80Y-ตอนที่ 40 ภาพวาดของชายหนุ่มที่กำลังฝึกฝน
เจียงหนาน ภูเขาเส้าฉี!
ภูเขานี้มีชื่อเสียงอย่างมากในภูมิภาคเจียงหนาน
เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวพุทธ
หลายพันปีก่อนมีเพียงวัดเส้าหลินนิกายเดียวในมณฑลเจียงหนาน
หลังจากความแตกแยกในอุดมคติ วัดต้าหลิน ก็ปรากฏตัวขึ้น
หลังจากเหตุการณ์ความไส่สงบอย่างต่อเนื่อง-วัดซวนคงก็ปรากฏขึ้น
นิกายชาวพุทธแบ่งออกเป็นสามนิกาย โดยแต่ละนิกายคล้ายกับสถานที่รวมตัวของผู้บำเพ็ญเพียรทางธรรมมากกว่านิกายทางโลก
วัดต้าหลินเอางานเขียนของพระพุทธเจ้าไป วัดซวนคงเอาไม้เท้าของพระพุทธเจ้าไป และ วัดเส้าหลินเก็บพระธาตุของพระพุทธเจ้าเอาไว้
ทั้งสามฝ่ายต่างปฏิเสธที่จะประนีประนอมกันและกัน
ทำให้สถานการณ์ของพวกเขายืดเยื้อมาจนถึงตอนนี้
ทั้งสามกลุ่มต้องพัฒนาอิทธิพลของพวกเขาเป็นอย่างดี
มันเป็นความฝันของพวกเขาหนึ่งในนั้นคือการรวมนิกายพุทธเป็นที่แห่งเดียวกัน
ในอดีต ภูเขาเส้าฉี ต่างถูกห้อมล้อมไปด้วยเหล่าผู้ศรัทธาที่เดินเข้ามาราวกับสายธารไร้สิ้นสุด เพื่อสวดมนตร์และถวายเครื่องหอม
แต่วันนี้ ภูเขาเส้าฉี กลับไม่ได้มีเหล่าชาวบ้านธรรมดาเลยสักคน
พวกเขาอนุญาติให้เฉพาะผู้บ่มเพาะพลังจากกลุ่มอิทธิพลใหญ่มาที่นี่เท่านั้น
ดังนั้น ผู้คนจำนวนมากต่างรอคอยที่จะได้เห็นจักรพรรดิหมิงอับอายขายหน้าอย่างไร หลังจากที่วัดเส้าหลินปฏิเสธที่จะรับราชโองการของจักรพรรดิที่ถูกส่งโดยมาผู้ส่งสาร
เมื่อ เป่ยไห่ เดินขึ้นบันไดวัดเส้าหลินไป สายตานับไม่ถ้วนก็จับจ้องมองไปที่เขา
เขารู้สึกไม่สบายใจและกังวลใจมาก
แม้ว่าเขาจะเป็นปราชญ์การต่อสู้ ก็ยังไม่มั่นใจกับการเผชิญหน้ากับสถานการณ์นี้
แต่หลังจากที่สัมผัสได้ถึงภาพวาดในอ้อมแขนของเขา
ทันใดนั้นเขาก็มีความมั่นใจขึ้นมา
ด้วยภาพวาดของผู้อาวุโส เขาไม่มีอะไรที่จะต้องกลัว
เขาเดินขึ้นไปถึงศาลาหลักของวัดเส้าหลินด้วยความมั่นใจสูงสุด
เขาได้ยืนท่ามกลางกลุ่มของเหล่านักบวชจำนวนมาก
พวกเขาต่างรายล้อมและเฝ้ามองไปด้วยความหวัง
พวกเขาทั้งหมดต่างจับจ้องมองไปที่ เป่ยไห่
ความรู้สึกของการกดขี่ได้ถูกส่งออกมาอย่างท่วมท้น
เป่ยไห่ คล้ายกับแกะท่ามกลางฝูงหมาป่าขณะที่มีดวงตาที่น่าสะพรึงกลัวจับจ้องมองเขาอยู่นับไม่ถ้วน
เป่ยไห่ ได้สั่นศีรษะและวางความรู้สึกของเขาไว้ข้างหลัง
เขาไม่ได้มองไปที่อื่นและจ้องมองไปที่เจ้าอาวาสวัดเส้าหลินเท่านั้น
นักบวชวัยกลางคนที่มีการบ่มเพาะพลังที่ทรงพลังเขาค่อนข้างทะนงตัวและมองไปที่เป่ยไห่
สายตาของเขาเต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยาม เขากล่าวพูดด้วยท่าทีจริงจัง“ประสก ท่านมาทำอะไรที่วัดเส้าหลิน?”
เห็นได้ชัดว่าเขารู้!
แต่ เป่ยไห่ คาดเดาได้ทันทีว่าอีกฝ่ายไม่ต้องการรับราชโองการของจักรพรรดิ
เขาได้ถือราชโองการในมือแน่นและกล่าวออกมา“เจ้าอาวาสวัดเส้าหลิน ท่านจะรับราชโองการเองหรือจะให้ข้าอ่านให้ฟัง”
เจ้าอาวาสวัดเส้าหลิน ได้เอื้อมมือออกไปราชโองการก็บินไปอยู่ในมือของเขา
จากนั้นเขาก็เปิดอ่านมันทันที
การแสดงออกของเจ้าอาวาสได้เปลี่ยนไปในทันที
ใบหน้าของเขาแข็งค้าง
คำที่เขียนในราชโองการเต็มไปด้วยการคุกคามอย่างไม่ต้องสงสัย
ประการแรก,เป็นการประณามนิกายพุทธสำหรับความผิดพลาดที่พวกเขาก่อเอาไว้-หลอกลวงประชาชน,ให้ที่พักพิงแก่นักโทษ,ละเมิดศรัทธาอันลึกซึ้งของพระพุทธเจ้า และกล่าวหาว่าพวกเขาเป็นนักบวชจอมปลอม
ในที่สุด หลินเทียนหยวน ก็สั่งให้ วัดเส้าหลิน สั่งรื้อถอนวัดและอารามภายใต้บัญชาทั้งหมดภายใน 3 เดือนโดยคงเหลือวัดหลักเพียงเท่านั้น
นอกจากนี้ยังต้องขับไล่นักบวชหลายล้านคนที่เป็นนักโทษในหมายจับและส่งให้กับทางการทันที
ไม่เช่นนั้นผลร้ายที่ตามมายากจะคาดเดา!
หลินเทียนหยวน มีความสุขมากเมื่อเขาเขียนมัน
เมื่อเจ้าอาวาสได้อ่านราชโองการนี้…
การแสดงออกของเขาดูน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม
เขารู้สึกโกรธมาก
“นิกายชาวพุทธไม่ได้ต้องการเป็นปรปักษ์กับทางราชสำนัก แต่เหตุใดทางราชสำนักถึงต้องเข้ามาแทรกแซงเรื่องของพวกเรา?”หลังจากอ่านราชโองการจบแล้ว เจ้าอาวาสก็กล่าวพูดอย่างเย็นชา
“วันนี้ประสกจักรพรรดิหมิงแห่งราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา กลับเขียนราชโองการเหล่านี้ขึ้นมา ตั้งใจทำให้วัดเส้าหลินของอาตมาขายขี้หน้าหรือไม่? นี่เป็นการดูหมิ่นพระพุทธเจ้าอย่างใหญ่หลวง”
“ในวันนี้ประสกจะต้องถูกจับตัวเอาไว้…”
“ทางด้านวัดเส้าหลินจะไปเยือนประสกจักรพรรดิหมิงด้วยตัวเอง”เจ้าอาวาสรู้สึกโกรธมาก
เขาได้ชี้นิ้วและมองไปที่อีกฝ่ายอย่างก้าวร้าว
เขาต้องการจับเป่ยไห่และเทศนาคำสอนของพระพุทธศาสนาให้แก่อีกฝ่ายเพื่อทำให้ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาประสบความสูญเส่ยครั้งใหญ่
คนรอบข้างดูไม่แปลกใจกับผลลัพธ์นี้
ท้ายที่สุด วัดเส้าหลิน ก็ไม่ได้ง่ายที่จะจัดการ
“ท่านต้องการให้ข้าอยู่ที่นี่?เกรงว่าท่านจะไม่สามารถทำอย่างนั้นได้”เป่ยไห่ได้สั่นศีรษะ
“18 นักบวชอรหันต์อยู่นี่แล้ว ใครมันกล้ามาทำตัวอวดดีในวัดเส้าหลินของพวกเรา”ทันใดนั้น เสียง 18 สายก็ดังขึ้นอย่างรวดเร็ว
18 นักบวชอรหันต์ได้ปรากฏตัวขึ้นทีละคน พวกเขาล้วนเป็นปราชญ์การต่อสู้ที่แข็งแกร่ง
พวกเขาได้ล้อมรอบเป่ยไห่เอาไว้
“เส้นหลินมี นักบวชอรหันต์มีทั้งหมด 18 คน นี่เพียงพอแล้วที่จะปราบปรามประสก”
เจ้าอาวาสวัดเส้าหลินได้กล่าวอย่างเย็นชา
“ข้าไม่คิดอย่างนั้น!”เป่ยไห่ ไม่ได้หวาดกลัว
“ประสกเป็นเพียงปราชญ์การต่อสู้เพียงคนเดียวจะต่อต้านพวกอาตมาอย่างไร?”
เจ้าอาวาสยิ้มเยาะออกมา
เหล่าผู้ชมจากกลุ่มใหญ่และเหล่าผู้ชมจากทางวัดเส้าหลินได้สั่นศีรษะพร้อมกัน
พวกเขาคิดว่าจักรพรรดิหมิงประเมินตัวเองสูงเกินไป ถึงกับปล่อยให้ปราชญ์การต่อสู้เพียงคนเดียวมาที่วัดเส้าหลิน
ไม่ใช่ว่าจักรพรรดิหมิงส่งพวกเขามาตายหรอกเหรอ?
พวกเขามองไปที่ ปราชญ์การต่อสู้ 18 คน ขณะที่คร่ำครวญความสามารถของรากฐานอันล้ำลึกของวัดเส้าหลิน
แต่เป่ยไห่ ได้กล่าวออกมา“ขณะที่ข้าเดินทางออกจากเมืองหลวง ข้าก็นำภาพวาดที่ผู้อาวุโสผู้นั้นวาดติดตัวมาด้วย”
ทุกคนต่างมองหน้ากัน
เป่ยไห่ กำลังพูดอะไรอยู่?
“ภาพวาดอยู่ที่นี่แล้ว”เป่ยไห่ได้ยื่นภาพวาดที่ม้วนไว้ออกมา
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะมองข้ามไป
ธรรมดา!
นี่เป็นแค่กระดาษธรรมดาที่ม้วนเอาไว้
มันจะช่วยเป่ยไห่ได้อย่างไร?
เจ้าอาวาสกล่าวเยาะเย้ยในทันที“ประสาบ้าไปแล้วงั้นหรือหรือเป็นเพราะกลัวเกินไป?”
“นี่คือขยะที่ประสกพูดถึง?”เจ้าอาวาสค่อนข้างรังเกียจ
เป่ยไห่ได้สั่นศีรษะและตอบกลับ“ข้าเคยอาศัยอยู่ในเมืองหลวงราชวงศ์เมื่อ 10 กว่าปีก่อน ข้าเห็นกระบี่นั่นด้วยตาตัวเอง 10 ปีต่อมา นี่เป็นภาพวาดที่ผู้อาวุโสผู้นั้นเป็นคนวาดขึ้น ข้าเชื่อในตัวของเขา ดังนั้น ข้าแค่อยากจะบอกท่านเกี่ยวกับเรื่องนี้”
“ยอดฝีมือลึกลับคนนั้นในเมืองหลวงราชวงศ์อาจจะแข็งแกร่ง แต่นั่นมันก็เมื่อ 10 กว่าปีก่อน หลังฝนแห่งยุคสมัยผ่านพ้นไป ปราชญ์การต่อสู้ ก็ปรากฏตัวขึ้นทุกหนแห่ง ในตอนนี้เขาตัวคนเดียวจะทำอะไรได้?”
เจ้าอาวาสมองไปที่ เป่ยไห่อย่างเฉยเมย ราวกับว่ากำลังดูถูกสมองของเขา
บุคคลผู้นั้นวาดภาพและมอบให้กับเป่ยไห่เป็นทางเลือกสุดท้าย
จากนั้นเป่ยไห่ ก็วางใจและรีบมาที่วัดเส้าหลินอย่างกระตือรือร้น
ตอนนี้เขาพยายามเปิดภาพวาดเพื่อให้วัดเส้าหลินยอมจำนน
นี่เป็นเรื่องตลกที่ร้ายแรง
วัดเส้าหลิน คิดว่าอีกฝ่ายดูถูกตัวเอง
เหล่าคนกลุ่มใหญ่ก็ไม่เชื่อในเรื่องนี้
กระดาษแผ่นเดียวจะมีพลังอะไรได้?
เป่ยไห่ ได้ถูกรายล้อมไปด้วยทุกคน
เมื่อเห็นว่าทุกคนไม่เชื่อในคำพูดของเขา เขาจึงสูดลมหายใจเข้าลึกและเปิดภาพวาดโดยตรง
ทุกคนได้มองไปที่อีกฝ่ายอย่างแปลก ๆ ขณะที่หัวเราะเยาะอีกฝ่ายออกมา
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เป่ยไห่เปิดภาพวาด…
บูม!
ทั่วทั้งภูเขาเส้าฉีก็สั่นสะท้าน
หลุมดำขนาดใหญ่ 6 แห่งได้ปรากฏขึ้นในอากาศอย่างกระทันหันขณะที่มันหมุนวนอย่างรวดเร็ว
พวกมันราวกับขุมนรกทั้ง 6 และ พลังมหาศาลก็ถูกปลดปล่อยออกมา
ตึง! ตึง! ตึง!
ความรู้สึกกดขี่ที่ทรงพลังได้ส่งตรงไปที่พวกเขาทันที
เข่าของแต่ละคนได้อ่อนแรงลงและคุกเข่าลงพร้อมกัน
ไม่ว่าจะเป็น เจ้าอาวาส 18 อรหันต์ หรือ คนจากกลุ่มใหญ่ต่าง ๆ และ ผู้อาวุโสวัดเส้าหลิน…
พวกเขาทั้งหมดต่างคุกเข่าลง
คนเดียวที่ยืนอยู่คือเป่ยไห่
ปากของเขาอ้าปากโดยแทบจะไม่สามารถหุบลงได้เลย
สีหน้าที่ดูไร้ชีวิตชีวาของเขาก่อนหน้านี้ ทันใดนั้นก็พลันรู้สึกตื่นเต้น
เขารู้สึกตื่นเต้นจนตัวสั่นและไม่สามารถอธิบายความรู้สึกของเขาในขณะนี้ได้
“มันคืออะไร?”
“นี่คือภาพวาดที่ผู้อาวุโสมอบให้ข้า”
“มีเด็กคนหนึ่งกำลังฝึกฝนการเคลื่อนไหวของเขาในภาพวาด เขากำลังฝึก...ทักษะที่น่ากลัวเหล่านี้?”
“ภาพวาดแห่งชีวิต!”
เป่ยไห่มองดูด้วยความตื่นเต้น
ทันทีที่เขาคลี่ภาพวาดออกมา-มันก็กลายเป็นภาพร่างของชายหนุ่มที่กำลังฝึกฝนการเคลื่อนไหวของเขา
ในเวลานี้ ภาพร่างชายหนุ่มค่อนข้างมีชีวิตชีวาอย่างมาก
เขากำลังฝึกการเคลื่อนไหวบางอย่าง!
กระบวนท่าที่เขาฝึกคือ ทักษะกำปั้นหกวิถีแห่งการจุติ!
และชายหนุ่มคนนี้ก็คือ จิตสำนึกทางวิญญาณของ หลินจิ่วเฟิง
ขณะนี้ เขากำลังเคลื่อนไหวด้วยกระบวนท่าของ กำปั้นหกวิถีแห่งการจุติ และ ปลดปล่อยพลังปราบปรามไปทั่วทั้งวัดเส้าหลิน
เจ้าอาวาสวัดเส้าหลิน ตัวสั่นเมื่อเห็นมัน“เกิดอะไรขึ้น?”
เขาได้คุกเข่าลงอย่างรุนแรง
กระทั่งไม่สามารถลุกขึ้นได้
แรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวได้รั้งเขาเอาไว้
ถ้าไม่ใช่เพราะนี่ไม่มีเจตนาฆ่าที่รุนแรง เจ้าอาวาสคิดว่าเขาคงจะตายไปแล้ว
ทุกคนมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความตกใจ
หลุมดำขนาดใหญ่กำลังหมุนวนอย่างรวดเร็วบนท้องฟ้า
มันบังคับให้พวกเขาคุกเข่าลงด้านหน้าเป่ยไห่
ในวัดเส้าหลิน ปราชญ์การต่อสู้ อาวุโส คนนึงได้เงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจและอุทานออกมา
“นี่คือ...พลังของเทพมนุษย์!”