจิตวิญญาณของเขา ไม่ใช่สิ่งที่เราจะสามารถต้านทานได้”
“ในพระคัมภีร์ได้บอกเอาไว้ว่า เทพมนุษย์ เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวที่สุด การดำรงอยู่ของพวกเขาเป็นการดำรงอยู่ของจิตวิญญาณของจิตวิญญาณ ดังนั้นพวกเขาจะไม่ตายแม้ว่าร่างกายจะถูกทำลาย”นักบวชอาวุโสได้กล่าวออกมาด้วยความสิ้นหวัง
คำพูดของเขาทำให้ เจ้าอาวาสวัดเส้าหลินหลับตาลงด้วยความสิ้นหวัง
ในที่สุดทุกคนก็เชื่อเขาในเวลานี้
มีมนุษย์ที่สามารถบรรลุขั้นเทพมนุษย์ได้ในเวลานี้
“ไม่แปลกใจที่จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวากล้าที่จะท้าทายนิกายพุทธ”
“วัดเส้าหลินและวัดซวนคงกำลังประสบหายนะครั้งใหญ่!”
“ใช่แล้วที่เป็นหายนะอย่างแท้จริง แต่มันเป็นโชคดีของพวกเราดูเหมือนว่าเทพมนุษย์ผู้นี้ไม่ได้วางแผนจะเริ่มการสังหารหมู่ มิฉะนั้น จะต้องมีสารธารโลหิตหลั่งไหลอยู่ด้านหน้าศาลาหลักของวัดเส้าหลินอย่างแน่นอน”
“ยอมจำนนเถอะ พวกเราไม่สามารถต่อต้านเทพมนุษย์ผู้นี้ได้”
“ใช่แล้ว...ตอนแรกเราคิดว่าหลังฝนตก ทางราชสำนักจะไม่เป็นภัยคุกคามอีกต่อไป แต่ตอนนี้…”
“พวกเราจะต้องดูแล้วว่าท่านเจ้าอาวาสจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร”
เจ้าอาวาสวัดเส้าหลินได้ยินการสนทนาของเหล่าผู้ชม
เขาอยู่ในความสับสน
นักบวชอาวุโสที่สิ้นลมหายใจก่อนหน้านี้ได้ปรากฏขึ้นด้านหน้าของเขา
พระองค์ท่าน!
ก่อนสิ้นพระชนม์ พระองค์ตรัสเอาไว้ว่าจะมีภัยพิบัติครั้งใหญ่เกิดขึ้นที่วัดเส้าหลิน
เขาได้พึมพัมในใจ ‘อย่าบอกนะว่า…’
เขานึกถึงคำพูดสุดท้าย ‘อย่า’
อย่าในที่นี้สำหรับเขาก็คือ ‘อย่าได้หวาดกลัว’
แต่ในความเป็นจริงมันคือ ‘อย่าได้คิดต่อต้าน’
“พระองค์ท่าน ในที่สุดข้าก็เข้าใจ…”
เจ้าอาวาสวัดเส้าหลินได้ถอนหายใจออกมาและมองขึ้นไปที่เป่ยไห่
จากนั้น…
“วัดเส้าหลินน้อมรับราชโองการ!”
ฝูงชนต่างเงียบงัน
เจ้าอาวาสได้ยอมจำนนแล้ว
ความจริงก็คือเขาหวาดกลัว
เขาไม่กล้าที่จะต่อต้านราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา ไม่กล้าที่จะทนต่อความโกรธของเทพมนุษย์
นักบวชวัดเส้าหลินต่างก็รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากพวกเขาต่อต้าน
ผลของการต่อต้านอย่างดื้อรั้นจะนำมาซึ่งจุดจบอย่างแท้จริง
โชคดีที่ทางราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา ได้เหลือทางรอดให้แก่พวกเขา
เป่ยไห่มองไปที่ เจ้าอาวาส ที่ยังคงถือราชโองการด้วยความเคารพ
เห็นสิ่งนี้ เป่ยไห่ได้ม้วนภาพวาดเก็บไปด้วยความพึงพอใจ
แรงกดดันได้หายไปในทันที
เหล่าผู้คนนับไม่ถ้วนต่างถอนหายใจออกมาอย่างผ่อนคลาย
ฉากก่อนหน้านี้ราวกับฉากชวนฝัน มันคล้ายกับฝันสำหรับทุกคน
แต่พวกเขาก็สัมผัสได้ถึงแผ่นหลังที่เปียกโชกเปื้อนเสื้อผ้าของพวกเขา พวกเขาอดไม่ได้ที่จะมองหน้ากันและกันด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น
เทพมนุษย์น่ากลัวเกินไป…
นี่ขนาดเป็นแค่ภาพวาดของเทพมนุษย์ผู้นั้น
มันไม่ได้แฝงเจตนาฆ่าหรือการโจมตีใด ๆ ก็สามารถปราบปรามพวกเขาได้แล้ว
จะเกิดอะไรขึ้นหากเทพมนุษย์ผู้นั้นลงมือเอง?
พวกเขาจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
เป่ยไห่ ที่เก็บภาพวาดเสร็จแล้วเขาได้เตรียมออกจากวาดเส้าหลิน
“ภายในสามเดือน ให้รื้อถอนวัดและอารามทั้งหมดนอกเหนือจากที่อยู่บนเขานี้ นักบสชทุกคนที่เคยก่ออาชญากรรมร้ายแรง จะต้องลาศึกออกไป นิกายพุทธไม่ใช่สถานที่สำหรับซ่องสุมความชั่วร้าย นักบสชเหล่านี้จะต้องถูกจับและนำส่งให้กับเจ้าหน้าที่ทางการ ไม่อนุญาติให้มีการล่าช้า ใด ๆ เกิดขึ้น”
เจ้าอาวาสวัดเส้าหลินไม่สามารถหยิ่งผยองได้อีกต่อไป
เขาได้โค้งตัวเล็กน้อยและตอบกลับด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“อาตมา...เข้าใจแล้ว!”
หัวใจของเขารู้สึกเจ็บปวด
“อย่างไรก็ตาม วัดส่วนใหญ่ยังคงเป้นของวัดซวนคง พวกเราไม่มีสิทธิ์รื้อถอน”เจ้าอาวาสได้ถอนหายใจออกมาขณะที่อธิบาย
“พวกท่านไม่ต้องกังวลไป ทางวัดซวนคงเองก็กำลังเผชิญหน้าชะตากรรมเดียวกัน”
เป่ยไห่ อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเมื่อเขานึกถึงฉางซานที่กำลังถือภาพวาดคล้ายกันกับเขา
เจ้าอาวาสและคนอื่น ๆ ตัวสั่นเมื่อนึกถึงฉากสยองที่กำลังเกิดขึ้น
พวกเขาไม่อยากจะสัมผัสถึงความรู้สึกนั้นอีกเลย
…
วัดซวนคง!
ที่นี่เดิมเต็มไปด้วยชีวิตชีวา
วัดซวนคงล้วนแล้วแต่มีเหล่าคนที่เย่อหยิ่ง
กระทั่งนักบวชของพวกเขาก็เช่นเดียวกัน
แต่ในขณะนี้ นักบวชหลายคนได้คุกเข่าลงกับพื้นพวกเขาตัวสั่นและหายใจไม่ออก
ฉางซาน ได้เปิดภาพวาดที่เขาได้รับมอบหมายมาให้ดำเนินการ ภาพของสวนได้ปรากฏขึ้นรอบ ๆ ตัวเขา
หญ้าสีเขียว,ลำธาร,ต้นไม้ และ ภูเขาอันไห่างไกล เนินเขาลาดเอียง หมู่บ้าน…
ภาพที่สดใสเหล่านี้ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาของทุกคน
มันค่อนข้างสงบและลึ้กซึ้ง
เพียงแต่หญ้าสีเขียวเหล่านี้กลับเปล่งรัศมีปราณกระบี่อันน่าสะพรึงกลัวออกมา
กลิ่นอายพลังนี้ได้ปราบปรามไปทั้งวัดซวนคง
“ท่านจะยอมรับราชโองการหรือไม่?”ฉางซานได้หยิบราชโองการออกมาและมองไปที่เจ้าอาวาสของวัดซวนคง
เจ้าอาวาสวัดซวนคงได้เผยสีหน้าที่พ่ายแพ้ออกมา เขาที่คุกเข่าอยู่บนพื้นได้กล่าวพูดอย่างขมขื่น“อาตมาน้อมรับราชโองการ!”
เขาไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าหากเทพมนุษย์ผู้นี้ลงมือเองจะเกิดอะไรขึ้น?