329-330
1/8
Ep.329
“โต้วหวู่ฉางที่แกพูดถึง เป็นมนุษย์หรือซอมบี้?” ซูเฉินถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“เป็นซอมบี้” เจียงคุนตอบทันที
สมองของซูเฉินเริ่มปั่นความคิด ในกรณีนี้ ไม่ใช่หมายความว่าเมืองจินอากำลังถูกซอมบี้ยึดครองอยู่หรือ?
และเมืองใหญ่เช่นนั้น จะมีซอมบี้อาศัยอยู่กี่ตัวกัน? อาจถึงหลักแสนเลยก็ได้
หากสามารถสังหารพวกมันทั้งหมด คงดรอปชิ้นส่วนได้ไม่น้อย
“โต้วหวู่ฉางอยู่ในระดับไหน? แล้วเมืองจินอามีซอมบี้ทั้งหมดกี่ตัว?” ซูเฉินถามอย่างใจเย็น
“โต้วหวู่ฉางอยู่ในระดับเลเวล 5 ส่วนในเมืองมีซอมบี้ทั้งหมด 50,000 ตัว” เจียงคุนตอบตามความจริง
“แค่นั้นเองหรอ?” ซูเฉินรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
เจียงคุนเกิดความสับสน ลอบคิดในใจว่า ‘ 50,000 ตัวนี่ยังนับว่าน้อยหรือ? แล้วทำไมฟังจากที่พูด ดูเหมือนแกกำลังคิดจะกวาดล้างซอมบี้ในเมืองจินอาทั้งหมดกัน?’
‘คิดว่าตัวเองไร้เทียมทานขนาดนั้นเชียว?’
‘ก็เอาสิ ถ้าแน่นักก็ลองไปที่เมืองจินอาดู ฉันกล้าพนันเลยว่าแกจะไม่มีวันได้กลับออกมา กระทั่งศพก็ยังไม่เหลือแม้แต่กระดูก!’
แน่นอน เขาทำได้เพียงคิดในใจเท่านั้น ไม่กล้าเปล่งเสียงออกมาเด็ดขาด
ซูเฉินหยุดความคิดตัวเอง เอ่ยถามต่อ “แล้วผู้หญิงอ้วนที่แกแลกเปลี่ยนด้วยคือใคร?”
“เธอคือรองหัวหน้ากลุ่มอินทรีทอง” เจียงคุนตอบ
ได้ยินแบบนั้น สีหน้าของซูเฉินเริ่มหม่นลง
แน่นอนว่าเขารู้จักกลุ่มอินทรีทองเป็นอย่างดี เพราะก่อนหน้านี้ก็เพิ่งฆ่าพวกมันไป
อย่างไรก็ตาม เรื่องที่เขาคาดไม่ถึงก็คือ กลุ่มอินทรีทองกล้าขายเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ของตนให้กับซอมบี้ เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง แบบนี้ไม่มีความเป็นมนุษยธรรมเลย
แม้ซูเฉินจะไม่ใช่คนชอบวุ่นวายเรื่องคนอื่น แต่สิ่งที่กลุ่มอินทรีทองทำ เขายอมไม่ได้
ซูเฉินได้ใส่ชื่อกลุ่มอินทรีทองลงในลิสรายชื่อที่ต้องสังหาร
ในอนาคต หากเจอรังของพวกกลุ่มอินทรีทอง เขาจะขุดรากถอนโคนพวกมัน
ซูเฉินสูดหายใจลึก ระงับความโกรธในใจ เอ่ยอย่างเย็นชาว่า “แล้วทำไมแกถึงต้องซื้อมนุษย์ด้วย?”
ได้ยินคำถามนี้ เจียงคุนก็เกิดความลังเลขึ้นมา ลูกตาเขาเริ่มกลิ้งกลอก
ซูเฉินสังเกตเห็นพฤติกรรมของมัน เอ่ยเสียงแข็งว่า “แกทำตัวฉลาดและรู้งานมาโดยตลอด ถึงตอนนี้ถ้ากล้าโกหกขึ้นมา ได้ตายศพไม่สวยแน่”
เจียงคุนสูดลมหายใจเย็นเยียบ สุดท้ายกัดฟันกล่าวว่า “ท่านอาวุโส นี่ไม่ใช่ความต้องการของฉัน ฉันก็แค่เด็กวิ่งงาน คอยจัดการธุระแทนให้ คนเหล่านี้ล้วนเป็นโต้วหวู่ฉางที่ต้องการ”
“ทำไมเขาถึงต้องทำแบบนั้น?” น้ำเสียงของซูเฉินเย็นชา เขารู้สึกได้รางๆว่าเรื่องนี้อาจไม่ง่ายอย่างที่คิด
“โต้วหวู่ฉางเลี้ยงอสูรร้ายเอาไว้ และอสูรร้ายตัวนั้นชอบกินเลือดเนื้อเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะของมนุษย์ …” เจียงคุนกล่าวถึงจุดนี้ก็หยุดไป
แต่ความหมายนั้นกระจ่างแล้ว ที่แท้มนุษย์พวกนี้ก็ถูกซื้อกลับไปเพื่อเป็นอาหารของอสูรร้ายนี่เอง
“อสูรร้ายที่ว่านี่ใช่สัตว์กลายพันธุ์รึเปล่า?” ซูเฉินถาม พยายามระงับความโกรธไม่ให้ปะทุออกมา
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินคำ ‘อสูรร้าย’ แต่ยังไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือสัตว์กลายพันธุ์รึเปล่า
“อสูรร้ายคือสัตว์กลายพันธุ์ชนิดหนึ่ง ทว่าพวกมันไม่ได้มาจากโลกของพวกเรา แต่เป็นสัตว์กลายพันธุ์จากอีกโลกหนึ่ง” เจียงคุนอธิบาย
“งั้นมันก็คือพวกสิ่งมีชีวิตต่างเผ่า” ซูเฉินพยักหน้าว่าเข้าใจ เอ่ยถามอีกรอบ “แล้วอสูรร้ายตัวนั้นอยู่ในระดับไหน?”
เมื่อพิจารณาถึงเรื่องที่ว่าจะไปบุกเมืองอาจินเพื่อสังหารซอมบี้ เขาจำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องของอสูรร้ายตัวนี้
เจียงคุนส่ายหัวและกล่าวว่า “ฉันไม่รู้ อสูรร้ายตนนั้นไม่ค่อยปรากฏตัว แต่ถึงปรากฏตัวก็ไม่ได้สำแดงความแข็งแกร่งออกมา”
สิ่งที่ควรถามก็ถามแล้ว ซูเฉินระเบิดหัวเจียงคุนโดยไม่เหลียวมอง
จากนั้นก็ไปแก้เชือกให้มนุษย์ที่ถูกมัดไว้ทั้งหมด สอบถามข้อมูลบางอย่าง และปล่อยพวกเขาไป
สิ่งเดียวที่เหลืออยู่คือการเก็บชิ้นส่วน
ซูเฉินกวาดมองรอบๆ แต่ไม่พบชิ้นส่วนสีม่วงทอง ดังนั้นเริ่มเก็บจากชิ้นส่วนที่อยู่ใกล้ที่สุด
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ชิ้นส่วนทั้งหมดก็ถูกเก็บกู้ เกือบทุกชิ้นถูกแปลงเป็นแต้มพลังงาน
แต่มีอยู่ชิ้นหนึ่ง ที่ดรอปเป็นชิ้นส่วนของหินศักดิ์สิทธิ์ แถมยังเป็นหินศักดิ์สิทธิ์ชนิดใหม่ มีชื่อว่า [หินทองคำสดับเงา]
2/8
Ep.330
จนถึงตอนนี้ ซูเฉินได้รับหินศักดิ์สิทธิ์มาแล้วถึง 4 ชนิด
อันได้แก่ [หินบดดาราเทียนกัง] , [อุกกาบาตเพลิงปฐพี] , [ศิลาชุบไม้แห่งขุนเขาเขียว] และ [หินทองคำสดับเงา]
ในบรรดาพวกมัน [หินบดดาราเทียนกัง] และ [อุกกาบาตเพลิงปฐพี] สามารถสะสมชิ้นส่วนจนครบและปลดปลดล็อคได้แล้ว ขณะที่ [ศิลาชุบไม้แห่งขุนเขาเขียว] กับ [หินทองคำสดับเงา] รวบรวมมาได้แค่อย่างละชิ้นส่วนเท่านั้น หนทางยังอีกยาวไกล
ซูเฉินลองจินตนาการดู ว่าหากเขาใช้ [อัญมณีฟิวชั่น] แล้วหลอมรวมหินศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ชนิดนี้เข้าด้วยกัน เพิ่มน้ำหนักเป็นหลายหมื่นจิน นั่นน่าจะมากพอใช้บดขยี้ศัตรูส่วนใหญ่ได้
ต่อมา เขากลับขึ้นไปบน [รถศึกอัจฉริยะ] แล้วค้นหาตำแหน่งของเมืองจินอาบนหน้าจอควบคุมส่วนกลาง
มีซอมบี้ 50,000 ตัวอยู่ในเมืองจินอา เขาจะไม่ยอมปล่อยพวกมันหลุดมือไป
ไม่นาน เขาก็พบที่ตั้งของเมืองจินอา ปรากฏว่าอยู่ห่างจากที่นี่ออกไป 700 ไมล์
เมื่อหวู่หยางและคนอื่นๆขุดหินพลังงานเสร็จ ก็กลับขึ้นมาบนรถ ซูเฉินสั่งเสี่ยวจือมุ่งหน้าไปยังเมืองจินอาทันที
แต่พอขับไปได้ราวๆครึ่งชั่วโมง [รถศึกอัจฉรินยะ] ก็ส่งสัญญาณเตือนดังขึ้น
“คำเตือน พบรถฐานทัพคันหนึ่งอยู่เบื้องหน้า อีกฝ่ายกำลังเคลื่อนที่เข้ามาด้วยความเร็วสูง”
“หืม?”
ซูเฉินเลิกคิ้วเล็กน้อย เขาเคยเจอเรื่องแบบนี้มานักต่อนักแล้ว ครั้งนี้คงไม่พ้นมีคนคิดสร้างปัญหาให้อีกตามเคย
“เสี่ยวจือ ช่างหัวมัน ขับต่อไป” ซูเฉินไม่สนใจ
ต่อให้เอาทหารมาขวาง ชักแม่น้ำมากั้น ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีจุดประสงค์อะไร ซูเฉินไม่กลัว
ไม่นาน รถฐานทัพก็จอดขวางทาง [รถศึกอัจฉริยะ] เป้าหมายของอีกฝ่ายชัดเจนแล้ว นั่นคือหยุดเขา
ซูเฉินหรี่ตาและเพ่งมองออกไป เอ่ยอย่างเฉยเมยว่า “รถฐานทัพของเมืองทงเทียน?”
รถฐานทัพที่ขวางหน้า ตลอดทั้งคันเป็นสีดำสนิท ไม่ต่างจากคันที่ขับโดยซือยี่เลย
[รถศึกอัจฉริยะ] จอดลง ซูเฉินก็ออกจากรถทันที
มีสองคนก้าวลงจากรถฐานทัพฝั่งตรงข้าม หนึ่งเป็นชายวัยกลางคนที่มีหนวดเคราเฟิ้ม อีกคนเป็นชายหนุ่มรูปหล่อหน้าตาดี
ชายหนวดเฟิ้มคือ ซุนเทียนกังแห่งเมืองทงเทียน ชายหนุ่มรูปหล่อคือโม่เฉิงกงแห่งภูเขาฉีหลิน
“อาเฮียโม่ นั่นน่าจะเป็นพวกเขา”
ซุนเทียนกังเหลือบมองไปยัง [รถศึกอัจฉริยะ] เอ่ยกับโม่เฉิงกง
ก่อนมา พวกเขาได้ข้อมูลจากชายชราหงอกขาว ว่าโม่เฉิงกงตัวปลอมคือเด็กหนุ่มคนหนึ่ง และยังเป็นเจ้าของรถฐานทัพสีเงิน
ซึ่งซูเฉินกับ [รถศึกอัจฉริยะ] ที่อยู่ข้างหน้า ก็เข้ากับคำอธิบายได้อย่างลงตัว
โม่เฉิงกงพยักหน้าเล็กน้อย แววตาทอประกายเย็นเยียบ เผชิญหน้ากับซูเฉิน เอ่ยเย้ยหยันว่า “ไอ้หนู แกกล้ามาก!”
ซูเฉินปาดจมูกเขา เอ่ยอย่างไม่แยแส “พูดบ้าอะไรของแก ถ้าไม่มีธุระก็ไสหัวไป สุนัขที่ดีต้องรู้จักไม่ขวางทางถนน”
“บังอาจ!”
ซุนเทียนกังโกรธจัด เขากำลังจะก้าวออกไปสั่งสอนซูเฉิน แต่ก็ถูกโม่เฉิงกงรั้งเอาไว้ก่อน
“เฮียซุน ไอ้เด็กนี่มันปากหมา!”
โม่เฉิงกงโบกมือให้ซุนเทียนกังว่าไม่เป็นไร จากนั้นเอ่ยกับซูเฉินว่า “ไอ้หนู บอกฉันที ว่าทำไมแกถึงต้องแอบอ้างชื่อฉัน”
“แกคือโม่เฉิงกง?” ซูเฉินเริ่มตื่นตัวขึ้นมา
จุดประสงค์ของเขาในการปลอมตัวเป็นโม่เฉิงกงนั้นง่ายมาก ก็แค่ใส่ร้ายภูเขาฉีหลิน แต่ไม่นึกเลยว่าเพราะเรื่องนี้ จะดึงดูดเจ้าของชื่อตัวจริงเข้ามา
“เออ เป็นฉันเอง!” โม่เฉิงกงแค่นเสียงเย็นชา
ซูเฉินพยักหน้า กล่าวตามตรง “เหตุผลที่แอบอ้างเป็นแกก็ง่ายๆ เพราะฉันแค่ไม่ชอบภูเขาฉีหลิน เลยอยากสาดโคลนใส่มัน”
“ว่ากระไร!?”
ซุนเทียนกังตกตะลึง
สมองของไอ้หนุ่มนี่ใช่มีอะไรผิดปกติไปแล้วรึเปล่า?
ภูเขาฉีหลินคือหนึ่งในห้าขุมกำลังที่มีอำนาจมากที่สุดในเขตหยูหลิน หากคนที่รู้ถึงเรื่องนี้ แค่เอ่ยชื่อภูเขาฉีหลินขึ้นมาก็หวาดกลัวแล้ว
ไม่ว่าใครก็อยากหลีกเลี่ยง ไม่ต้องการมีปัญญหากับพวกเขา แต่เจ้าหนุ่มนี่ มันกลับเป็นฝ่ายตั้งใจสร้างปัญหาเสียเอง