Chapter 105 (อ่านฟรีทุกตอนที่ลงท้ายด้วย 5-6)
(ไซธอน เป็นเทพปีศาจที่น่ากลัวที่สุดจากบรรดาเทพปีศาจ ไซธอนเป็นผู้สร้างมนต์ดำขึ้นมาซึ่งเป็นกลุ่มเทพเจ้าที่เก่าแก่ที่สุด มันมีพลังที่น่ากลัวจนไม่อาจคาดคิดได้ และยังมีฉายาว่า มะเร็งของจักรวาล ตามการ์ตูนเรื่อง The magic setting of the world ไซธอนเป็นผู้ถือสิทธิ์ขาดมนต์ดำ พ่อมดทุกคนที่ใช้มนต์ดำจะต้องจ่ายบางอย่างตอบแทน แม้ว่ามันจะนอนอยู่เฉยๆแต่ด้วยหนังสือของ มันก็จะสามารถเก็บเกี่ยวความเชื่อและวิญญาณได้นับถ้วน ดังนั้นไซธอนจึงเป็นเทพใต้พิภพที่ทรงพลังมาก ดังนั้นมณีเวลาจึงไม่อาจมองเห็นมันได้.)
ท้องฟ้ามืดมิดที่ถูกปกคลุมด้วยเมฆครึ้ม และมีสายฟ้าสีแดงกระพริบแว่บไปมาผ่านเมฆสีดำเหล่านั้นและยังมีการเกิดระเบิดอย่างกระทันหัน ฉีกเมฆสีดำและกลายมาเป็นฝนเลือด.
เกิดหมอกที่ไร้ที่สิ้นสุด ลมที่พัดเอากลิ่นคาวลอยมา.
เมื่อมองจากที่สูง ผืนดินไหม้เกรียม มันเต็มไปด้วยรอยแตก แม่น้ำลาวาที่ไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย อุณหภูมิที่สูงทำให้ร้อนอบอ้าวและทำให้บรรยากาศบิดเบี้ยวพร้อมกับกลิ่นฉุนๆของกำมะถัน.
หมอกร่างมนุษย์มากมายที่กำลังเดินอยู่ท่ามกลางแมกม่า เสียงร่ำไห่ที่ตรงเข้าสู่จิตวิญญาณ อยู่ทุกที่ที่ดวงตาจะมองเห็น ยกเว้นที่รกร้าง มีแสงสีแดงระยิบระยับ.
แม้ว่าอากาศจะร้อนแผดเผา แต่ก็ทำให้ผู้คนรู้สึกหยาวเย็นราวกับตกอยู่ในถังน้ำแข็ง ซึ่งเต็มไปด้วยบรรยากาศที่หมองหม่น เต็มไปทั่วโลกใบนี้.
ไฟที่พุ่งขึ้นฟ้าและกลิ่นกำมะถันฉุนหายไป ปีศาจและปีศาจรูปแบบต่างๆนับไม่ถ้วนต่างก็กรีดร้องและคำรามอยู่บนที่ราบสูงท่ามกลางภูเขา ฉากนี้มันน่ากลัวมากและกลืนกินผู้มีจิตใจอ่อนแอได้ในเวลาแป๊ปเดียว.
โลกที่บ่งบอกได้ถึงความอ่อนและความแข็งแกร่งของคนๆนึงได้อย่างสมบูรณ์ มันโหดร้ายและรุนแรงและเครารพในความแข็งแกร่ง กฏแห่งป่าที่ไม่มีความเห็นอกเห็นใจ.
"นี่คือนรก?"
ซอดเพิ่งจะเคยเป็นสิ่งนี้เป็นครั้งแรกไม่ว่าจะจากชีวิตก่อนหรือตอนเป็นชาวคริปตอน.
ตอนที่อยู่ในดาวคริปตอน เขาไม่จำเป็นต้องพูดอะไรนัก สวรรค์และนรกในDCเป็นสองกองกำลังที่ชั่วร้ายที่สุด ถ้าไปนรกแล้วจะไม่มีวันกลับมาได้อีกเลย.
แต่ในโลกมาร์เวลนั้นแตกต่างออกไป ไม่รู้ว่าใครจะทรยศหรือหักหลังตัวเองบ้าง
ซาตานในโลกมาร์เวลไม่มีการพูดถึงอย่างเจาะจง แต่เป็นตำแหน่งของผู้ปกครองมิติต่างๆ ราชาปีศาจหลายคนอ้างว่าพวกเขาเหล่านั้นคือซานตาน แต่พวกเขาทั้งหมดอ้างว่าเป็น'ซานตาน'จากโลกภายนอกหรือโลกของพวกเขา หากใครกล้าพูดว่าเป็น'ซาตาน'ในจักรวาลนี้ ปีศาจอื่นๆอาจจะเข้ามารุมทึ้งคนๆนั้นได้
เศษเล็กเศษน้อยของปีศาจมิติที่ได้มาโดยจ้าวปีศาจและมองหาชิ้นส่วนที่ใหญ่ที่สุดของปีศาจมิติ ด้วยความตั้งใจที่จะเป็นราชาของปีศาจมิติทั้งหมดและได้รับฉายาซาตาน.
ซาตานในโลกDCเทียบเท่ากับการดำรงอยู่ของผู้อยู่เหนือจักรวาลในโลกมาร์เวล(Almighty Universe Transcendant) นั่นคือระดับผู้สูงส่งโบราณและอาจสูงกกว่านั้นอีก.
แต่บัลลังก์ของซาตานในโลกมาเวลนั้นเป็นแค่อยู่คงอยู่ของมัลติเวิร์ส.
แม้จะพูดอย่างนั้น แต่ซอดก็ยังโลภเหมือนกัน.
"เมื่อเจ้ามีความแข็งแกร่งระดับผู้ปกครองดวงดาวก็คงจะดี."
เอนเชี่ยนวันพูดอยู่ข้างๆ.
สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่สองตัวดึงดูดสายตาของอสูร(เดม่อน)และปีศาจ(devil) ในเศษมิตินี้.
"ปรมาจารย์เอนเชี่ยนวัน นานแค่ไหนที่คุณจะจัดการ?"
พลังแม่เหล็กของซอดกระจายออกไปและหลังจากสังเกตเห็นแล้วว่าไม่มีพลังแม่เหล็กในชิ้นส่วนมิติจากปีศาจมิติ เขาก็แสดงท่าทีเหลือเชื่อ.
ไม่ใช่แค่เศษมิติจากปีศาจมิติที่ไม่มีสมาแม่เหล็ก ปีศาจก็ไม่มีสนามแม่เหล็กเช่นกัน โชคดีที่พวกเขายังคงใช้พลังจากโครงสร้างอะตอมได้ ไม่อย่างนั้นซอดจะต้องสู้กับปีศาจนั่นด้วยหมัดของเขา.
"ไม่รู้สิ เศษปีศาจมิตินี่ไม่คุ้นเคย ข้าต้องการเวลาเพื่อที่จะศึกษาก่อนที่จะซ่อนมันเพื่อไม่ให้ถูกพบโดยจ้าวแห่งนรก."
ปรมาจารย์พูดความลับกับซอดอย่างไม่อายและดูเหมือนว่าหากซอดจะรู้ก็ดูจะไม่เป็นไร.
แต่ซอดรู้เรื่องนี้ก็ไม่ได้สนใจนัก.
"ดังนั้น ปรมาจารย์เอนเชี่ยนวันท่านได้ซ่อนเศษมิติไว้มากมาย?"
ซอดถามอย่างคาดไม่ถึง.
"ไม่เพียงแค่เศษของปีศาจมิติ และอาจจะรวมไปถึงมิติอื่นๆด้วยมั้งนะ?"
เอนเชี่ยนวันพยักหน้าและถาม.
"ผมไม่สนใจที่จะทิ้งร่างของผมให้เป็นปีศาจมิติ."
ซอดตอบอย่างใจเย็น สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเขาคือตัวของเขาเอง รองลงมาคือสิ่งอื่นๆ.
ปีศาจและอสูรกายพุ่งเข้ามาและซอดยืนขวางอยู่ด้านหน้าเอนเชี่ยนวันด้วยสนามแม่เหล็กที่แผ่วเบา มันไม่ได้อ่อนแอ มันได้เปลี่ยนสนามแม่เหล็กของปีศาจและอสูรกาย และแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอะตอมก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ด้วยการเบี่ยงเบนเล็กน้อยของโครงสร้างอะตอมซึ่งสะท้อนในความเป็นจริงและมีแรงบิดที่ทรงพลัง.
ปีศาจและอสูรกายล้วนกลายเป็นลูกบอล.
ทันใดนั้นแผ่นดินที่ไหม้เกรียมก็สั่นสะท้านอย่างต่อเนื่อง.
ครึ่นๆ
แม่น้ำลาวาพุ่งพล่านอย่างรุนแรง สัตว์ประหลาดที่มีเขาอยู่บนหัวคลานออกมา เบ้าตาของพวกมันกลวงและมืดมิด ร่างกายของมันก็เหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกราวกับไม่ได้กินอะไรมาหลายพันปี.
มันพุดขึ้นมาจากแม่น้ำลาวาที่ลุกเป็นไฟ ปากของสิ่งมีชีวิตนั้นขยับขึ้นลงพร้อมกับส่งเสียงครางอย่างน่ากลัว มันเลือกวิญญาณที่อยู่รอบๆลาวาและกินราวกับผลไม้.
รอยแตกในดินแดนรกร้างถูกแยกออก และปีศาจตัวน้อยที่มีปีกค้างคาวก็มารวมตัวกันอย่างหนาแน่น บ้างตัวใหญ่ บ้างตัวสูง ปะปนกันไป.
กระดูก,เนื้อเน่า,เหล็กขึ้นสนิม,แขนขา ฯลฯ สัตว์ประหลาดที่มาจากความมืดมิดต่างๆเผยออกมา มันทำให้เสียสายตาเป็นอย่างมาก ด้วยรูปร่างที่ไม่สมประกอบมากมาย มันไม่ใช่สิ่งที่จะเคยได้เห็นแม้ว่าจะอยู่มาหลายสิบปีหรือร้อยปีได้ง่ายๆ.
แต่เมื่อมองเข้าไปใกล้ๆและพบว่า สัตว์ประหลาดเหล่านี้มีทุกอย่างในตัวมัน แต่พวกมันขาดเลือด.
เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ!
เปลวเพลิงนรกแผดเผาฟุ่งขึ้นฟ้า กลิ่นกำมะถันฉุน แสงสีแดงใต้ท้องฟ้าสีดำ เจิดจ้าและเสียงการฆ่าฟันที่ดังกึกก้องอยู่ในหู.
ในทะเลเพลิงที่ปะปนในภูเขา ปีศาจและอสูรรูปปร่างแตกต่างกันกำลังก่อตัวเป็นกองทัพอย่างโกลาหล การสังหารในสนามรบนั้นโหดร้ายอย่างมาก นอกจากเนื้อและเลือดที่ปลิวว่อน ยังมีเสียงเคี้ยวกินและกลืนเป็นระยะๆซึ่งตีความได้อย่างสมบูรณ์แบบว่า โหดโครต
ตามมาด้วยเสียงดัง!
ปีศาจและอสูรทำลายที่กักขังออกมาและซอดก็ถูกห่อหุ้มด้วยพลังของมังกรและใช้การโจมตีที่อันตรายที่สุดสำหรับสัตว์เวทย์มนต์.
เกิดเงามังกรสีน้ำเงินเข้มล้อมรอบร่างของซอด เขาพยายามชกออกไป เงามังกรสีน้ำเงินเข้มก็พุ่งออกไปพร้อมกับหัมดของเขาที่ซอดเหยียบ ไม่ว่าจะไปที่ไหน ปีศาจและอสูรก็ถูกพลังพลาสม่าบนขยี้จนกลายเป็นขี้เถ้า.
ซอดก็ได้ใช้พลังหมัดนี้ไปมากมาย มีเงามังกรสีน้ำเงินพุ่งออกมาหลายร้อยตัว.
"หลู่ซาน มังกรร้อยตัว!"
เงามังกรสีเงินเข้มนับร้อยตัวพุ่งออกไป มันไม่สลายและจัดการเสียจนปีศาจและอสูรต้องวิ่งหนีด้วยความหวาดกลัว.
ซอดมองกลับไปที่เอนเชี่ยนวันและในขณะที่เขากำลังโกรธ เขาก็รู้สึกว่าพลังมังกรในร่างกายของเขาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง.
มันดูเหมือนว่ายิ่งเขาใช้มันมากเท่าไร พลังมันก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น และมันกำลังเปลี่ยนร่างของซอดโดยไม่สนใจ ซอดไม่รู้ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ดีหรือไม่ แต่ร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ.
เอนเชี่ยนวันยังคงนั่งหลับตาขัดสมาธิโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ.
เข้าวันที่ห้าแล้ว และซอดก็ยังสนใจที่จะศึกษาสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ก่อน.