80Y-ตอนที่ 39 ไปเยือนเจียงหนาน
หลินเทียนหยวน ได้นำภาพวาดทั้งสองกลับไปที่พระราชวังต้องห้าม
เขาได้นำภาพวาดทั้งสองเข้าร่วมการประชุมหารือในทันที
ภาพวาดทั้งสองถูกพับเก็บอย่างดี แม้ว่า หลินเทียนหยวน จะไม่เชื่อว่าภาพวาดทั้งสองนี้สามารถแก้ไขปัญหาที่เขาเผชิญหน้ากับนิกายพุทธได้แต่เขาก็ไม่กล้าเปิดมัน
เขายังคงเชื่อฟัง หลินจิ่วเฟิง
หลินเทียนหยวน ได้คิดอยู่ครู่นึงก่อนที่จะสั่งการ
“เรียก ฉางซาน และ เป่ยไห่ มาที่นี่”
ขันทีรีบออกไปตามพวกเขา
ฉางซาน และ เป่ยไห่ เป็นพี่น้องกัน
พวกเขาทั้งสองเป็นผู้บ่มเพาะพลังที่ไม่ได้ฝักใฝ่ฝ่ายใด อย่างไรก็ตามพวกเขามีพรสวรรค์มาก
ขณะที่พลังงานทางโลกเริ่มฟื้นคืน พวกเขาก็ทะลวงขั้นปราชญ์การต่อสู้ได้สำเร็จ
หลังจากผ่านเหตุการณืกบฏของลอร์ดไท่ปิง หลินเทียนหยวน ก็รู้สึกได้วิกฤติเขาเริ่มรับสมัครผู้ฝึกยุทธ์ที่ไม่เกี่ยวข้องเหล่านี้
ทั้งสองได้ตกลงและทำงานให้กับหลินเทียนหยวน
หลินเทียนหยวน ได้จัดเตรียมทรัพยากรบ่มเพาะพลังจำนวนมากให้แก่พวกเขา และ พวกเขาก็เห็นชอบด้วย
ดังนั้นไม่นานชายชราทั้งสองคนก็เดินเข้ามา
แต่ละคนได้ป้องมือคำนับ“ถวายบังคมฝ่าบาท!”
“ข้าหวังว่าพวกท่านทั้งสองจะสามารถเดินทางไปยังเจียงหนานได้”หลินเทียนหยวนได้ตอบกลับ
ฉางซาน และ เป่ยไห่ ได้มองหน้ากัน พวกเขาไม่เต็มใจที่จะปฏิบัติตามคำสั่งนี้
“ฝ่าบาท ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่เต็มใจ เพียงแต่ วัดเส้าหลิน และ วัดซวนคง กล้าแกร่งมาก แม้ว่าเราสองพี่น้องจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นปราชญ์การต่อสู้ แต่ก็อยู่ในช่วง ตระหนักรู้ในชีวิต เท่านั้น…”
“เราไม่มีอำนาจเพียงพอที่จะต่อต้านนิกายใหญ่ทั้งสองที่ก่อตั้งมานานนับพันปี”ฉางซาน ได้อธิบายอย่างขมขื่น
เขาไม่ต้องการไปยังเจียงหนาน
มีใครไม่รู้บ้างว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างนิกายพุทธกับจักรพรรดิหมิงแห่งราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา?
การขอให้พวกเขาไปยังพื้นที่เจียงหนานในเวลานี้ก็เท่ากับการส่งพวกเขาไปสู่ความตาย ไม่ใช่เหรอ?
พวกเขาได้ใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายภายใต้ หลินเทียนหยวน ก็จริง และ เต็มใจที่จะทำภารกิจเสี่ยงอันตรายบางอย่างให้กับเขา
แต่ความแตกต่างนี้ก็มีเส้นแบ่งระหว่างอันตรายกับความตายบางอย่าง
หลินเทียนหยวน รู้ว่าชายชราทั้งสองนี้คิดอะไรอยู่
ดังนั้นเขาจึงตอบกลับ“ข้าไม่ได้ส่งพวกท่านไปจัดการกับสองมหาอำนาจเหล่านี้ เพียงแต่ให้พวกท่านไปประกาศราชโองการของจักรพรรดิ ให้พวกเขาได้รับรู้ ทางที่ดีให้พวกเขายอมจำนนโดยไม่ต้องต่อสู้กันจะดีที่สุด”
ฉางซาน และ เป่ยไห่ รู้สึกไม่เชื่อในสิ่งที่ตนเองได้ยิน
ให้นิกายพุทธยอมรับราชโองการ โดยไม่ต้องต่อสู้?
แล้วถ้าพวกเขาไม่เห็นด้วยล่ะ?
เป่ยไห่ เป็นชายชราร่างอ้วนท้วน
เขาเป็นคนตรงไปตรงมาและอดไม่ได้ที่จะกล่าวถาม“แล้วถ้า...พวกเขาไม่เห็นด้วยล่ะ?”
หลินเทียนหยวน ได้หยิบภาพวาดทั้งสองที่ หลินจิ่วเฟิง ได้มอบให้และพูดขึ้น“หนึ่งภาพสำหรับพวกท่านแต่ละคน ถ้าพวกเขาไม่เห็นด้วย ก็ให้คลี่ภาพวาดออกมา”
ฉางซาน และ เป่ยไห่ ได้มองไปที่ ม้วนภาพวาดในมือของ หลินเทียนหยวน ด้วยใบหน้าที่สงสัย
นี่คืออะไร?
ภาพวาดทั้งสองเพียงพอที่จะจัดการ สองมหานิกายที่เผยแพร่หลักคำสอนมาตลอดนับพันปีหรือไม่?
พวกเขาได้แสดงท่าทีเหมือนกับ หลินเทียนหยวน-ไม่เชื่อในม้วนภาพเหล่านี้
ดังนั้นพวกเขาคิดว่าจะปฏิเสธในเรื่องนี้
“ภาพวาดทั้งสองถูกวาโดยผู้อาวุโสลึกลับในเมืองหลวง”
เมื่อเห็นว่าทั้งสองกำลังจะปฏิเสธ หลินเทียนหยวน ได้บอกความจริงกับพวกเขา
ฉางซาน และ เป่ยไห่ ได้มองไปที่ หลินเทียนหยวน ด้วยความประหลาดใจ
“ผู้อาวุโสเมื่อ 10 ปีก่อนนั่นนะเหรอ?”ฉางซาน กล่าวถามด้วยความตื่นเต้น
เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ในขณะที่โลกกำลังอยู่ท่ามกลางการฟื้นตัว ทั้งฉานซาน และ เป่ยไห่ ต่างก็ไม่ใช่ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นปราชญ์การต่อสู้ในเวลานั้น
แต่พวกเขาก็ได้ยินเกี่ยวกับผู้อาวุโสที่น่าสะพรึงกลัวในเมืองหลวงที่สามารถสังหารปราชญ์การต่อสู้ทั้ง 9 ได้ด้วยปราณกระบี่เพียงครั้งเดียว
กว่า 10 ปีได้ผ่านไปนับจากนั้น
ทั้งสองคนได้กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นปราชญ์การต่อสู้ และ อยู่ในช่วงตระหนักรู้ในชีวิต
แล้ว ผู้อาวุโสลึกลับคนนั้นจะมีความแข็งแกร่งขนาดไหนกันในตอนนี้?
ฉางซานรีบกล่าวอย่างตื่นเต้น“ผู้อาวุโสคนนั้นพูดแบบนี้ออกมาจริงงั้นหรือ?”
“ถูกต้อง ข้าได้ไปปรึกษาเขาเกี่ยวกับวิธีจัดการปัญหาในเจียงหนาน และเขาได้บอกว่านี่คือทั้งหมดที่ข้าต้องทำ ดังนั้นนี่คือเหตุผลที่ข้าขอให้พวกท่านไป”หลินเทียนหยวน ได้บอกความจริงกับพวกเขา
ถ้าเขาไม่พูดความจริง ก็คงไม่มีใครโง่พอที่จะไป
บางทีพวกเขาคงจะไม่สามารถเข้าหน้าประตูของวัดเส้าหลินและวัดซวนคงได้ด้วยซ้ำ
ฉางซาน และ เป่ยไห่ ได้มองหน้ากันก่อนที่จะพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“ฝ่าบาท พวกเรายอมรับงานนี้”ฉางซาน ได้ตอบกลับ
หลินเทียนหยวน ได้พยักหน้าอย่างเร่งรีบ“ไม่ต้องกังวล ข้าจะประกาศให้โลกหล้าได้รู้ว่า เจ้าจะเดินทางไปยังเจียงหนานพร้อมกับราชโองการของจักรพรรดิ”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท”
ฉางซาน และ เป่ยไห่ ได้พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
การแจ้งให้โลกหล้าได้รู้ก็เท่ากับเป็นการรับประกันความปลอดภัยของพวกเขาเพิ่มเติม
“นอกจากนี้ อย่าได้เปิดภาพวาดทั้งสองนี้ก่อนถึงเวลาอันเหมาะสม ไม่งั้นชีวิตจะหาไม่ จำไว้เรื่องนี้สำคัญมาก”หลินเทียนหยวน ได้เตือนพวกเขา
นี่เป็นคำเตือนจาก หลินจิ่วเฟิง ที่มีต่อเขา
สีหน้าของทั้งสองได้เปลี่ยนไปในทันที
“ฝ่าบาทโปรดวางพระทัย พวกเราสัญญาว่าจะทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ”ทั้งสองได้กล่าวพร้อมกัน
“ข้าจะร่างราชโองการในตอนนี้ ให้พวกท่านแต่ละคนไปที่นิกายพุทธคนละแห่ง”
หลินเทียนหยวน ต้องการเขียนราชโองการขึ้นมา
เขาได้ครุ่นคิดอยู่ครู่นึงก่อนที่จะสบัดแขนเสื้อ และ เขียนราชโองการที่มีความนัยเกี่ยวกับความคิดของเขา
“เอาล่ะเดินทางไปยังเจียงหนานทันที ข้าจะประกาศให้ทั่วโลกได้รับรู้ในเรื่องนี้”
ฉางซาน และ เป่ยไห่ ได้ก้มศีรษะและถอยกลับ พวกเขาได้รับราชโองการมาพร้อมกับภาพวาดของ หลินจิ่วเฟิง ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังเจียงหนาน
ก่อนที่พวกเขาจะออกจากเมืองหลวง ทางราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาได้เผยเรื่องนี้ออกมา
จักรพรรดิหมิง-หลินเทียนหยวน ได้เขียนราชโองการขึ้นสองฉบับ
พวกมันได้ถูกแบ่งออกไปโดยปราชญ์การต่อสู้ทั้ง 2 ที่กำลังมุ่งหน้าไปยังวัดเส้าหลินและวัดซวนคงในเจียงหนาน
ทั่วทั้งโลกกำลังรอการโต้กลับของ หลินเทียนหยวน-รอการโต้กลับของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา
เมื่อข่าวนี้แพร่กระจายออกไป ทั่วทั้งโลกก็ราวกับเกิดไฟป่าลุกลาม
มันได้แพร่กระจายไปยัง เจียงหนานอย่างรวดเร็ว กระทั่งเร็วกว่าการเดินทางของ ฉางซาน และ เป่ยไห่
พวกเขาคือปราชญ์การต่อสู้จึงสามารถเคลื่อนที่ได้รวดเร็วมาก
แต่ก่อนที่พวกเขาจะไปถึงเจียงหนาน ข่าวก็ได้แพร่กระจายไปทั่วเจียงหนานแล้ว
ทั้งวัดเส้าหลินและวัดซวนคงต่างก็ได้รับข่าว
แต่พวกเขาก็ยังนิ่งเงียบโดยไม่รับรู้อะไรเลย
กระทั่งไม่แสดงความคิดเห็นใด ๆ
พวกเขาได้สร้างวัดของตนเองและไม่มีใครภายใต้บัญชาการของพวกเขาให้มีคำสั่งรื้อถอนวัดเหล่านั้น
ตรงกันข้ามกับวัดเส้าหลิน ผู้คนจากวัดซวนคง ต่างยินดีกับข่าวนี้
“มาเลย รีบมาที่ วัดซวนคง ของข้า จะได้จัดการปัญหาในคราวเดียว พวกเราจะต้อนรับผู้ส่งสารทั้งสองคนนี้เป็นอย่างดี”
นี่เป็นภัยคุกคามที่โจ่งแจ้ง
วัดซวนคงยังคงหยิ่งยโสเหมือนเดิม
นักบวชของพวกเขาทั้งเย่อหยิ่งและจองหอง
พวกเขาล้วนเป็นกันแบบนี้ทั้งหมด
2 วันต่อมา ฉางซาน และ เป่ยไห่ ได้มาถึง เจียงหนาน
ในเวลาเพียงสองวัน ข่าวลือได้แพร่กระจายไปทั่ว เจียงหนาน
ทายาทนับไม่ถ้วนของเหล่านิกายที่มีอำนาจ และ แม้แต่ทายาทขุนนางชั้นสูง ตลอดจนผู้บ่มเพาะพลังที่โดดเด่นซึ่งไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ก็ได้มารวมตัวกันที่วัดเส้าหลินและวัดซวนคง
พวกเขาต้องการทราบว่า สองนิกายชาวพุทธจะจัดการกับผู้ส่งสารของจักรพรรดิหมิงอย่างไร และ พวกเขาจะปฏิบัติอย่างไรเมื่อราชโองการของจักรพรรดิมาถึง
ฝูงชนต่างลุกพล่านและดูมีชีวิตชีวามากขึ้น
ทุกคนต่างก็รอคอยการมาถึงของฉางซานและเป่ยไห่
ชายชราทั้งสองรู้สึกตกใจ
“สถานการณ์ดูเหมือนจะทวีคูณความรุนแรงมากขึ้น”ฉานซาน รู้สึกไม่สบายใจ
“เจ้ากลัว?”
“อย่าลืมว่าเรามีภาพวาดจากผู้อาวุโสลึกลับคนนั้น ข้าเชื่อว่ามันสามารถจัดการพวกเขาได้”เป่ยไห่ เชื่อใจในตัว หลินจิ่วเฟิง
มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย สำหรับ หลินจิ่วเฟิง ที่จะได้รับความไว้วางใจจากเขาทั้งที่ไม่เคยพบพานกันมาก่อน
“ข้าก็เชื่อในตัวเขาเช่นเดียวกัน ในเมื่อเรามาที่นี่แล้ว ก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องหนี”
ฉางซาน ได้สูดลมหายใจเข้าลึกและกล่าวถาม“เจ้าจะไปที่ไหน?”
เป่ยไห่ ได้ยื่นมือออกมาและกล่าวพูดอย่างหนักแน่น“ข้าจะไปที่วัดเส้าหลิน!”
“เช่นนั้นข้าจะไปที่่ วัดซวนคง พวกเราแยกกัน!”
ฉางซาน ได้กำหมัดแน่นและกล่าวอำลา
“ดูแลตัวเองด้วย!”เป่ยไห่ ได้กล่าวอย่างเคร่งขรึม
“พวกเรามีภาพวาดของผู้อาวุโส มันย่อมไม่เป็นอะไร”ฉางซาน ได้ยิ้มและตอบกลับอย่างมั่นใจ
พวกเขาได้แยกย้ายกันไปยังสถานที่ต่าง ๆ ไม่นานทั้งสองก็มาถึงเชิงเขาที่เป็นที่ตั้งของวัดทั้งสองในเวลาเดียวกัน
ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างได้เห็นการมาถึงของพวกเขา ทุกสายตาได้จับจ้องมองไปที่พวกเขา
ประตูวัดเส้าหลินและวัดซวนคงยังคงเปิดอ้าอยู่ ดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะเดินผ่านเข้าไปได้
ฉางซาน และ เป่ยไห่ ได้นำราชโองการในมือ พร้อมกับภาพวาดของหลินจิ่วเฟิง ที่อยู่ในเสื้อของพวกเขา เดินก้าวขึ้นไปบนบันไดด้วยความมั่นใจ
…
เมืองหลวง ตำหนักเย็น!
หลินจิ่วเฟิง ยังคงนอนอยู่บนเตียงหยกน้ำแข็ง
เขาได้หลับตาลงและทำให้จิตใจสงบ
“เจ้าทะลวงขั้นเทพมนุษย์แล้วงั้นหรือไม่?”เจ้าแมวขาวกล่าวถามด้วยความสงสัย
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจ้าแมวขาวถามคำถามนี้กับ หลินจิ่วเฟิง ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
เพียงแต่ หลินจิ่วเฟิง ไม่เคยตอบมันโดยตรง
อย่างไรก็ตามเจ้าแมวขาวค่อนข้างอดทน
“เจ้าจะได้รู้ในอีกสองวัน”หลินจิ่วเฟิง ได้ตอบกลับ