ตอนที่แล้วตอนที่35 หนี
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่37 ผู้อาวุโส

ตอนที่36 วิธีการ


ตอนที่36 วิธีการ

นางเคยกล่าวไว้ว่า ตัวนางจะปกป้องแคว้นอวิ๋นกังในนามของพี่ชายตนในอนาคต ดังนั้นจุดประสงค์แท้จริงที่นางเข้าร่วมในการทดสอบของทวีปตะวันออกครั้งนี้คือ เพื่อพิสูจน์ว่าตัวนางมีความสามารถและแข็งแกร่งมากเพียงพอที่จะปกป้องแคว้น มากกว่าการเป็นเพียงองค์หญิงใช้ชีวิตเสวยสุขไปวันๆ

ทว่าตอนนี้ดูเหมือนว่านางกำลังจะล้มลงระหว่างทางไปเสียแล้ว?

“หลินไต นี่หรือวิธีการของเจ้า?”

อวิ๋ฯชิงเหยาตะโกนกึกก้องเจือน้ำเสียงเกรี้ยวโกรธอย่างยิ่ง ประดุจว่านางแทบจะกินเลือดกินเนื้ออยู่ฝ่ายทั้งเป็นอยู่แล้ว

ตัวต้นเหตุของทั้งมวลที่ทำให้ทุกอย่างวิบัติเช่นนี้ก็คือเย่เจวี๋ย ใช่แล้ว นี่หาใช่ความคิดที่ดีไม่เลย ทั้งหมดเป็นเพียงการใช้ประโยชน์จากความโลภของฉู่เทียน ส่งผลให้พรรคพวกของนางทั้งหมดถูกกวาดล้างทำลายสิ้น และตัวนางเองยังตกอยู่ภายใต้วิกฤตอย่างในขณะนี้อีกด้วย

อวิ๋นชิงเหยาทั้งโกรธและเกลียดชังอย่างยิ่ง เจ้ากุ้งแห้งกับสามพี่น้องแห่งหุบเขาหยินซานล้วนนิ่งเงียบไม่พูดไม่จาเลยสักคำ เพราะสถานการณ์ตรงหน้ามันชัดแจ้งเกินไป ดังนั้นแล้วไม่ว่าจะจงรักภักดีขนาดไหน ก็ยากเกินที่จะช่วยแก้ต่างได้จริงๆ

เย่เจวี๋ยเบือนหน้าเหลือบมองอวิ๋นชิงเหยาเล็กน้อย ขณะกำลังจะเอ่ยปากกล่าวอะไรบางอย่าง กลับบังเอิญไปเห็นบางสิ่งจนต้องร้องอุทานกล่าวขึ้นทันทีว่า

“มีถ้ำอยู่ตรงนั้น! รีบเข้าไปกันเถอะ”

เย่เจวี๋ยชี้นิ้วไปยังด้านหนึ่ง เอ่ยกล่าวขึ้นด้วยความยินดี

เจ้ากุ้งแห้งกับสามพี่น้อง รวมไปถึงอวิ๋นชิงเหยารีบหันควับมองตามโดยไว ทันใดนั้นเองนางพลันรู้สึกยินดีปรีใจเป็นอย่างยิ่ง นางรีบเร่งฝีเท้าเข้าไปในถ้ำ ภายในใจระงับความโกรธลง ซึ่งภายในถ้ำแห่งนี้ค่อนข้างแคบ ไม่มีทางที่สัตว์อสูรยักษ์เถื่อนพวกนั้นจะเข้ามาได้แน่นอน แจ่หลังจากที่เย่เจวี๋ยและพรรคพวกวิ่งเข้าไปในนั้นแล้ว พวกเขายังคงเดินดิ่งลึกเข้าถ้ำสำรวจภายในกันต่อ ถึงแม้นสัตว์อสูรยักษ์พวกนั้นจะไม่สามารถเข้ามาได้ก็จริง แต่ก็เป็นไปไม่ได้เช่นกันที่พวกเขาจะหนีออกไปได้ อาศัยแกนพลังสุริยันจันทรา ทำให้สามารถเข้าสำรวจถ้ำภายในได้อย่างง่ายดาย

ตามที่คาดไว้ หลังจากพวกเขาเข้าไปภายในถ้ำ สัตว์อสูรยักษ์เถื่อนทั้งสี่ตนยังคงไม่ยอมปล่อยพวกเขาไปโดยง่าย พวกมันพยายามอย่างยิ่งในการล้วงมือเข้ามาขุดปากถ้ำให้ขยายกว้างขึ้น อาศัยความพยายามของพวกมันสี่ตน ไม่นานปากถ้ำก็ถูกทำลายลงอย่างง่ายดายราวกับทุบเต้าหู้ พวกทั้งสี่รีบเร่งขุดถ้ำต่อไป หวังไล่ล่ากลุ่มคนที่หลบหนีเข้าไปอยู่ภายในนั้น

เย่เจวี๋ยและพรรคพวกสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนภายในถ้ำอันรุนแรง เสียงเศษหินเศษกรวดร่วงถล่มลงมาอย่างต่อเนื่อง เส้นทางก่อนหน้าที่เย่เจวี๋ยและพรคคพวกเดินผ่านเข้ามาโดนหินถล่มจนปิดเป็นทางตันแล้ว

ยิ่งนานเข้าแรงสั่นสะเทือนยิ่งรุนแรงเสมือนว่าถ้ำแห่งนี้สามารถถล่มลงได้ทุกเมื่อ

ในท้ายที่สุดนี้ถึงตัวถ้ำทั้งหมดจะมิได้ถล่มพังลงมา แต่ดั่งว่าทางเข้าก่อนหน้าถูกปิดกั้นมิอาจย้อนกลับ เบื้องหน้าปัจจุบันปรากฏเป็นแค่ บานประตูแผ่นหินผายักษ์ ลวดลายเรียบง่ายหาได้ซับซ้อนหรืแประณีตนัก พร้อมห่วงวงแหวนสำหรับเคาะประตู ทั้งนี้ยังมีรูปปั้นสิงโตหินสองตัวตั้งกระหง่านขนาบข้างซ้ายและขวาของประตูอีกด้วย

ไม่กี่อึดใจต่อมา สัตว์อสูรยักษ์เถื่อนทั้งสี่ตนก็ไล่ล่าตามมาทันแล้ว

“นายน้อย พวกเราควรทำอย่างไรต่อไปดี?!”

เจ้ากุ้งแห้งเร่งเอ่ยปากถาม อดกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่มิได้ ก่อนกล่าวต่ออย่างไม่ค่อยแน่ใจเสียเท่าไหร่ว่า

“หรือเป็น...เป็นไปได้มิว่าจำต้องสู้ตายกับพวกมันจริงๆ?”

คราวนี้อวิ๋นชิงเหยาหาได้เอ่ยกล่าวอันใด

ส่วนทางด้านเย่เจวี๋ยไม่พูดไม่จาตอบสักคำ และก้าวตรงออกไปเบื้องหน้า ตรวจดูประตูหินผาบานยักษ์อยู่สักครู่หนึ่ง คล้อยหลังพบว่าประตูหินผาบานนี้ถูกผนึกไว้อยู่ เขาก็ก้าวถอยออกมาสามก้าว ตะโกนขึ้นลั่นว่า

“ต้องพังประตูเข้าไปเท่านั้น”

ทันทีที่สิ้นเสียงกล่าวจบ เขาก็เอียงตัวโถมน้ำหนักพุ่งเข้าชนกับประตูหินพาสุดแรงเกิด ทว่ายังไม่ทันที่เนื้อตัวจะได้สัมผัสปะทะ ประตูหินผาบานนั้นกลับเปิดออกเองอย่างน่าพิสดาร ภายในที่อยู่เบื้องหลังประตูบานนี้กลับเป็นถ้ำที่ถูกตกแต่งอย่างงดงามคนละเรื่องจากด้านนอกลิบลับ!

ในขณะเดียวกัน สัตว์อสูรยักษ์เถื่อนทั้งสี่ตนก็ไล่ตามเข้ามาติดๆ แต่พอเข้ามาใกล้ประตูบานนี้ พวกมันแต่ละตัวล้วนเผยสีหน้าหวั่นเกรงออกมาในทันใด ถึงกับรนถอยออกไปหลายสิบก้าวราวกับสัญชาตญาณสั่งให้หนี ประดุจว่ามีบางสิ่งบางอย่างเบื้องหลังประตูบานนี้ที่พวกมันหวาดกลัวจัดอยู่

“เข้าไปเร็ว”

เย่เจวี๋ยกล่าวเสียงหนึ่งทักทามให้ที่เหลือเข้าไป ระหว่างนี้เองเขาก็จับสังเกตเห็นความปกติที่เกิดขึ้นเช่นกัน ภายในใจพลางคิดว่า ภายในประตูบานนี้อาจมีการดำรงอยู่ที่น่ากลัวเสียงยิ่งกว่าสัตว์อสูรยักษ์เถื่อนทั้งสี่ตนนี้ก็เป็นได้ มิฉะนั้นพวกมันจะแสดงท่าทีหวาดกลัวขนาดนั้นได้อย่างไร?

เจ้ากุ้งแห้ง สามพี่น้องแห่งหุบเขาหยินซ่าน อวิ๋งชิงเหยาและสาวรับใช้อีกสองนางรับตรงผ่านบานประตูเข้าไป พอพวกสัตว์อสูรเถื่อนทั้งสี่เห็นว่า คนกลุ่มนั้นเดินผ่านบานประตูเข้าไปแล้ว พวกมันถึงกับหันศีรษะและเดินจากไปโดยง่าย ได้เห็นภาพฉากดังนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทิ้งตัวนอนลงบนพื้นเหยียดแผ่นกายแนบ หายใจหอบแฮ่กอยู่แบบนั้นสักครู่ใหญ่ พวกเขาถูกไล่ล่ามาเป็นเวลานานต่อเนื่องติดต่อกัน จึงทำให้ทุกคนเหน็ดเหนื่อยยิ่งแล้ว

“เข้าไปสำรวจต่อไหม?”

หลังจากพักหายใจได้สักพักหนึ่ง เย่เจวี๋ยก็เอ่ยเสนอขึ้นต่อว่า

“สามารถทำให้สัตว์อสูรเถื่อนหวาดกลัวได้ปานนี้ แสดงว่าถ้ำแห่งนี้คงหาใช่ธรรมดาแน่นอน ข้าเดาได้เลยว่า ภายในอาจมีโชคชะตาสุดจะหยั่งถึงรออยู่!”

บริเวณปากถ้ำช่างดูธรรมดาทั่วไปไม่ต่างจากถ้ำปกติธรรมดาเลย แต่พอก้าวข้ามผ่านประตูหินผามาได้ บริเวณแห่งนี้กลับถูกตกแต่งสวยงามจนน่าประหลาด นี่เจะเห็นได้ชัดแจ้งว่า มันต้องมีอะไรบางอย่างรอพวกเขาอยู่ภายในเบื้องลึกนั้น

เจ้ากุ้งแห้งกับสามพี่น้องแห่งหุบเขาหยินซานต่างเห็นดีเห็นงามด้วยโดยไว ในเวลาเดียวกันแววตาของพวกเขาเหล่านั้นพลันร้อนระอุขึ้นทันที หากภายในถ้ำแห่งนี้เป็นขุมสมบัติที่ยอดยุทธ์ผู้ไร้เทียมทานทิ้งเอาไว้ก่อนตาย แสดงว่าสมบัติเหล่านั้นอาจล้ำค่าจนหาประเมินไม่ และนี่คุ้มที่จะเสี่ยง นอกจากนี้เอง ถึงแม้พวกเขาจะเลือกเดินกลับและออกจากถ้ำ ก็ไม่มีอะไรสามารถรับประกันได้เลยว่า พวกสัตว์อสูรเถื่อนทั้งสี่จะไม่วกกลับมาไล่ล่าพวกเขาอีก บางทีพวกมันอาจจะเฝ้าดักอยู่ปากถ้ำก็เป็นได้ ทางเลือกที่จะกลับไปดูยังไงก็ไม่ปลอดภัย สู้เดินทางเจ้าไปสำรวจภายในถ้ำต่อไม่ดีกว่ารึ?

อว็นชิงเหยาที่สังเกตเห็นพวกเขาล้วนมีเจตนาเดียวกันหมด ขัดไปคงไร้ประโยชน์ ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงพยักหน้าเห็นด้วย ดังนั้นพวกนางทั้งสามจึงตัดสินใจเดินสำรวจภายในเบื้องลึกของถ้ำแห่งนี้กันต่อ ซึ่งหากกล่าวตามตรง นางไม่อยากเข้าไปเลย นางสามารถสัมผัสได้อย่างชัดแจ้งว่า ภายในถ้ำแห่งนี้ได้มีจิตสังหารขุมใหญ่ซ่อนอยู่ทุกหนแห่ง ผู้ใดได้สัมผัสถึงล้วนรู้สึกไม่สบายใจยิ่งยวด

ภายในถ้ำแห่งนี้ช่างงดงามไร้ที่ติ ทว่ากลางห้วงอากาศกลับมีกลิ่นอายความชื้นสูงมาก ผสมเจือปนกับกลิ่นโลหิต ภายในถ้ำแห่งนี้มีการตกแต่งดูครบคันไม่ว่าจะเป็น เตาหลอมโอสถ สมุนไพร วัตถุดิบจำเป็นสำหรับการหลอมกลั่นโอสถ หรือแม้แต่ไหและเหงือกแช่สมุนไพร ทว่าสรรสิ่งของเหล่านี้ล้วนถูกปกคลุมไปด้วยนกองฝุ่นเกาะตัวเป็นชั้นหนา จะเห็นได้ทันทีว่า ไม่มีใครสัมผัสหรือใช้งานพวกมันมาหลายปีแล้ว

เย่เจวี๋ยย้ำกำชับทุกคนไว้ว่า อย่าแตะต้องของภายในนี้เป็นอันขาด บางทีภายในนี้อาจเร้นซ่อนไปด้วยค่ายกลกับดัก เจ้ากุ้งแห้งกับสามพี่น้องที่ได้ยินดังนั้นก็พลันคอตกผิดหวังเล็กน้อย อย่างแรกคือ พวกเขาไม่สามารถลงมือค้นอะไรได้เลย และอีกหนึ่งประการคือ เท่าที่เดินมา พวกเขายังไม้ห็นวี่แววของสมบัติล้ำค่าอะไรที่ว่าเลยสักชิ้น

หลังจากเดินสำรวจได้ไม่นาน เบื้องหน้ากลับปรากฏทางแยกสองทางให้เลือกเดิน ทว่าเย่เจวี๋ยแทบจะไม่สนใจแม้สักนิดและเลือกที่จะเดินเข้าไปยังทางซ้ายมืออย่างกับทองไม้รู้ร้อน ทันใดนั้นก็มีคมศรสีเย็นเฉียบพวยพุ่งออกมาโจมตีใส่เย่เจวี๋ยโดยไม่ให้ตั้งตัวใดๆ

เย่เจวี๋ยเหลือบหางตามองปราดหนึ่งพลางเบี่ยงตัวหลบได้อย่างไม่ยากเย็น ในชั่วพริบตาต่อมา คมศรฉีกห้วงอากาศยังคงกระหน่ำพุ่งเข้าใส่ ดังต่อต่อเนื่องข้างหูประดุจเสียงกลัดกลอมของมัจจุราชหวังช่วงชิงชีวิตของเขาไป

ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ!

สาวรับใช้ของอวิ๋นชิงเหยาคนหนึ่งกลับพลาดท่าหลบศพคมดอกหนึ่งไม่ทัน จึงถูกทะลวงอกตัดขั้วหัวใจและตายคาที่ในทันที สาวรับใช้อีกคนถึงกลับผงะ เพ็งสมาธิเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นเป็นทวีเท่า ส่วนทางอวิ๋นชิงเหยารีบเร่งชักกระบี่ออกมาใชเสี้ยวพริบตา ตวัดร่ายกระบวนกระบี่ปัดป้องคมศพที่กระหน่ำจู่โจมเข้าใส่ไม่หยุดยั้ง

“ระวังตัวให้ดี!”

หันมองไปที่สาวรับใช้อีกคนที่ยังเหลือ อวิ๋นชิงเหยารีบเอ่ยปากเตือน

เจ้ากุ้งแห้งกับสามพี่น้องปั้นสีหน้าเคร่งเครียดชักดาบยักษ์ออกมาปัดป้องคมศรอย่างพัลวันวุ่นวาย ทางด้านเย่เจวี๋ยหาได้สนใจใดๆ เบี่ยงซ้ายหลบขวา เอี้ยวศีรีษะหลบคมศพที่พุ่งเฉียวเส้นผมและใบหูอย่างง่ายดาย ฝีเท้ายังคงจังหวะนิ่งเดินสำรวจต่อไปอย่างไม่หวาดหวั่น

ตั้งแต่สมัยบรรพกาลแล้ว หากต้องการสิ่งของบางอย่างจำต้องมีราคาค่าใช้จ่ายที่ต้องแลกอย่างเท่าเทียมเสมอ

อวิ๋นชิงเหยาคล้ายว่าอยาจะเอ่ยปากกล่าวอะไรบางอย่างกับเย่เจวี๋ย แต่ท้ายที่สุดพลันต้องหุบปากลงและเดินติดตามขาต่อไปอย่างไม่เต็มใจนัก

ไม่นานกหลังจากเดินเท้ามุ่งหน้าไปต่อ ยามนี้คมศรที่กระหน่ำโจมตีจากทั่วสารทิศได้ไม่มีอีกต่อไป ทว่าทันใดนั้นทุกคนกลับได้ยิงเสียงอะไรบางอย่างที่มีขนาดใหญ่ยักษ์กลิ้งเข้ามาดังขึ้นและดังขึ้นเรื่อยๆ บริเวณที่เย่เจวี๋ยและคนอื่นๆ ยืนอยู่ได้เข้าสู่ด่านต่อไปแล้ว สีหน้าแต่ละคนถึงกับแปรเปลี่ยนไปทันที พวกเขาสัมผัสได้ถึงภัยอันตราบางอย่าง

แค่เสี้ยวอึดใจต่อมา เบื้องหลังของพวกเขาพลันปรากฏลูกเหล็กขนาดมหึมาที่กำลังกลิ้งเข้าใส่ กิริยาตอบสนองของพวกเขาว่องไวยิ่ง แทบไม่ต้องครุ่นคิดอันใดต่อ แต่ละคนรีบสับตีแตกวิ่งหนีกันทันทีโดยมิได้นัดหมาย

อย่างไรเสีย เมื่อเห็นว่าสาวรับใช้นางนั้นยังคงยืนอึ้งไม่ขยับไปไหน สีหน้าของอวิ๋งชิงเหยาพลันปรากฏความโกรธขึ้นมาทันใดและรีบฉุดร่างของนางรีบหนีไปทันที ลูกเหล็กมหึมากลิ้งเข้ามากวาดล้างทุกสรรพสิ่ง วิ่งหนีไปสักพักถึงจะพบหลุมบ่อขนาดใหญ่ให้กระโดดข้ามไป หลังจากนั้นลูกเหล็กดังกล่าวก็กลิ้งลงหลุมหายวับ

“ถ้ำแห่งนี้ช่างอันตรายโดยแท้!”

เจ้ากุ้งแห้งถึงกับร้องอุทานขึ้นลั่น

“ฮ่าฮ่า เร้าใจไม่น้อย”

สามพี่น้องหัวเราะพลางหอบหหายใจปะปนดังขึ้นมา

“ไปต่อกันเถอะ”

เย่เจวี๋ยกล่าวขึ้นน้ำเสียงเย็น

ตึง!

แต่ยังไม่ทันที่เย่เจวี๋ยจะกล่าวจบดี ทันใดนั้นพื้นดินก็เกิดการสั่นสะเทือนอีกครั้ง อวิ๋นชิงเหยารีบกระโดดตั้งท่าเลี่ยงหลบทันทีราวกับกระต่ายตื่นตูม สุดท้ายเห็นเพียงสาวรับใช้ที่นางเพิ่งช่วยให้รอดภัยหายนะเมื่อครู่ถูกค้อนจากที่ไหนไม่ทราบเหวี่ยงเข้ามาทุบอัดกับกำแพงจนเละเป็นเนื้อบดในพริบตาเดียว ตายสภาพอนาถไม่เหลือดี

“รีบออกไปจากตรงนี้เร็วเข้า!”

สามพี่น้องไม่กล้าล่าช้า รีบวิ่งติดตามนายน้อยของพวกตนไปทันทีพร้อมกับเจ้ากุ้งแห้ง เสี้ยวอึดใจต่อมา ค้อนยักษ์หลายร้อยตันทิ้งดิ่งลงมาจากฟากฟ้า อัดกระแทกบริเวณจุดที่พวกเขายืนอยู่เมื่อครู่อย่างจัง

ทั้งสี่ที่เห็นดังนั้นถึงกับสูดหายใจเย็นไปวาบหนึ่ง

“คุณชายอวิ๋งไม่เป็นไรกระมัง?”

เย่เจวี๋ยที่เห็นอีกฝ่ายยืนอึ้งจึงเอ่ยปากถามเสียงเรียบไป คนที่ตายไปเมื่อครู่ล้วนแต่เป็นสาวรับใช้ข้างกายของอวิ๋นชิงเหยา ถึงรู้ว่าอีกฝ่ายปลอมตัวมา แต่ภายใต้สถานการณ์แบบนี้คงสะเทือนใจมิใช่น้อยจริงๆ

“เจ้ายังมีหน้าพูดกับข้าอีกงั้นรึ? หากมิใช่เพราะเจ้าล่อสัตว์อสูรพวกนั้นเข้ามา คนของข้าคงไม่ตเองถูกสังหาร ส่วนสาวรับใช้ทั้งสองของข้าคงไม่ต้องตายในสภาพอนาจปานนี้ ทั้งหมดเป็นฝีมือของเจ้า”

อวิ๋งชิงเหยาเอ่ยกล่าวเค้นน้ำเสียงเย็นชายิ่ง

“คุณชายย่อมทราบ ข้ามิได้ตั้งใจ”

“ใช่แล้ว! เจ้าหนุ่มแซ่อวิ๋น เจ้าเต็มใจชักชวนพวกเรามาเองมิใช่รึ? อีกอย่างนายน้อยของเราเองก็หาใช่คนแบบนั้นไม่ คิดจริงๆ หรือว่านายน้อยของพวกเราเจคตาใฝห้เป็นเช่นนี้?”

เจ้ากุ้งแห้งกับสามพี่น้องรีบสวนวาจากลับไปทันทีด้วยความโกรธจัด ที่อวิ๋นชิงเหยากล่าวหาเย่เจวี๋ย

“คุณชายอวิ๋น ข้าขออภัยด้วยจริงๆ ...”

ท่าทีของเย่เจวี๋ยพลันแปรเปลี่ยนดูจริงใจขึ้นทันควัน เร้นแฝงความรู้สึกผิดไว้ในใจ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ จู่ๆ ก็ถูกเสียงกรีดร้องลั่นของอวิ๋นชิงเหยาดังแทรกขึ้นมาตัดบทไปเสียก่อน

มีหนูตัวหนึ่งวิ่งออกมาจากซอกกำแพงถ้ำ กำลังวิ่งเข้าหาอวิ๋นชิงเหยาที่ตกใจกรีดร้องลั่น เมื่อเห็นดังนั้นเจ้ากุ้งแห้งก็รีบยกเท้ากระทืบหนูตัวนั้นจนตายคาตีนอย่างรวดเร็ว ทางด้านสามพี่น้องถึงกันหันไปมองอวิ๋นชิงเหยาด้วยท่าทางประหลาดใจ

เป็นบุรุษชายแท้ๆ แต่ไฉนกลับกลัวหนูน้อย?

“ภายในถ้ำแห่งนี้มีหนูอยู่ด้วย! ข้าไม่สำรวจต่อแล้ว! ข้าจะออก! ข้าจะออกไปเดี๋ยวนี้!”

อย่างไรเสียอว๋นชิงเหยาตกใจจนขวัญเสียไปแล้ว นางรีบตะคอกกล่าวคำหนึ่งและหมุนตัวเตรียมจะจากออกไปด้วยความโมโห

“ก็ได้ เช่นนั้นก็เช่นนั้น”

เย่เจวี๋ยถอนหายใจเฮือกหนึ่งอย่างช่วยมิได้ และเดินตามนางออกไป

“เอ๋ะ?! นายน้อยไม่เข้าสำรวจต่อแล้วเหรอขอรับ?!”

เขจ้ากุ้งแห้งกับสามพี่น้องถึงกับอุทานเสียงดังลั่นโดยพร้อมเพรียง

“จะให้ทิ้งเขาไว้เฉยๆ ด้านนอกนั้นรึไง?”

เย่เจวี๋ยกล่าวอย่างไม่ใส่ใจนัก

“หึ! ไม่ต้องสนใจข้าหรอก!”

อวิ๋งชิงเหยาเหลือบมองเย่เจวี๋ยแวบหนึ่ง ก่อนสะบัดหน้าหนีด้วยความโกรธ

นี่ยิ่งทำให้เจ้ากุ้งแห้งกับสามพี่น้องยิ่งประหลาดใจเข้าไปใหญ่ ไฉนอวิ๋งชิงไป๋ผู้นี้ถึงขี้น้อยใจเหมือนสตรีคนหนึ่งนักแล?

พวกเขารีบเร่งเดินออกจากถ้ำมา หลังจากเดินสำรวจภายในนั้นเป็นเวลานาน ทำให้สัตว์อสูรเถื่อนทั้งสี่จากไปแล้ว ขณะที่พวกเขากำลังจะจากไปเช่นกัน แต่ทันใดนั้นก็มีสายลมกระโชกแรงพักถาโถมเข้าใส่ เพียงไม่กี่อึดใจ ลมพายุก็หยุดลง พวกเขาพลาดตกลงไปในโพรงน้ำตกสายหนึ่งภายในถ้ำอีกครั้ง

ภายในนี้ได้ยินเสียงธารน้ำตกรินไหลดังต่อเนื่องสม่ำเสมอ

“เกิดอะไรขึ้น?”

พวกเขาทั้งหมดหันซ้ายแลขวาด้วยความสับสนไปหมด โดยเฉพาะกับเจ้ากุ้งแห้งและสามพี่น้องที่ยืนอึ้งอยู่สักพักใหญ่

แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขาสามารถยืนยันได้ก็คือ ตอนนี้ยังคงอยู่ในถ้ำพิศารแห่งเดิม ยิ่งไปกว่านั้นเนื่องด้วยสายลมพายุประหลาดก่อนหน้า ได้พัดร่างของพวกเขาเข้ามาลึกกว่าเดิมเสียอีก

แต่นี่เป็นถ้ำลับในม่านน้ำตก มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ซึ่งภายในนี้แตกต่างจากก่อนหน้าที่ดูหรูหรา ทว่าที่นี่ถูกประดับตกแต่งอย่างเรียบง่าย มีเพียงม้านั่งหินตัวหนึ่ง พร้อมกับจานชามกระเบื้องที่แตกหักไม่สมบูรณ์

หลังจากเดินไปสักพักก็พบกับม่านน้ำตกที่ทะลุไปอีกฝั่งหนึ่งของถ้ำ เบิกม่านธารน้ำออกมาสายตาของทุกคนถึงกับเบิกกว้างโต ภาพฉากเบื้องหน้าปรากฏเป็นน่านฟ้าสีครามไร้เมฆ นกอินทรีตัวใหญ่สยายปีกร่อนเวหาพร้อมกับฝูงนกนานาพันธ์ุนับไม่ถ้วนต่างโบยบินอย่างอิสระม พวกเขายืนอยู่หน้าขอบผาสูงชัน หากมองจากระยะไกลโพ้น กลุ่มคนพวกนี้ดูเป็นมดตัวน้อยไปเลย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด