323-324
5/10
Ep.323
“เมืองทงเทียน … ซือยี่?” ซูเฉินหรี่ตาลง เอ่ยทวนซ้ำ
เป็นความจริงที่เขามีความบาดหมางกับเมืองทงเทียน ว่าแต่ไอ้ซือยี่นี่ใครกัน?
เป็นไปได้ไหมว่า มันคือคนที่เมืองทงเถียนส่งมากำจัดเขา?
หลังจากไตร่ตรองอยู่สักพัก ซูเฉินก็ได้ข้อสรุปว่าไม่น่าเป็นไปได้
เพราะแม้เขาจะฆ่าคนจากเมืองทงเทียนไปไม่น้อย แต่อีกฝ่ายไม่รู้รายละเอียดของเขา และไม่มีทางรู้ด้วยว่าเขามายังเขตหยูหลินแล้ว
ที่สำคัญที่สุดก็คือ หากรู้จริงๆ ก็ไม่น่าจะส่งแค่ทหารยามไม่กี่คนมาสร้างปัญหา
ในระหว่างนั้นเอง ซูเฉินพลันฉุกคิดถึงคนๆหนึ่ง เอ่ยถามเสียงเย็นว่า “ซือยี่ใช่คนที่สวมชุดขาว และขับรถฐานทัพสีดำรึเปล่า?”
“ใช่ นั่นแหละเขา!” ทหารยามอัปลักษณ์ตอบอย่างไว
ถึงจุดนี้ ซูเฉินกัดฟันด้วยความเคียดแค้นในหัวใจ
หากไม่ใช่เพราะซือยี่สั่งให้ก่อกวนเขา ซูเฉินจะตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ได้อย่างไร?
“เป็นมันจริงๆด้วย” ซูเฉินพึมพำ
เดิมที เขาไม่คิดยุ่งกับชายชุดขาวแล้ว แต่ไม่นึกเลย ว่าอีกฝ่ายกลับเป็นฝ่ายมายั่วโมโหเขาซะเอง
ทางไปสวรรค์มีไม่ไป ดันเลือกเคาะประตูนรก
เป็นแกเองนะที่มองหาความตาย ถึงเวลาอย่าตำหนิคนอื่นก็แล้วกัน
“ส่งหินพลังงานทั้งหมดที่แกได้รับในวันนี้มา” ซูเฉินกวาดสายตามอง กล่าวน้ำเสียงเย็นชา
ในเมื่อปล้นครั้งหนึ่งแล้ว จะทำอีกครั้งก็ไม่เสียหาย ในเมื่อเขากำลังคิดสร้างปัญหาให้ลุกลามใหญ่โต ก็ขอทำจนถึงที่สุดเลยแล้วกัน
“ท่านอาวุโส หินพลังงานเหล่านั้นไม่ใช่ของพวกเรา!” ทหารยามอัปลักษณ์ทำสีหน้าขมขื่น
พวกเขาเป็นเพียงกลุ่มทหารยาม มีหน้าที่แค่เก็บรวบรวมหินพลังงานแล้วส่งต่อไปอีกทอด
หากพวกเขาไม่มีหินพลังงานกลับไปให้ ทั้งหมดจะต้องถูกลงโทษ
“ถ้าไม่อยากให้ งั้นก็ไปลงนรกซะ!”
ซูเฉินไม่เสียเวลาพล่ามกับเขา ก้าวไปข้างหน้า กวาดลูกเตะระเบิดหัวทหารยามอัปลักษณ์ทันที
ทหารยามที่เหลือหวาดกลัวจนหน้าซีด พวกเขาอดไม่ได้ต้องชักฝีเท้าถอย
ชายหนุ่มเบื้องหน้าผู้นี้ บอกว่าจะฆ่าก็ฆ่าทันที พวกเขาไม่ต้องการกลายเป็นปลาเน่าในบ่อ แล้วพบจุดจบเช่นเดียวกับทหารยามอัปลักษณ์
“พวกแกที่เหลือ มอบหินพลังงานมา แล้วฉันจะยอมไว้ชีวิต”
ซูเฉินเลื่อนสายตาไปยังทหารยามคนอื่นๆ แววตาทอประกายเย็นเยียบ
ทันทีที่สบสายตากับซูเฉิน ทหารยามตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
พวกเขาทั้งหมดเข้าใจดี ว่าหากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของซูเฉิน มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่จะเสียชีวิต
หลังจากมองหน้ากัน คนหนึ่งก็วิ่งออกไป แล้วกลับมาพร้อมถุงผ้าในมือ
เมื่อเขามาหยุดเบื้องหน้าซูเฉิน ก็ยื่นถุงผ้าด้วยสองมือ ก้มหัวโค้งตัว กล่าวด้วยความเคารพว่า “เรียนอาวุโส วันนี้พวกเราได้หินพลังงานมา 1,700 ก้อน ทั้งหมดอยู่ในนี้”
ซูเฉินหยิบถุงผ้า แล้วโยนมันเข้าไปในถุงเก็บของโดนไม่คิดนับ จากนั้นเดินกลับไปยัง [รถศึกอัจฉริยะ]
แต่ก่อนที่จะจากไป จู่ๆเจ้าตัวก็หัวเราะเสียงดัง ประกาศว่า “บิดาคือโม่เฉิงกงแห่งภูเขาฉีหลิน ถ้าใครไม่พอใจ ก็มาตามตัวฉันที่ภูเขาฉีหลินได้”
ว่าจบ [รถศึกอัจฉริยะ] ก็ขับจากไปอย่างสง่าผ่าเผย
รอจนซูเฉินหายไป ทหารยามที่เหลือล้อมวงกันเพื่อหารือ
“หัวหน้าตายแล้ว หินพลังงานก็ถูกขโมยไป พวกเราจะเอายังไงกันต่อดี?”
“ฉันว่ารีบกลับไปรายงานเถอะ”
“ใช่ กลับไปรายงานเรื่องนี้กัน โดยเฉพาะเรื่องที่พวกภูเขาฉีหลินอาละวาด!”
…
ไม่นานหลังจากที่ซูเฉินจากไป ก็มีรถฐานทัพขับออกมาจากอุโมงค์
เจ้าของรถฐานทัพคือชายชราหงอกขาว เมื่อเห็นศพทหารยามนอนกองกับพื้น ใจเขาก็สั่นสะท้าน
แม้เขาจะไม่รู้ว่าทหารยามเสียชีวิตลงได้อย่างไร แต่ก็พอเดาได้คร่าวๆ ว่าน่าจะเป็นฝีมือของโม่เฉิงกงแห่งภูเขาฉีหลิน
“นี่มันบ้าชัดๆ! เขาอาละวาดหนักเกินไปแล้ว” ชายชราหงอกขาวถอนหายใจด้วยอารมณ์จากก้นบึ้งของหัวใจ้
นับแต่อุโมงค์ที่นำไปสู่เขตหวงหลินถูกเปิดออก ไม่เคยมีสถานการณ์ที่ทหารยามถูกฆ่าตายมาก่อน
ไม่นึกฝันเลย ว่าวันนี้มันจะเกิดขึ้นสองครั้งติดๆกัน
โม่เฉิงกงแห่งภูเขาฉีหลิน คล้ายไม่เห็นขุมกำลังหลักของเขตหยูหลินอยู่ในสายตาเลย
ความเย่อหยิ่งเช่นนี้ ชายชราหงอกขาวเพิ่งเคยพบเคยเจอเป็นครั้งแรกในชีวิต
6/10
Ep.324
ข้างใน [รถศึกอัจฉริยะ] ซูเฉินนั่งอยู่บนเก้าอี้คนขับ หรี่ตามองหน้าจอควบคุมส่วนกลาง
จุดประสงค์หลักของการมาเยือนเขตหยูหลิน คือการล่าซอมบี้และสัตว์กลายพันธุ์ สำหรับเมืองทงเทียนและเมืองใหญ่แห่งอื่น หากมีเวลาค่อยแวะไปก็ยังไม่สายเกินไป
ไม่นาน ซูเฉินก็พบฝูงซอมบี้รวมตัวกันอยู่ในเมืองร้าง จำนวนไม่มากนัก ประมาณ 500 ตัว
“เสี่ยวจือ ไปที่นั่น” ซูเฉินสั่ง
“รับทราบ”
[รถศึกอัจฉริยะ] ล็อคเป้าหมาย เคลื่อนไปข้างหน้า
เพียงแต่ว่า ขับไปได้ไม่ไกล [รถศึกอัจฉริยะ] ก็ร้องเตือนว่า “เจ้านาย มีรถฐานทัพจอดขวางเส้นทางข้างหน้า”
“หืม?”
ซูเฉินอุทานเบาๆ ลุกขึ้นกลับมามองหน้าจอควบคุมส่วนกลางอีกครั้งแล้วกล่าวว่า “เสี่ยวจือ ช่วยซูมเข้าไปหน่อยซิ”
ผ่านไปครู่หนึ่ง บนหน้าจอก็ปรากฏภาพของรถฐานทัพสีดำ
เห็นสิ่งนี้ ซูเฉินหัวเราะออกมาทันที
เขาเคยเจอรถฐานทัพคันนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง มันคือรถของซือยี่แห่งเมืองทงเทียน
เดิมเขาต้องการมอบบทเรียนให้กับซือยี่พอดี แต่ไม่นึกเลยว่าอีกฝ่ายจะส่งตัวเองมาเสิร์ฟถึงหน้าประตู
“เสี่ยวจือ ขับไปหาพวกมัน” มุมปากของซูเฉินยกโค้งเป็นรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความหมาย
ไม่กี่นาทีต่อมา [รถศึกอัจฉริยะ] ก็ขับไปจอดเบื้องหน้ารถฐานทัพสีดำ
และซือยี่ ได้ยืนรออยู่หน้ารถตั้งแต่แรกแล้ว
ซูเฉินลงจากรถ ก้าวช้าๆไปทางซือยี่ เมื่อทั้งสองเหลือระยะห่างเพียงสามเมตร เขาก็หยุดลง
ซือยี่กวาดมองซูเฉิน กล่าวเสียงเย้ยหยัน “ไอ้หนู ฉันไม่นึกเลยว่าแกจะกล้าเข้ามาในเขตหยูหลินจริงๆ ขอยอมรับว่ามีความกล้าหาญไม่เลว”
“ทำไม? ปู่แกเป็นเจ้าของเขตหยูหลินหรอ ฉันถึงมาไม่ได้”
ซูเฉินปาดจมูกเขา กล่าวเสียงขรึม “แกคือซือยี่จากเมืองทงเทียนใช่ไหม เมื่อกี้เป็นแกที่สั่งทหารยามให้หาเรื่องฉัน?”
ได้ยินคำถามนี้ ซือยี่ขมวดคิ้วทันใด “นี่แกรู้ได้ยังไง?”
ทหารยามที่ทางเข้าอุโมงค์มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขา ดังนั้นเอ่ยขอให้ตรวจสอบและก่อกวนรถฐานทัพของซูเฉิน
แต่ซูเฉินรู้ได้อย่างไรว่านั่นคือคำขอจากเขา?
ตามหลักเหตุผลแล้ว ทหารยามไม่น่าจะทรยศเขานี่?
“ในเมื่อยอมรับแล้ว เรื่องนี้ก็อย่าหวังเลยว่าจะจบลงง่ายๆ ว่าแต่ที่แกมาหยุดรอที่นี่ มีเหตุผลอะไร? ซูเฉินหรี่ตาลง เอ่ยถามน้ำเสียงเย็นชา
“เพื่อหยุดแก เหตุผลแน่นอนว่าเพราะต้องการฆ่าแก! นี่คือชะตากรรมของคนที่กล้าล่วงเกินเมืองทงเทียนของพวกเรา!”
แววตาของซือยี่ทอประกายโหดเหี้ยม หลังจากผุดรอยยิ้มมืดมน เขาก็โบกมือส่งสัญญาณไปทางรถฐานทัพที่อยู่ข้างหลัง
ทันใดนั้นเอง ทหารนับสิบก็กรูกันออกจากรถฐานทัพ
แม้จะไม่รู้รายละเอียดชัดเจนเกี่ยวกับซูเฉิน แต่เมื่อเห็นซูเฉินอายุยังน้อย แถมยังมาจากเขตหวงหลิน ซือยี่ก็บังเกิดความกล้าหาญ กล้าแสดงความชั่วร้ายออกมา และตัดสินใจจะสังหารซูเฉินทันที
ซูเฉินเบ้ปาก “อาศัยแค่กลุ่มทหารกุ้งฝอยกับแม่ทัพกุ้งอีกตัวหนึ่ง คิดหรือว่าจะคณามือฉัน?”
“ฮ่า ฮ่า!”
ซือยี่หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง กล่าวสบประมาทว่า “เจ้าหนู ตลอดมาแกคงใช้ชีวิตอย่างสุขสบายอยู่ในเขตหวงหลินสินะ? แต่รู้ไว้เถอะ ที่นี่คือเขตหยูหลิน ไม่ใช่สถานที่ที่แกจะอวดเบ่งได้!”
มองไปยังท่าทีอวดดีของซูเฉิน มันทำให้ซือยี่รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก
สิ้นเสียง เขาก็ก้าวออกไป พุ่งเข้าหาซูเฉินทันที
“ฆ่า!”
คนอื่นๆก็เริ่มลงมือเช่นกัน
“ก็แค่พวกขยะ!” ซูเฉนสบถเย้ยหยัน
เดิมที เขาคิดว่าคู่ต่อสู้จากเมืองทงเทียน จะมีกำลังรบอยู่บ้าง
แต่ไม่นึกเลย ว่านี่จะเป็นแค่กลุ่มของผู้วิวัฒนาการเลเวล 1 แม้แต่ซือยี่ก็เป็นแค่ผู้วิวัฒนาการเลเวล 2 เท่านั้น
ซูเฉินส่ายหัว กวาดคลื่นลมสีเทาออกไปข้างหน้า
“เวทมนต์เลเวล 4 !!!”
สัมผัสได้ถึงคลื่นความผันผวนอันน่าสยดสยองจากใบมีดสายลม ซือยี่และคนอื่นๆหวาดกลัวจนหัวใจหยุดเต้น
ฟัฟ ฟัฟ ฟัฟฟฟ!
ใบมีดสายลมกวาดผ่านไป ซือยี่และคนอื่นๆถูกตัดขาดครึ่ง ไม่มีเวลาแม้จะทันได้กรีดร้อง
กระทั่งรถฐานทัพสีดำของพวกเขา ก็ยังถูกตัดแยกเป็นสองซีก