405 - วิกฤติของสำนักพิมพ์
405 - วิกฤติของสำนักพิมพ์
วันรุ่งขึ้นเอี้ยนลี่เฉียงไปพบจี้เซียวเหยา ในตอนเช้าที่นั่นเขาใช้เวลาตลอดทั้งเช้าในการฝึกฝนการยิงธนูด้วยวิธีผูกตา
เป็นเรื่องแปลกที่ถึงแม้นี่จะเป็นเพียงครั้งที่สองของเอี้ยนลี่เฉียง ที่ได้รับการฝึกฝนแบบเดียวกันซึ่งสูญเสียพลังงานทางจิตวิญญาณและจิตใจในปริมาณที่เท่ากัน
แต่ในวันนี้เขากลับรู้สึกว่าเขามีพัฒนาการขึ้นมาก และ รู้สึกว่าเขามีความแข็งแกร่งและพลังงานทางจิตวิญญาณเหลืออยู่มาก
เอี้ยนลี่เฉียงสิ้นสุดการฝึกที่บ้านของจี้เซียวเหยาและกลับไปที่ลานบ้านของเขา เขาค้นพบว่ากระแสน้ำวนสีทองเล็กๆในจิตสำนึกของเขาหดตัวลงอย่างเห็นได้ชัดในทันใด
การตระหนักรู้เกิดขึ้นกับเขาด้วยการค้นพบนี้ เป็นไปได้ไหมว่าการฝึกตอนเช้าทำให้ลูกบอลพลังงานแปลกๆในทะเลจิตสำนึกของเขาหมดลง?
การค้นพบนี้ทำให้เขารู้สึกราวกับว่าเขากำลังจับอะไรบางอย่างอยู่ แต่เขาก็ยังไม่สามารถไขว่คว้ามันได้!
เอี้ยนลี่เฉียงฝึกฝนคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นเพียงรอบเดียวเท่านั้น หลังจากที่พื้นที่ลึกลับคล้ายหลุมดำในสมองของเขาดูดซับพลังปราณแห่งสวรรค์และโลกและพลังงานจำนวนมาก กระแสน้ำวนสีทองขนาดเล็กได้รับการฟื้นฟูอีกครั้ง
ไม่เพียงแค่นั้น ดูเหมือนว่าจะใหญ่ขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากวันนี้เขาใช้พลังงานไม่เพียงพอ ผลการเสริมสร้างความเข้มแข็งของคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นจึงไม่ชัดเจนเท่าวันแรก
หลังอาหารกลางวันเอี้ยนลี่เฉียงออกจากคฤหาสน์กวาง เพื่อไปพบฟางเป่ยโต้วโดยต้องการหารือเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ของสำนักพิมพ์ที่พวกเขากำลังเจอ
เดือน 7 ใกล้สิ้นสุดลงแล้ว ช่วงที่ร้อนมากที่สุดของปีในเมืองหลวงก็ได้จบลงเช่นกัน
เป็นเวลานานแล้วที่เอี้ยนลี่เฉียงขี่เมฆพายุหิมะครั้งสุดท้าย เขาสั่งให้คอกม้านำเมฆพายุหิมะออกมาเพื่อให้เขาขี่มันไปที่เมืองหลวง
ในขณะที่เอี้ยนลี่เฉียงทำงานหนักในช่วงที่ผ่านมา เมฆพายุหิมะ ก็ใช้ชีวิตที่สะดวกสบายมากในคฤหาสน์กวาง มันได้รับอาหารอย่างดี ผู้คนดูแลอย่างดี และเดินเตร่อย่างอิสระในฟาร์มปศุสัตว์
เอี้ยนลี่เฉียงได้ยินมาว่ามันได้รับม้าตัวเมียที่สวยงามสองตัว เมื่อเมฆพายุหิมะเห็นเอี้ยนลี่เฉียงอีกครั้งมันก็ส่งเสียงร้องด้วยความดีใจ
“อ่า รองผู้จัดการเอี้ยนกำลังจะออกไป…?”
เจ้าหน้าที่ที่ยืนเฝ้าอยู่ที่ทางเข้าของคฤหาสน์กวางเข้ามาหา เอี้ยนลี่เฉียงด้วยรอยยิ้มพร้อมกับจูงม้าของเขาออกมาส่งที่ด้านหน้าของคฤหาสน์กวาง
“ใช่ ข้ากำลังเดินทางไปเมืองหลวง พี่น้องของเราต้องการดื่มอะไร ข้าจะนำกลับมาให้ทุกคนเมื่อขากลับ…”เอี้ยนลี่เฉียงทักทายทหารที่เฝ้าทางเข้าตามปกติ
“โอ้ ขอบคุณรองผู้จัดการเอี้ยนแต่เราไม่กล้าจริงๆ…”
ทหารรีบโบกมือด้วยความตกใจ พวกเขากล้าที่จะดื่มเหล้าของเอี้ยนลี่เฉียงในตอนนั้น แต่ว่าตอนนี้เอี้ยนลี่เฉียงกลายเป็นรองผู้จัดการของคฤหัสถ์กวางและยังเป็นองครักษ์ติดอาวุธชั้นห้า
หาเครื่องนี้รั่วไหลออกไปหลิวกงกงจะถลกหนังพวกเขาทั้งเป็นอย่างแน่นอน
“เดินทางปลอดภัยครับ รองผู้จัดการเอี้ยน!”
ทหารเข้าแถวทั้งสองข้างของทางเข้าตะโกนเสียงดังและคำนับเอี้ยนลี่เฉียง
เอี้ยนลี่เฉียงยิ้มและไม่พูดอะไรอีก เขากระโดดขึ้นไปบนหลังม้าพร้อมกับโบกมือให้ทุกคนที่ทางเข้าก่อนจะกระตุ้นมาออกไปท่ามกลางสายตาอิจฉาของทุกคน
เอี้ยนลี่เฉียงขี่หลังเมฆพายุหิมะเพียงถอนหายใจยาวๆแล้วกล่าวด้วยความเศร้าโศกว่า
'ไม่มีใครรู้ถึงความยากลำบากจากเบื้องหลังความเย้ายวนใจ'
สถานการณ์ของเขาในเวลานี้แตกต่างจากสิ่งที่ทุกคนในคฤหาสน์ความคิด แม้ว่าทุกคนจะมองเขาด้วยความอิจฉาแต่ใครจะรู้ว่าความตายอาจมาถึงเขาได้ทุกเมื่อ
ไม่นานหลังจากที่เอี้ยนลี่เฉียงออกจากคฤหาสน์กวาง เขาก็รู้สึกว่าเขาถูกจับตามองหลังจากที่เขาควบม้าผ่านโรงน้ำชา
พวกเขาไม่ได้ติดตามอย่างใกล้ชิดเกินไป แต่ก็ไม่ห่างไกลเกินไปเช่นกัน
เอี้ยนลี่เฉียงเหลือบมองไปข้างหลังเขา คนที่จับตาดูเขาอยู่นั้นอยู่ในวัยสามสิบหรือสี่สิบ คนพวกนี้ติดตามเขาอย่างมั่นใจบนทางหลวงด้วยการแสดงออกอย่างเคร่งขรึม
คนพวกนี้ติดตามเอี้ยนลี่เฉียงอย่างไม่มีความกลัว คล้ายกับจะบอกว่า 'แล้วถ้าเราติดตามเจ้าล่ะ? เจ้าสามารถทำอะไรได้?'
จากอุปนิสัยของพวกเขาเอี้ยนลี่เฉียงมีลางสังหรณ์ว่าพวกเขาเป็นผู้บังคับใช้กฎหมายจากระบบราชการแทนที่จะเป็นอันธพาล ธรรมดา
ตามที่คาดไว้เขาถูกจับตามอง คนที่อยู่เบื้องหลังของคนพวกนี้กลัวว่าเขาจะหลบหนีหรือไม่?
เอี้ยนลี่เฉียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชาในใจ...
'ฮยา...!”
เขาเขย่าบังเหียนนำเมฆพายุหิมะเพื่อขยายระยะห่างให้มากขึ้น เมื่อชายทั้งสองเห็นเอี้ยนลี่เฉียงนำม้าแรดแรดของเขาควบไปข้างหน้าพวกเขาก็เร่งม้าของตัวเองอย่างรวดเร็ว
ในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยามเอี้ยนลี่เฉียงก็มาถึงสำนักงานใหญ่ของสำนักพิมพ์บนภูเขาหลงฉีด้วยม้าแรดของเขา เมื่อชายสองคนที่ตามหลังเขาสังเกตเห็นเอี้ยนลี่เฉียงเข้าไปในคฤหาสน์ พวกเขาก็ไม่ได้ตามเข้ามาข้างใน
…..
“ผู้จัดการใหญ่อยู่ที่นี่…!”
ทันทีที่เอี้ยนลี่เฉียงลงจากหลังม้าหูไห่เหอก็วิ่งเข้ามาและจับสายบังเหียนของเขา
“ไห่เหอ เกิดอะไรขึ้นกับสำนักพิมพ์ในช่วงสองวันนี้?”เอี้ยนลี่เฉียงส่งบังเหียนให้เขาและถามคำถามของเขาโดยไม่ตั้งใจ
"ไม่มีอะไรทุกอย่างล้วนสมบูรณ์แบบ…” หูไห่เหออุทานด้วยความตื่นเต้นและชี้ไปที่ลานบ้าน
“อันที่จริง ลูกค้ารายใหญ่อีกรายเพิ่งมาถึงเมื่อบ่ายนี้ เขาเป็นผู้จัดการกู่ของร้านหนังสือฮุ่ยเซี่ยงในเมืองหลวง และเขากำลังมีการสนทนาทางธุรกิจกับผู้จัดการฟางอยู่ในสวน…”
เอี้ยนลี่เฉียงขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะที่หัวใจของเขาหนักขึ้น ไม่ใช่ว่าเขาสงสัยว่าหูไห่เหอกำลังโกหก ยิ่งหูไห่เหอร่าเริงมากขึ้นเท่าไร บริษัทสำนักพิมพ์ก็ยิ่งมีปัญหามากขึ้นเท่านั้น
อาจเป็นเรื่องร้ายแรงมากที่ฟางเป่ยโต้ว ไม่ได้บอกใครเลยและเลือกที่จะพูดคุยกับเขาเท่านั้น นอกจากฟางเป่ยโต้วแล้วคนอื่นๆคงยังไม่รู้อะไรเลย
“เกิดอะไรขึ้นที่นี่?”เอี้ยนลี่เฉียงเดินเข้าไปในสวนแล้วถามตรงๆ
ฟางเป่ยโต้วพยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึมจากนั้นชี้ไปที่ศาลาที่เงียบสงบในสวนหินที่อยู่ใกล้เคียง
“ไปคุยกันที่นั่น...”
"ตกลง!"
ทันทีที่ทั้งคู่มาถึงศาลาและนั่งลง ฟางเป่ยโต้วก็พูดโดยไม่รอให้เอี้ยนลี่เฉียงเปิดปากพูด
“มีคนต้องการซื้อสำนักพิมพ์ของเรา!”
เอี้ยนลี่เฉียงรู้สึกขบขันเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
"แค่นี้?"
ฟางเป่ยโต้วพยักหน้า "ใช่!"
“แค่บอกพวกเขาว่าเราไม่ได้ขาย เจ้าก็รู้ดีว่าเราตั้งสำนักพิมพ์นี้ขึ้นเพื่ออะไร…?”
ฟางเป่ยโต้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และส่ายหัว
“ถ้ามันง่ายขนาดนั้น ข้าจะไม่มองหาท่าน ลูกค้าบอกว่าถ้าเราไม่ขาย พวกเขาจะทำให้สำนักพิมพ์ของเราจะปิดตัวลงในเวลาหนึ่งสัปดาห์!”
“เป็นเพียงลมปากหรือเปล่า?”
"คิดว่าไม่ อีกฝ่ายเตรียมพร้อมมาก!”
รอยยิ้มของเอี้ยนลี่เฉียงค่อยๆจางหายไปในขณะที่เขาหรี่ตา
“ใครเป็นคนซื้อ”
ฟางเป่ยโต้วหายใจเข้าลึกๆและส่ายหัว
“ไม่รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้! ผู้ไกล่เกลี่ยคือผู้จัดการร้านหนังสือฮุ่ยเซี่ยง เขาบอกว่าเขาต้องการปรึกษาเรื่องนี้เป็นการส่วนตัวกับเจ้า…”
“แล้วเขาอยู่ในสวนเหรอ”
"ใช่!"
เอี้ยนลี่เฉียงยืนขึ้นทันทีในขณะที่เขาสงบสติอารมณ์
“เอาล่ะ ข้าจะคุยกับเขา มาดูกันว่าใครจะซื้อสำนักพิมพ์ของเรา…”