319-320
1/10
Ep.319
รีดข้อมูลจนหมด ซูเฉินและพวกหยางฮ่าวหันหลังกลับขึ้นรถ มุ่งหน้าต่อไป
ใช้เวลาอีกครึ่งชั่วโมง พวกเขาก็มาถึงอุโมงค์ที่ใช้เป็นทางเข้าสู่เขตหยูหลิน
หากต้องการเข้าหรือออกจากเขตหยูหลิน ใช่ว่าจะง่ายซะทีเดียว
เพราะนอกเหนือจากการยืนยันตัวตนแล้ว ยังต้องเสียค่าผ่านทางที่แพงมาก
ในเวลานี้ นอกทางเข้าอุโมงค์ มีทหารสวมชุดเกราะหลายสิบนาย กำลังตรวจสอบรถฐานทัพที่จอดเรียงเป็นแถว
มีรถฐานทัพจอดเรียงเป็นแถวอยู่เบื้องหน้า [รถศึกอัจฉริยะ] เจ็ดคัน ซึ่งแต่ละคันเฝ้ารอการตรวจสอบอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
หลังจากตรวจสอบรถเสร็จสิ้น และชำระค่าผ่านทางแล้ว พวกเขาก็ทยอยกันเข้าไปในอุโมงค์ทีละคัน
จนในที่สุดก็มาถึงคราวของ [รถศึกอัจฉริยะ] แต่แล้วจู่ๆก็มีรถฐานทัพสีดำเบียดแทรกเข้ามาจากด้านข้าง ขวางหน้า [รถศึกอัจฉริยะ] เอาไว้
การแซงคิว เป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง
แน่นอน ซูเฉินย่อมไม่พอใจ เขากระโดดลงจากรถแล้วตะโกนใส่คนบนรถฐานทัพสีดำคันหน้าว่า “แกมีสิทธิ์อะไร ถึงแทรกแถวคนอื่น?”
ไม่นาน ชายวัยกลางคนในชุดขาวเดินลงมาจากรถฐานทัพ หลังจากใช้สายตากวาดสำรวจซูเฉิน เขาก็ไม่พูดอะไรซักคำ หันไปคุยกับทหารยามไม่กี่ประโยค แล้วกลับขึ้นไปบนรถฐานทัพ
ก่อนจากไป เขาไม่วายเหลือบมองซูเฉินอีกครั้ง แววตาที่สะท้อนออกมาเต็มไปด้วยความรังเกียจและเหยียดหยัน
“บัดซบ! ไอ้หมอนั่นมันจะอวดดีเกินไปหน่อยแล้ว!”
ซูเฉินเบ้ปาก เขาเกิดความคิดที่จะมอบบทเรียนให้มัน แต่ขณะกำลังจะก้าวออกไป ก็มีชายชราหงอกขาวคนหนึ่งเดินเข้ามาจากเบื้องหลัง
เขามาหยุดใกล้ซูเฉิน เตือนด้วยความหวังดี “น้องชาย นั่นคือรถฐานทัพของเมืองทงเทียน อย่าไปยั่วโมโหพวกเขาจะดีกว่า”
“รถฐานทัพของเมืองทงเทียนแล้วไง? พวกมันไม่ทำตามกฏได้หรอ?” ซูเฉินพ่นลมหายใจแรง
ชายชราหงอกขาวส่ายหัว พยายามเกลี้ยกล่อม “น้องชายคงไม่ใช่คนจากเขตหยูหลินกระมัง? เลยอาจยังไม่รู้ ว่าเมืองทงเทียนทรงพลังแค่ไหน วันนี้ฉันแนะนำว่านายอย่าเข้าไปในเขตหยูหลินเลย เดี๋ยวจะเจอเรื่องร้ายเอา”
“ขอบคุณท่านลุงที่ตักเตือน แต่ยังไงผมก็ต้องเข้าไปในเขตหยูหลิน” ซูเฉินกล่าวอย่างไม่แยแส
เหล่ายอดฝีมือจากเมืองทงเทียนยังไม่อยู่ในสายตาเขา ฉะนั้นไม่ต้องกล่าวถึงคนไม่กี่คนบนรถฐานทัพ ตรงกันข้าม ซูเฉินปรารถนาเป็นอย่างยิ่งให้อีกฝ่ายสร้างปัญหาให้เขา
“เจ้าหนู ถึงตารถฐานทัพของแกแล้ว รีบขับมาซักที เร็วๆ!” แต่ในเวลานั้นเอง ทหารยามคนหนึ่งตะโกนมาทางซูเฉิน
ซูเฉินไม่ถือสาท่าทีไม่ค่อยมีมารยาทของทหารยามคนนี้ ขับ [รถศึกอัจฉริยะ] เข้าไปใกล้
ทหารยามเดินวนรอบๆ [รถศึกอัจฉริยะ] ไม่ได้ถามถึงที่มาของซูเฉิน แต่เอ่ยขอหินพลังงานจากเขาทันที
“รถฐานทัพของนายขนาดใหญ่กว่ารถฐานทัพทั่วไป ค่าผ่านทางเลยต้องสูงกว่านิดหน่อย”
“เท่าไหร่?” ดวงตาขอซูเฉินหรี่ลง
“หินพลังงานธรรมดา 300 ก้อน ถ้าจ่ายไม่ไหวก็ไสหัวออกไปซะ!” ทหารยามส่งเสียงฮึ่มๆ
“เห~ เรียกราคาแรงไม่เบานี่” ซูเฉินไม่โกรธ แต่กลับหัวเราะออกมาแทน
ค่าผ่านทางสำหรับการเข้าอุโมงค์คือ 100 หินพลังงานธรรมดาต่อรถฐานทัพหนึ่งคัน ซึ่งรถฐานทัพที่ต่อคิวด้านหน้าเขาก่อนถูกแซง ก็จ่าย 100 หินพลังงานเช่นกัน
แต่เมื่อถึงตาเขา ราคากลับขึ้นเป็น 300 ก้อน เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายกำลังรีดไถตน
ซูเฉินยังจำได้ดี ว่าครั้งแรกตอนเดินทางไปเมืองจิงกัง ทหารยามที่นั่นก็ฉวยโอกาสรีดไถเขาเหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม ราคาที่อีกฝ่ายต้องแลกมา มันเจ็บปวดเหลือแสน
เดิมทีเขาไม่อยากสร้างปัญหา แต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่รู้จักชั่วดี เช่นนั้นคงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องสั่งสอนกันหน่อย
“งั้นทำไมรถฐานทัพสีดำที่แซงคิวถึงไม่ต้องจ่ายค่าผ่านทางเล่า?” ซูเฉินแค่นเสียงเย็นชา
เมื่อครู่ ชายชุดขาวจากเมืองทงเทียนเอ่ยกับทหารยามแค่ไม่กี่คำ ก็ถูกปล่อยตัวไป แถมไม่ได้จ่ายหินพลังงานแม้แต่ก้อนเดียว
หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น พวกเขาคงไม่กล้าย้อนถามถึงเรื่องนี้แน่นอน
แต่ในสายตาของซูเฉิน เขาไม่สามารถปล่อยให้ฝุ่นมันติดค้างอยู่ในลูกตา ยอมทนระคายตาต่อไปได้
คิดปฏิบัติต่อเขาเหมือนลูกพลับอ่อนกระนั้นหรือ? ก็ต้องลองดูว่าแกมีความสามารถพอที่จะทำแบบนั้นรึเปล่า!
2/10
Ep.320
ชายชราหงอกขาวที่เคยพยายามเกลี้ยกล่อมซูเฉินก่อนหน้านี้ ได้แต่ลอบถอนหายใจ หันหลังกลับไปยังรถฐานทัพของตน
ในความเห็นเขา ซูเฉินยังเด็กนัก เลยใจร้อนไปหน่อย ดังนั้นไม่ช้าก็เร็ว อีกฝ่ายจะชักนำปัญหามาสู่ตัวเอง
เด็หนุ่มที่ไม่รู้จักวิธีระงับอารมณ์เช่นนี้ ไม่ทราบว่าจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน
แม้แต่ทหารยามหน้าทางเข้าอุโมงค์ก็ยังกล้าตั้งคำถาม นั่นไม่เท่ากับเป็นการรนหาที่ตายหรือ?
ชายชราหงอกขาวกลัวว่าปลาเน่าจะกระเด็นมาถึงบ่อเขา ดังนั้นไม่ต้องการคบหากับซูเฉินอีกต่อไป
“แกรู้ไหมว่าพวกเขาเป็นใคร? เทียบกับพวกเขาแล้ว พวกแกมีค่าพอหรือ?” ทหารยามเหลือบมองซูเฉิน ทั่วทั้งใบหน้าแสดงถึงความดูถูก
เมืองทงเทียนคือหนึ่งในเมืองที่มีอำนาจมากที่สุดในเขตหยูหลิน ขณะที่ซูเฉินเป็นเพียงตัวตนเล็กๆ จากเขตหวงหลินเท่านั้น
ช่างตลกสิ้นดีที่กล้าเอาตัวเองไปเปรียบกับเมืองทงเทียน!
“แกก็พูดถูกนะ สถานะเล็กจ้อยอย่างเมืองทงเทียน ฉันไม่เห็นมันอยู่ในสายตา มันไม่มีคุณสมบัติที่จะมาเทียบกับฉันจริงๆ” ซูเฉินพยักหน้า กล่าวอย่างเฉยเมย
วินาทีที่คำนี้หลุดออกไป บังเกิดความโกลาหลขึ้นโดยรอบทันที
“ให้ตายเถอะ เจ้าหนุ่มก้าวร้าวนั่นมาจากที่ไหนกัน? แม้แต่เมืองทงเทียนก็กล้าบอกว่าไม่อยู่ในสายตา”
“ดูเหมือนจะมาจากเขตหวงหลิน น่าจะยังไม่เคยเห็นโลกกว้าง เลยยังไม่รู้ว่าเมืองทงเทียนแข็งแกร่งมากแค่ไหน”
“ไอ้เด็กนั่นตายแน่ เพราะในหมู่ทหารยาม มีหลายคนที่มาจากเมืองทงเทียน”
“กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง พวกเรามารอดูความสนุกกันดีกว่า”
…
ชายชราหงอกขาวถึงกับอ้าปากค้าง สีหน้าของเขากลายเป็นน่าเกลียดอย่างถึงที่สุด
ถ้าเขารู้ว่าซูเฉินหยิ่งยโสขนาดนี้ เขาคงไม่เดินเข้าไปคุยกับซูเฉินตั้งแต่แรก ตอนนี้คิดกลับตัวกลับใจคงไม่ทันแล้ว
“ฮะฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”
ทหารยามหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง จ้องมองซูเฉินราวกับกำลังมองคนโง่ หัวเราะเยาะว่า “เจ้าหนู ในเมื่อแกไม่เห็นเมืองทงเทียนอยู่ในสายตา งั้นกล้าเปิดเผยชื่อของตัวเองหรือไม่?”
“บิดาชื่อโม่เฉิงกง มาจากภูเขาฉีหลิน” ซูเฉินกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
โม่เฉิงกงคือพี่ชายของโม่ไฉ่เหลียน เป็นคนของภูเขาฉีหลินจริงๆ แถมยังเป็นผู้วิวัฒนาการเลเวล 4 เหมือนเขาพอดีอีกด้วย
ข้อมูลทั้งหมดนี้ เขารู้มาจากชายเคราแพะของกลุ่มอินทรีทอง
เมื่อพิจารณาแล้วว่าที่นี่เกิดปัญหาขึ้นแน่ๆ เขาเลยตัดสินใจสาดน้ำเสียใส่ภูเขาฉีหลิน
“เจ้าหนู อย่ามาล้อเล่นนะ ภูเขาฉีหลินคือบ้าอะไร ฉันไม่รู้จัก!” ทหารยามแค่นเสียงเย็นด้วยความรังเกียจ
เขาพอรู้ข้อมูลเกี่ยวกับขุมกำลังน้อยใหญ่จากเขตหยูหลินมาบ้าง ซึ่งที่เคยได้ยินมา ไม่มีชื่อภูเขาฉีหลินอยู่เลย จึงคิดว่านี่คงเป็นชื่อขุมกำลังจากเขตหวงหลิน
แต่เขตหวงหลินสามารถเทียบกับเขตหยูหลินได้หรือ?
ต่อให้เป็นขุมกำลังระดับสูงสุดของเขตหวงหลิน ก็ยังสู้ขุมกำลังระดับสามในเขตหยูหลินไม่ได้ด้วยซ้ำ
“ดูถูกภูเขาฉีหลิน? โทษของพวกแกคือความตาย!”
เมื่อคิดสวมหน้ากากเป็นคนจากภูเขาฉีหลิน ซูเฉินก็ต้องให้จบ ทว่าขณะที่กำลังจะลงมือ ชายร่างกำยำคนหนึ่งรีบวิ่งออกมาจากปากทางเข้า
ชายคนนั้นวิ่งเข้ามาปุ๊บ ก็ตบหน้าทหารยามทันที อีกฝ่ายลงมือค่อนข้างโหดเหี้ยมทีเดียว ทหารยามเลือดกลบปากพูดไม่ได้อีกเลย แม้แต่ฟันยังหลุดไปหลายซี่
ได้เป็นสักขีพยานของฉากนี้ ผู้คนที่มุงดูอยู่รอบๆต่างเกิดความสับสน
พวกเขาไม่มีใครเคยได้ยินชื่อภูเขาฉีหลินมาก่อน แต่ชายร่างกำยำที่เป็นหัวหน้าทหารยาม จากการกระทำของเขา มันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าภูเขาฉีหลินต้องมีภูมิหลังอันยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน ใหญ่โตชนิดแม้แต่หัวหน้าทหารยามยังไม่กล้ายั่วยุ
หลังจากทุบตีผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา ชายกำยำหันมาหาซูเฉินด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ลูกน้องของผู้น้อยมีตาแต่ดันไม่มีแวว บังอาจหาเรื่องนายท่าน ได้โปรดอย่าถือสาเลย”
คนอื่นไม่รู้เรื่องของภูเขาฉีหลิน แต่เขารู้!
ภูเขาฉีหลินคือขุมกำลังระดับมหาอำนาจในเขตหยูหลิน ต่อให้เมืองทงเทียนจะแข็งแกร่งมากก็จริง แต่เทียบไม่ได้กับภูเขาฉีหลิน
อย่างไรก็ตาม มีสิ่งหนึ่งที่เขาคิดยังไงก็ไม่เข้าใจ
นั่นคือภูเขาฉีหลินมักปิดซ่อนตัวตนอยู่เสมอ ยากนักที่จะประกาศตัวอย่างโอ่อ่าเช่นซูเฉิน
“ล่วงเกินภูเขาฉีหลินของพวกเรา คิดว่าแค่ขอโทษเรื่องจะจบง่ายๆหรือ? นี่แกคิดว่าภูเขาฉีหลินของพวกเราเป็นตัวอะไร?” ซูเฉินยิ้มเยาะ
เป้าหมายของเขาคือการก่อความวุ่นวายครั้งใหญ่อยู่แล้ว ในเมื่อมีโอกาสสาดของเสียใส่ภูเขาฉีหลินแบบนี้ แล้วเขาจะยอมให้จบง่ายๆได้อย่างไร?