395 - ไม่ติดอยู่ในความรัก
395 - ไม่ติดอยู่ในความรัก
ทุกอย่างที่อยู่ต่อหน้านั้นเหมือนจริงจนน่าเหลือเชื่อ เอี้ยนลี่เฉียงเกือบตกหลุมพรางตั้งแต่เริ่มต้น…
อย่างไรก็ตามสำหรับคนอย่างเอี้ยนลี่เฉียงที่มีชีวิตอยู่สองชีวิต ฉากก่อนหน้าเขาทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องน่าขันเกินไป
หากภาพลวงตาที่ปรากฏต่อหน้าเขาเป็นฉากจากทวีปเงิน เขาอาจจะไม่สามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ แต่ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นในโลกก่อนดังนั้นเขาจึงสรุปได้อย่างรวดเร็วว่ามันเป็นภาพลวงตา
เอี้ยนลี่เฉียงเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า จากนั้นไปที่ชายหาดเมื่อได้ฟังเสียงคลื่นทะเล เขาก็มองไปยังผู้หญิงที่เขาเคยรักมากที่สุด
ทุกสิ่งที่นี่ถูกฝังไว้ในส่วนลึกที่สุดของความทรงจำของเขา เขาไม่เคยเล่าให้ใครฟัง จึงไม่มีใครรู้เรื่องนี้ เขาไม่คาดหวังสิ่งนี้จะแสดงให้เขาเห็นในสถานการณ์นี้
เป็นไปได้อย่างไร? มันเหมือนความฝัน แต่ก็รู้สึกเป็นจริงมากกว่าความฝัน ทุกอย่างเกิดขึ้นจากฉากและประสบการณ์ในส่วนลึกที่สุดของจิตสำนึกของเขา…
ความคิดแล่นเข้ามาในหัวของเอี้ยนลี่เฉียง…
“ทำไมไม่พูดล่ะที่รัก…?”
น้ำเสียงและการแสดงออกของเธอ… ทั้งหมดเหมือนกับที่เขาจำได้จากลู่เจี่ยอิงในความทรงจำ
เอี้ยนลี่เฉียงมองไปที่ลู่เจี่ยอิงและส่ายหัวขณะที่รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของเขา
“ขอโทษนะ แต่คุณที่อยู่ในใจผมตายไปแล้ว คุณเป็นเพียงส่วนหนึ่งของความทรงจำของผม หลังจากนี้ผมจะลืมคุณ…”
“คุณกำลังพูดเรื่องอะไร? อย่าทำให้ฉันกลัว! ถ้ารู้สึกไม่สบาย ไปโรงพยาบาลกันเถอะ! หรือเราจะกลับบ้านก็ได้…!” ลู่เจี่ยอิงตื่นตระหนก เธอคว้าแขนของเอี้ยนลี่เฉียงและน้ำตาก็ไหลออกมา
“ลาก่อน…” เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงพูดจบ เขาก็กระแทกหมัดเข้าใส่ร่างกายของลู่เจี่ยอิงจนกระเด็นขึ้นสู่ท้องฟ้า (เอ็งก็โหดเกิน)
เอี้ยนลี่เฉียงได้ยินรอยร้าวก่อนที่ทุกสิ่ง มหาสมุทร ท้องฟ้าชายหาด หญิงงามในชุดว่ายน้ำ รวมทั้งตัวเขาเองจะแตกเป็นเสี่ยงทันทีราวกับกระจก...
……
เอี้ยนลี่เฉียงตื่นขึ้นมาและพบว่าตัวเองนอนอยู่บนพื้น เขาตรวจดูบริเวณรอบๆตัวเขาสองครั้งด้วยตาของเขาแล้วจึงลุกขึ้นและพบว่าตัวเองยังคงอยู่ในเจดีย์ที่ถูกสร้างขึ้นมาจากกระจก
เขามองไปข้างหลังและเห็นทางเข้าที่ปิดอยู่ กำแพงที่เหมือนแก้วล้อมรอบเขา แสดงให้เห็นภาพสะท้อนของเขาเอง
เมื่อเขาเข้าไปในสถานที่แห่งนี้ มันมืดสนิท ดังนั้นเขาจึงมองไม่เห็นอะไรเลย ทว่า ณ เวลานี้ ชั้นแรกของเจดีย์ก็เรืองแสงด้วยสีฟ้าอันน่าขนลุก
“มีใครอยู่ที่นี่หรือเปล่า” เอี้ยนลี่เฉียงตะโกน
เขาไม่ได้ยินอะไรเลยนอกจากเสียงก้องในห้อง
ภาพลวงตานั้นคืออะไร? ทำไมเขาถึงรู้สึกอย่างนั้นทันทีที่เขาเข้ามาโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า? เอี้ยนลี่เฉียงพึมพำกับตัวเองในขณะที่เขาสังเกตสภาพแวดล้อมของเขา
รอบๆห้องดูเหมือนจะไม่มีอะไรผิดปกติ ทันใดนั้นเอี้ยนลี่เฉียงก็จำบางอย่างได้ เขาเงยหน้าขึ้นและมองไปที่เพดาน
ที่นั่นเขาเห็นบางอย่างที่ดูคุ้นเคย…
มันเป็นสิ่งของชิ้นเล็กๆที่ถูกสร้างขึ้นจากวัสดุที่คล้ายทองแดงที่เรียบง่ายและถูกฝังไว้บนเพดาน มันมีขนาดเท่ากับที่โกยผงและมีความมันวาวแบบโลหะ ตรงกลางนั้นมีแกนสัตว์อสูรหายาก
นั่นคือ…เครื่องรางวิญญาณ…
โครงสร้างของมันที่เป็นเอกลักษณ์ ซับซ้อนและลึกลับ เช่นเดียวกับแกนสัตว์อสูรที่อยู่ตรงกลาง ทำให้เอี้ยนลี่เฉียงจำมันได้ในพริบตา
เขาเคยเห็นวัตถุแบบนี้มาก่อน ไม่ใช่ในแดนสวรรค์ แต่ในความเป็นจริง มีนักบวชเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเขาฆ่าเมื่อเขาพาซุนปิงเฉินกลับมาที่เมืองหลวงของจักรวรรดิ
วัตถุชิ้นนี้เป็นหนึ่งในสินสงครามที่ริบมาได้ ซึ่งเขามอบให้โม่จื่อเย่ในภายหลัง
เครื่องรางวิญญาณที่ชายชราชาวชาตูครอบครองนั้นมีขนาดไม่ใหญ่นัก มันมีขนาดเท่ากับกระจกใบเล็กๆของผู้หญิงที่ชอบพกพาไปไหนมาไหนด้วย
ทว่าเครื่องรางวิญญาณต่อหน้าต่อตาเขานั้นใหญ่กว่าและมีระดับสูงกว่าของที่เขาเคยเห็น
เอี้ยนลี่เฉียงเหลือบมองไปที่เครื่องรางวิญญาณบนเพดาน ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกวิงเวียนศีรษะ ร่างกายของเขามีอาการง่วงนอน แม้แต่ภาพสะท้อนรอบตัวเขาเองเริ่มสั่นคลอน...
เมื่อเขากำลังจะหลับตา เขาก็สะบัดตัวเองก่อนจะละสายตาจากเครื่องรางวิญญาณอย่างรวดเร็ว
น่าแปลกที่ช่วงเวลาที่เอี้ยนลี่เฉียงเพิกเฉยต่อเครื่องรางวิญญาณ อาการวิงเวียนศีรษะในหัวของเขาหายไปทันทีและเขารู้สึกปกติอย่างสมบูรณ์
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาหันกลับไปจับจ้องยังเครื่องรางวิญญาณอีกครั้ง ความรู้สึกง่วงก็กลับมาภายในเวลาไม่กี่ลมหายใจ…
หลังจากพยายามสองครั้ง เอี้ยนลี่เฉียงก็สามารถระบุได้ค่อนข้างมากว่าภาพลวงตาที่เขาติดอยู่ในตอนนี้อาจเกี่ยวข้องกับเครื่องรางวิญญาณนั้น
เจดีย์แก้วนี้เต็มไปด้วยกับดัก ไม่รู้ว่าใครเป็นคนตั้งพวกมันไว้ แม้แต่คนที่ระมัดระวังที่สุดก็อาจตกเป็นเหยื่อของพวกมันได้ เช่นเดียวกับภาพลวงตาที่เห็นในตอนนี้
ถ้าเขาไม่ตื่นขึ้นเนื่องจากสถานการณ์พิเศษของเขา เขาอาจจะตกลงไปในนั้นทันที
เอี้ยนลี่เฉียงแอบรู้สึกหนาวๆที่กระดูกสันหลังของเขา
ไม่มีอะไรอื่นบนชั้นแรกเอี้ยนลี่เฉียงมองไปรอบๆและพบทางเข้าอื่นในห้องที่ดูเหมือนจะพาขึ้นไปชั้นบน เขาเดินไปมาและเห็นประโยคหนึ่งที่ข้างทางเข้า
'ผู้ที่ไม่จมอยู่กับความรักได้รับอนุญาตให้ขึ้นไปชั้นบนได้'
เอี้ยนลี่เฉียงขึ้นบันไดอย่างระมัดระวัง
ชั้นสองของเจดีย์มีประตู เอี้ยนลี่เฉียงผลักมันออกแต่ไม่พบความมืดที่อยู่หลังประตู แต่เป็นห้องสว่างและกว้างขวางที่มีโต๊ะอยู่ในนั้น
หลังจากแน่ใจว่าไม่มีกับดักลวงตาหรือสิ่งที่คล้ายกันกับก่อนหน้านี้ เขาก็เข้าไปในห้องโดยไม่ลังเล
ทันทีที่เขาเข้ามา ประตูที่อยู่ด้านหลังก็ถูกปิดทันที
ดูเหมือนจะมีอย่างอื่นอยู่บนโต๊ะในห้อง ดังนั้นเอี้ยนลี่เฉียงจึงเดินตรงไป เขาพบว่ามันเป็นโต๊ะเหล็กและบนนั้นก็มีที่วางกุญแจสีดำ แดง และขาวขนาดเท่าฝ่ามือห้อยลงมาจากโต๊ะ
ในเวลาเดียวกันก็มีโน้ตอยู่บนโต๊ะโลหะด้วย
'มีสามกุญแจที่ใช้เปิดผนังด้านซ้ายถัดจากทางเข้าของห้องนี้ แต่ละอันสามารถใช้เปิดได้เพียงห้องเดียว และสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในคือวิชากระบี่ที่แตกต่างกัน
'วิชากระบี่มังกรตลบ' 'วิชากระบี่หงส์ผงาด' และ 'วิชากระบี่จันทร์ร่วง' ตามลำดับ
ผู้ที่ไม่ต้องการขึ้นไปชั้นบนอาจเลือกคู่มือลับพวกนี้และเดินหันหลังออกไป ผู้ที่ต้องการขึ้นชั้นบนสามารถเลือกแม่กุญแจจากหนึ่งในนั้นแล้วใช้เพื่อเปิดขึ้นสู่ชั้นต่อไป
มีกุญแจดอกเดียวในสามดอกที่สามารถเปิดประตูได้ โอกาสของเจ้าที่จะทำสำเร็จมีเพียงหนึ่งในสาม ผู้ที่เลือกกุญแจผิดจะไม่สามารถได้รับคู่มือลับหรือไปยังระดับถัดไปได้'
เอี้ยนลี่เฉียงละสายตาจากโน้ตบนโต๊ะขณะที่เขาเริ่มลังเลทันที
อะไรวะ!
หากผู้ที่มาที่นี่หยุดที่นี่ พวกเขาจะต้องเดินจากไปพร้อมคู่มือวิชากระบี่ลับเล่มหนึ่ง หากคิดจะขึ้นไปสู่ชั้นต่อไปและเลือกผิดพวกเขาจะไม่ได้รับอะไรเลย
นี่คือการเดิมพันทั้งหมด ประการแรกด้วยโชคและประการที่สองด้วยความกล้าหาญ
เอี้ยนลี่เฉียงมองดูกุญแจสามดอกบนโต๊ะ เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วหยิบกุญแจสีดำขึ้นมาอย่างเด็ดเดี่ยว
กุญแจมีน้ำหนักมากหนักเกือบครึ่งจิน เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงหยิบมันขึ้นมา โต๊ะทั้งหมดก็ทรุดตัวลงกับพื้นโดยที่เขาไม่ทันมีปฏิกิริยาอย่างอื่น
เอี้ยนลี่เฉียงมองไปที่แม่กุญแจสามสี จากนั้นไปที่ประตูทางเข้าชั้นถัดไป เขากัดฟันเดินตรงไปที่ประตูนั้น และยัดลูกกุญแจใส่แม่กุญแจแล้วเปิดออก
คลิก!
เอี้ยนลี่เฉียงสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วบิดไปทางขวา
เขารอครึ่งนาที แต่ประตูไม่ขยับ เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงคิดว่าเขาเลือกกุญแจผิด ประตูที่ปิดอยู่ก็เปิดออกเล็กน้อยพร้อมกับเผยให้เห็นตัวหนังสือที่ติดอยู่บนผนัง
"ผู้ที่ไม่มีความกล้าหาญหรือไม่มีโชคไม่สามารถขึ้นไปบนชั้นสาม .'
เอี้ยนลี่เฉียงก็ขึ้นไปที่ชั้นสาม…