EP 561 ขวากหนามที่ใหญ่ที่สุดในเขตหนานฉาง!
EP 561 ขวากหนามที่ใหญ่ที่สุดในเขตหนานฉาง!
By loop
ช่วงบ่ายโมงกว่าๆ.
ณ สำนักงานเลขา.
ดงซูบินเรียกหลี่หลู่ ให้ขึ้นมาชั้นบน แต่ไม่ได้ให้เขาเข้ามาในห้องทำงานของดงซูบินแต่อย่างใด แต่ดงซูบินไปที่สำนักงานเพื่อดำเนินการเอกสารเพียงลำพังโดยปล่อยให้ หลี่หลู่อยู่ข้างนอก
ถ้านี้เป็นเหตุการณ์ปกติ หลี่หลู่คงมาด้วยอารมณ์ที่โกรธเป็นฝืนเป็นไฟ แต่แน่นนอนตอนนี้หลี่หลู่ไม่มีสิทธิที่จะต่อรองอะไรทังนั้น เพราะชะตากรรมของร้านอาหารของหลี่หลู่อยู่ในกำมือของดงซูบิน ดังนั้นหลี่ลู่จึงไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรออกมา เนื่องจากเขาเป็นรองในเหตุการณ์นี้อยู่มาก เลยรออยู่นอกออฟฟิต พยายามจุดบุหรี่อยู่สักพัก แต่พอคิดแล้วก็ยังไม่สูบ
สิบนาที...
ครึ่งชั่วโมง...
หนึ่งชั่วโมง...
หลี่หลู่นั่งรอจนเมื่อยก้นไปหมด แต่ทางสำนักงานก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมาเลน ตอนนี้ภายในใจของเขาพยายามนับหนึ่งถึง หนึ่งร้อย และเขาไม่รู้จริงๆ ว่าดงซูบินนั้นพยายามคิดอะไรอยู่.
ในเวลานั้น โจวหยินหยู่ขึ้นไปชั้นบนพร้อมกับเอกสารกองใหญ่
หลี่ลู่รีบเรียกเธอว่า "ผู้อำนวยการโจว ผู้อำนวยการโจว" โจวเหยินหยูเองแสดงสีหน้าที่เรียบเฉยใส่เขา เมื่อวานหลี่หลู่เองก็ทำกับเธอไว้เจ็บแซบนัก "เรียกฉันอย่างงั้นหรอ"
"เมื่อวานผมต้องขอโทษด้วย ผมเองไม่รู้กาละเทศะและได้กระทำแบบนั้นออกไปโดยไม่คิด” โจวหยินหยูเหลือบมองเขา แน่นอนว่าโจวหยินหยูนั้นเป็นคนอัธยาศัยดีมาแต่ไหนแต่ไร ทุกครั้งที่มีใครมาติดต่องานหรือมีปัญหาเธอมักจะแทนตัวเองว่าพี่สาวโจว และเธอก็อยู่คุยกับคนๆนั้นได้ทั้งวัน แต่เมื่อเธอเจอคนอย่างหลี่หลู่ โจวหยินหยูกลับไม่พูดอะไรออกมาสักคำ เธอกับนิ่งเหมืองโจวหยินหยูเป็นเพียงลมที่ผ่านไปมาเท่านั้น
เมื่อเห็นหน้าเธอช้า ๆ หลี่ลู่ก็หยิบกุญแจรถออกมาทันที “นี้คือกุญแจรถซานทานา มีคู่มืออยู่ในรถแล้ว นี่คือกุญแจ ได้โปรดรับมันไวด้วยเถอะ”
“คงรับไว้ไม่ได้เพราะยังมีคำสั่งจากท่านเลขาธิการซูบินเลย”
"ผู้อำนวยกการโจว ไม่สิ พี่สาวโจว คุณพอจะช่วยผมคุยกับท่านเลขาซูบินได้ไหม?"
โจวหยินหยูถึงกับมึนงงเธอไม่ทันเรียบเรียงคำพูดของเธอ: " ฉันเองรู้นะว่าเมื่อวานคุณทำอะไรลงไป"
"ผมผิดไปแล้ว!" หลี่ลู่เอามือตบปากเบา ๆ "ผมจะไม่ทำเช่นนั้นอีก ผมผิดไปแล้วจริงๆ! ”
โจวหยินหยูเห็นว่าการกระทำของหลี่หลู่นั้นก็ยังมีความจริงใจอยู่บ้างเธอเลยใจอ่อนขึ้นมาทันที
“ถ้าอย่างงั้นเดียวฉันคุยกับทางท่านเลขาให้”
โอ้…ขอบคุณมากครับพี่สาวโจว… ไม่สิผู้อำนวยการโจว”.
ในความเป็นจริงโจวหยินหยูนั้นสนใจรถซานตาน่าตั้งหาก เพราะมันจะช่วยยยกระดับสำนักงานเขตกวางมิงได้ เพราะประเด็นเรื่องการซื้อรถนั้นเป็นเรื่องที่ยุ่งยากและต้องผ่านหลายขั้นตอนซึ่งส่วนใหญ่จะถูกตีตกไปเสมอถึงแม้เลขาซูบินจะมีรถส่วนตัวให้ใช้และมีงบในการสนับสนุนซ่อมรถพอซ่าที่มีอยู่เดิมก็ตาม แต่มันก็ยังไม่เพียงพอ แต่สำหรับรถซานตาน่าคันนี้ มันแตกต่างออกไป ตั้งแต่พวกเขาทำงานที่สำนักงานเขตแห่งนี้มาไม่ใช่ว่าสำนักงานเขตกวางหมิงจะหารายได้ด้วยตัวเองได้ แต่ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับเงินทุนของทางมณฑล ดังนั้นแน่นอน โจวหยินหยู ไม่ต้องการละทิ้งสิ่งที่ดีเช่นการได้รถใหม่โดยเปล่าประโยชน์ไป . . .
ก๊อก ก๊อก! เธอเคาะประตู
“เข้ามาได้” เสียงของดงซูบินดังมาจากข้างใน
โจวหยินหยูเข้ามาในห้องแล้วพูดว่า "ท่านเลขาค่ะ นี่คือรายวัสดุที่คุณต้องการ"
"ขอบคุณ วางไว้ตรงนั้นเถอะ" ดงซูบินเงยหน้าขึ้นมอง "หลี่หลู่ยังอยู่ไหม"
" เหมือนว่าเขารออยู่ข้างนอกเกือบจะชั่วโมงแล้ว“โจวหยินหยูมองไปที่ดงซูบิน ”เรื่องรถซานต่านา นั้น?”
ดงซูบินมองดูนาฬิกาของเขาและบอกว่า“มันน่าจะถึงเวลาแล้ว โอเค” บอกให้เขาเข้ามา” โจวหยินหยู พยักหน้าและออกไปคุยกับหลี่หลู่ จากนั้นเธอก็ลงไปชั่นล่างสำนักงาน
หลี่หลู่เดินเข้ามาด้วยความกังวลใจ และปิดประตูทันที
ดงซูบิน มองมาที่เขาและไม่ปล่อยให้เขานั่ง “เสียงดังรบกวนผู้คน นี่มันแผนอะไร คุณควรเข้าใจในใจว่าไม่มีใครรับผิดชอบสำนักงานถนนผิงเออ มีผู้อยู่อาศัยกี่คน อยู่แถวๆ นี้ไหม คุณเคยลองพิจจารณาเรื่องนี้ดูไหม เมื่อวานใครไม่ได้ยินคุณตะโกนด้วยไมโครโฟน คุณต่อต้านประชาชน คุณต่อต้านรัฐบาล!”
หลี่หลู่พูดด้วยใบหน้าขมขื่น: “ผมเขาใจแล้วครับท่านเลขาซูบิน จากนี้ไป ผมสัญญาว่าผมจะไม่ก่อเหตุการณ์เหล่านี้ให้เกิดขึ้นอีกแล้วครับ และจะไม่ก่อความวุ่นวายให้คนอื่นได้รับความเดือดร้อนเช่นกัน”
นั้นเป็นสิ่งที่ดงซูบินคาดหวังว่าจะได้เห็นจากหลี่หลู่ในเวลานั้น
ดงซูบินพยักหน้าเล็กน้อย" ฉันเองก็ไม่ได้เป็นคนที่ติดใจเอาความอะไรมากนัก. ถ้าคุณทำผิดพลาดคุณสามารถทำการแก้ไข. ฉันคิดว่าคุณมาด้วยความจริงใจในวันนี้ "
หลี่หลู่ เห็นว่าน้ำเสียงของดงซูบิน "อีกเรื่องหนึ่ง คือเรื่องงานเลี้ยงเมื่อช่วงเที่ยงเมื่อวานนี้ คุณควรจะต้องอธิบายว่าทำไมถึงต้องทำให้ฉันอับอายในงานเลี้ยงด้วย"
“คือว่า…” ใบหน้าของหลี่หลู่เต็มไปด้วยความขมขื่น
ดงซูบินกล่าวอย่างเย็นชา: “ใครเป็นคงบ่งการคุณในเรื่องนี้!” "
หลี่หลู่เองก็ไม่ได้เตรียมใจกับเรื่องนี้มาและเขาไม่ได้คาดหวังว่าดงซูบินจะถามเช่นนี้กับเขาตรงๆ. เพราะตั้งแต่เขารู้จักเหล่าผู้นำมาไม่เคยมีใครแสดงออกเช่นนี้มาก่อน. มันเป็นการันตีได้เลยว่าเหตุไฟดับเมื่อวานนี้มาจากใคร และแน่นอนถ้าเป็นเหล่าผู้นำคนอื่นราว 80% จะไม่ถามแบบนี้ตรงๆแต่พยายามจะพูดอ้อมเหมือนคำใบ้และเต็มไปด้วยคำพูดคลุมเครือ แต่นั้นไม่ใช่สำหรับดงซูบิน สิ่งที่ดงซูบินทำลงไปนั้นเหมือนเป็นการขมขู่มากกว่าการใช้วิธีการประณีประนอม หลี่หลู่รู้เลยว่าผู้นำที่เขาเผชิญหน้าอยู่นั้นต้องมีอธิพลและความกล้ามาก มันคงไม่เหมาะที่จะมีปัญหากับคนๆนี้
หลี่หลู่พยายามกัดฟันและในที่สุดก็กระซิบ: "ในตอนนั้น ผมก็คิดว่าจานนี้ไม่เหมาะสม ผมเลยถามผู้อำนวยการ ชูชิงฮวา ว่าอยากจะเสิร์ฟหรือไม่ แม้ว่าผอ.ชูจะไม่ได้บอกคำตอบมาชัดเจนแต่ก็ดูเหมือนว่าเขาต้องการให้เสริฟ์จากนั้น "
แน่นอน ว่ามันคือของที่บูดแล้ว!
เป็นอย่างที่ดงซูบินคาดเดาไว้ไม่มีผิด เขาได้สางปัญหาที่กับหลี่หลู่แล้ว ขั้นต่อไปก็คือการจัดการกับชูชินฮวา หลังจากนี้
"โอเค คุณกลับไปได้แล้ว" "
ในทันใดนั้นหลี่หลู่ก็พูดว่า "กุญแจรถอยู่ตรงนี้นะครับท่าน.." ดงซูบินไม่พูดอะไร
หลี่ลู่เข้าใจ วางกุญแจลงบนโต๊ะแล้วเดินออกไป หลังจากออกไป เขาก็ออกไปในที่สุด หายใจเข้า ลงไป
ชั้นล่าง
เมื่อเห็นว่าหลี่ลู่ไม่ได้ขับรถซานทาน่า ออกจากรถและเดินออกจากบริเวณถนน เจ้าหน้าที่เห็นฉากนี้จึงเข้าใจในทันทีและเรื่องก็คลี่คลาย
ทุกคนดูน่าเกรงขาม เลขาธิการคนใหม่ของพวกเขาเห็นผู้คน ผู้กล้านั้นมีอยู่จริง
แม้ว่าดงซูบินจะอยู่ที่หนานฉางได้เพียงสัปดาห์เดียว แต่ทุกคนก็เข้าใจอารมณ์ของเขาได้อย่างเต็มที่ เขาจัดการน้องชายของนายกเทศมนตรีจนต้องส่งเข้าไปในโรงพยาบาล ดุหลานสาวของเลขาธิการคณะกรรมการพรรคมณฑล และทำให้ผู้ช่วยรัฐมนตรีอับอายและจัดการกับสำนักข่าวหนานกิง หลังจากจัดการพวกผู้ชุมนุม 26 คนด้วยตัวคนเดียวและแม้แต่ญาติของหัวรัฐมนตรีซูก็ถูกจับกุมตอนนี้เขายังสามารถตัดไฟของร้านอาหารของหลี่หลู่ได้อีก!
คุณรู้ไหม มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นภายในเวลาไม่กี่วัน
โดยเฉลี่ยวันละครั้ง!
และสิ่งที่กล่าวไปนั้นเป็นอุปสรรคหรือขวากหนามชิ้นโต หมายความว่ามีเพียงคนกล้าไม่กี่คนเท่านั้นที่กล้าทำเช่นนี้ นี่คือข้อแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดระหว่างดงซูบินกับคนอื่น ๆ และเลขาธิการคนใหม่ของสำนักงานเขตกวางหมิง ของพวกเขาคือคนประเภทนั้น. ภายในเวลาไม่กี่วัน ก็เหตุการณ์ใหญ่เกิดขึ้นหลายเหตุการ พวกเขาไม่เคยเห็นผู้นำเช่นนี้มาก่อนในประวัติศาสตร์ของเขตหนานฉาง!
ขวากหนามที่ใหญ่ที่สุดในเขตหนานฉาง!
ทุกคนได้เริ่มเรียกดงซูบินแบบนั้นแล้ว! .