บทที่ 77 คังเสวี่ย
บทที่ 77 คังเสวี่ย
การคาดเดาของถังเส้าหยางนั้นถูกต้อง มันมีผู้รอดชีวิตกลุ่มหนึ่งที่ประกอบไปด้วยผู้หญิง 12 คน ,ชาย 3 คน ,ผู้สูงอายุ 4 คนและเด็ก 2 คน กำลังซ่อนตัวอยู่ในห้องเก็บของของโรงอาหารในโรงพยาบาล
“หมอคัง อุณหภูมิของเขาสูงขึ้นเรื่อยๆเลย! เราต้องการยาเพื่อช่วยเขา!” หญิงสาวในชุดพยาบาลที่ดูมอมแมมรายงานอาการป่วย
คังเสวี่ยเป็นหมอคนใหม่ในโรงพยาบาล SH เมื่อเธอได้เข้ามาทำงานในโรงพยาบาล SH เธอก็คิดว่าอนาคตที่สดใสจะกำลังรอเธออยู่ ที่สุดแล้วโรงพยาบาลแห่งนี้ก็เป็นโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในเมือง SH และมันก็เป็นโรงพยาบาล 10 อันดับแรกของประเทศ และทุกคนก็มีความคิดแบบเดียวกับเธอ
อย่างไรก็ตาม เธอก็ไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดภัยพิบัติที่ไร้สาระเช่นนี้ขึ้น ในขณะที่เธออยู่ในกะเที่ยงคืน ซอมบี้ก็ปรากฏตัวขึ้นข้างๆเธอ และจากปฏิกิริยาการตอบโต้ที่รวดเร็วของเธอ มันจึงช่วยเธอจากการจู่โจมครั้งแรกของซอมบี้ได้ และจนถึงตอนนี้ เธอก็ได้ช่วยชีวิตพยาบาลหญิงมาได้ 11 คนและผู้ป่วยอีกไม่กี่คน
“ปล่อยเขาไปเถอะ ปล่อยให้เขาตายไป อย่าทรมานเขาเลย แบบนี้เราจะได้สามารถประหยัดอาหารได้มากขึ้นด้วย” ชายผู้รอดชีวิตคนหนึ่งพูดขึ้นในขณะที่พยาบาลหญิงรายงานอาการของเด็กชายตัวเล็ก
คำพูดเหล่านั้นทำให้คังเสวี่ยขมวดคิ้ว ผู้ชายที่เพิ่งพูดไปก็เป็นเพื่อนหมอเหมือนกันกับเธอ หมอพูดแบบนั้นได้ยังไง? หมอควรจะช่วยชีวิตไม่ใช่ดูพวกเขาตาย อย่างไรก็ตาม คังเสวี่ยก็ไม่ได้สนใจที่จะพูดตอบกลับขณะที่เธอเดินไปที่มุมห้องซึ่งเด็กชายกำลังนอนอยู่ ขวานฉุกเฉินห้อยอยู่ที่มือซ้ายของเธอ มันทำให้เธอดูเหมือนคนขายเนื้อมากขึ้นเมื่อมีเลือดปกคลุมขวาน
เธอเดินไปหาเด็กชายแล้วนั่งลง เหงื่อไหลท่วมใบหน้า ริมฝีปากของเขามีสีคล้ำ และร่างกายของเด็กชายก็สั่นสะท้านทั้งๆที่หมดสติไปแล้ว เธอวางมือบนหน้าผากเพื่อตรวจสอบอุณหภูมิร่างกายของเขา มันร้อนมากสำหรับอุณหภูมิร่างกาย และแม้ว่าเธอจะเป็นหมอ แต่เธอก็ทำอะไรไม่ถูกเมื่อไม่มียา
“ถ้าไม่อยากเห็นเขาถูกทรมานแบบนี้ งั้นก็ส่งขวานมา ให้ฉันจบชีวิตเขา!” หมอชายพูดต่อไปในขณะที่เขาจ้องขวานฉุกเฉิน ขวานฉุกเฉินเป็นตัวเอกที่ช่วยชีวิตพวกเขาจากซอมบี้ พวกเขาต้องการมีมันไว้เพื่อปกป้องชีวิตของเขาจากพวกซอมบี้
เมื่อพูดเช่นนั้น คังเสวี่ยก็หันไปหาหมอชาย ดวงตาของเธอแสดงออกถึงความเกลียดชังที่มีต่อเขา
หมอชายไม่ได้ถูกข่มขู่โดยสายตาขอหมอหญิง เขาจ้องกลับไปและพูดตอบกลับพร้อมกับส่งเสียงดัง “อะไรนะ งั้นเธอก็ออกไปเอายามารักษาไอ้เด็กเวรนี่วะเลยสิ!”
เขาเครียดมาก หลังจากถูกขังอยู่ในห้องแบบนี้มาเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนโดยมีสัตว์ประหลาดน่ากลัวอยู่ข้างนอกนั้น มันก็เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเขาที่เขาจะเป็นแบบนี้ภายใต้ความเครียดอันมหาศาล หรืออย่างน้อยเขาก็ให้เหตุผลกับการกระทำของเขาแบบนั้น
“เห้อ…” คังเสวี่ยถอนหายใจ เธอเหนื่อยมากและไม่ต้องการที่จะเสียเวลากับหมอที่กำลังจะสติแตกเหมือนผู้ชายคนนี้ เธอก็หันไปทางพยาบาลหญิง " มีใครอยากอาสาไปเอายากับฉันไหม?”
ความเงียบคือคำตอบของพยาบาลหญิงที่มีต่อเธอ ไม่มีใครอยากตามเธอไปข้างนอก คังเสวี่ยไม่สามารถตำหนิพวกเขาได้เนื่องจากมันมีสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวอยู่ข้างนอกนั่น มันไม่ใช่ซอมบี้ แต่มันเป็นสัตว์ประหลาดที่จะเฉือนร่างกายของคุณออกเป็นสองส่วนด้วยเคียวของมัน และยิ่งไปกว่านั้น คุณก็ยังไม่สามารถมองเห็นสัตว์ประหลาดได้ มันไม่ใช่เพราะสัตว์ประหลาดตั้วนั้นล่องหนได้ แต่ว่ามันไวมากจนตาของคนธรรมดามองตามไม่ทัน
คนในห้องเก็บของทุกคนต่างก็กลัวสัตว์ประหลาดเหล่านั้น ถ้ามันเป็นซอมบี้ พวกเขาก็ยังสามารถฆ่าพวกซอมบี้หรือแม้แต่หลบหนีจากซอมบี้ด้วยการโยกหลบได้ แต่นั่นก็ไม่ใช่กับสัตว์ประหลาดตัวนี้ คุณจะหนีจากสัตว์ประหลาดที่เร็วกว่าตัวคุณเองได้อย่างไร?
“เอาล่ะ งั้นช่วยดูแลเขาแทนฉันด้วย” คังเสวี่ยขอให้พยาบาลหญิงคนหนึ่งดูแลเด็กชาย พยาบาลสาวพยักหน้าเป็นคำตอบ
หลังจากนั้นคังเสวี่ยก็เดินไปที่ประตู เธอยืนอยู่หน้าประตูครู่หนึ่ง มันเป็นเรื่องโกหกที่จะบอกว่าเธอไม่ประหม่าเลย เธอรู้สึกประหม่าและหวาดกลัวอย่างมากในใจ อย่างไรก็ตาม เธอก็ต้องการที่จะช่วยเด็กคนนี้ แม้ว่าโลกจะหมนกลับหัวกลับหาง แต่เธอก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะรักษาผู้คน
เธอใช้เวลามากพอสมควรในการสงบการเต้นของหัวใจและรวบรวมความกล้าก่อนที่เธอจะเปิดประตูในที่สุด เธอผลักประตูออกไปอย่างช้าๆพลางมองไปยังห้องครัว ใช่แล้ว ที่เก็บของแห่งนี้เชื่อมต่อกับห้องครัว
ห้องครัวว่างเปล่าและมืดมิด มันทำให้กระดูกสันหลังของเธอเย็นลง เธอพยายามจะไม่ส่งเสียงดังเพื่อให้สัตว์ประหลาดที่อยู่ข้างนอกได้ยิน เมื่อไม่เห็นอะไรข้างนอก เธอจึงค่อยๆผลักประตูอีกครั้งอย่างช้าๆเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่ส่งเสียงดัง
หลังจากเปิดช่องว่างได้เพียงพอแล้ว เธอก็พยายามจะมุดออกมา คังเสวี่ยก้าวออกมาจากห้องเก็บของได้อีกหนึ่งก้าวโดยไม่ส่งเสียง หลังจากนั้นเธอก็ปิดประตูอย่างช้าๆ
เชี่ย!
ด้วยเสียงคลิกเล็กน้อย ประตูก็ปิดลง กล้ามเนื้อของเธอเกร็งขึ้นเล็กน้อยเมื่อประตูปิด เธอตรวจสอบห้องครัวอีกครั้ง เธอกลั้นหายใจและดวงตาของเธอก็มองไปรอบๆเพื่อค้นหาการเคลื่อนไหวอะไรก็ตามที่อาจจะเกิดขึ้น
กล้ามเนื้อของคังเสวี่ยคลายลงเล็กน้อยเนื่องจากเธอไม่พบการเคลื่อนไหวใดๆรอบเธอ เธอหยุดเดินขณะที่เธอพยายามนึกถึงแผนผังของโรงพยาบาล ตอนนี้เธออยู่ในโรงอาหารบนชั้นสอง ในขณะที่ที่เก็บยาที่อยู่ใกล้ที่สุดนั้นอยู่ที่ชั้นหนึ่ง
โชคดีที่มันมีบันไดฉุกเฉินอยู่ใกล้โรงอาหาร ดังนั้นเธอจึงต้องทำแค่ออกมาจากห้องครัวและย้ายไปที่ทางเดินด้านขวาที่ห่างไปไม่กี่เมตร
คังเสวี่ยกลืนน้ำลายขณะที่หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง เธอค่อยๆ คืบคลานออกมาจากห้องครัวไปยังทางเดินที่มืดสลัว เธอมองไปทางขวาและซ้ายเพื่อให้แน่ใจว่ามันไม่มีซอมบี้อยู่รอบๆ และเนื่องจากมันไม่มีซอมบี้อยู่รอบๆ ดังนั้นเธอจึงบังคับตัวเองและหันเดินไปทางขวา 23 ก้าว
โชคดีที่ประตูบันไดฉุกเฉินเปิดอยู่ เธอมองเข้าไปข้างใน เมื่อเธอมั่นใจว่ามันปลอดภัยและไม่มีซอมบี้อยู่รอบๆ เธอก็ปล่อยลมหายใจที่เธอกลั้นเอาไว้ออกมา
บางทีพระเจ้าอาจรับรู้ถึงความตั้งใจที่ดีของเธอ พระเจ้าจึงทรงเคลียร์เส้นทางในการไปเอายา ตลอดทางเดินไปยังโกดังยาในชั้นที่ 1 นั้นโล่ง หลังออกมาจากบันไดฉุกเฉิน เธอก็จะต้องไปที่ทางเดินด้านขวาเพื่อไปถึงโกดังยา เธอมองออกไปอีกครั้ง และมันก็ปลอดภัยอีกครั้ง ทางเดินด้านซ้ายไปทางล็อบบี้ แต่เธอต้องไปทางขวา ยิ่งไปกว่านั้น ตรงล็อบบี้ก็เต็มไปด้วยซอมบี้ดังนั้นแล้เธอจึงไม่มีความคิดจะไปที่นั่น
เมื่อเห็นว่าทางโล่งปลอดภัยแล้ว เธอจึงก้าวออกมาและเดินไปที่ทางเดินด้านขวา อย่างไรก็ตาม บางทีเธอก็อาจจะใช้โชคทั้งหมดไปหมดแล้ว ในขณะที่เธอหันศีรษะไปทางขวา ใบมีดเคียวที่คมกริบก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเธอ
ตาย!
นั่นคือสิ่งที่เธอคิดในตอนนี้
บึ้ม!
แต่แล้วในวินาทีถัดมา บางสิ่งที่มีขนาดใหญ่ก็ได้พุ่งผ่านหน้าเธอไปและได้กระแทกเข้ากับสิ่งมีชีวิตตรงหน้าเธอ ดูเหมือนว่าพระเจ้าจะยังไม่ได้ทอดทิ้งเธอ
“สวัสดีคุณผู้หญิง อย่าทำหน้างงแบบนั้นสิ ถ้าฉันไม่ทำแบบนี้เธอก็อาจจะถูกฆ่าตายเอานะ!” จากนั้นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากด้านหลังของเธอ