309-310
1/10
Ep.309
ซูเฉินนั่งลงบนเก้าอี้คนขับ แม้สองตาหุบลงเหมือนหลับพักผ่อน แต่อันที่จริงเขากำลังเปิด [ร้านค้าวันสิ้นโลก] อยู่
ชิ้นส่วนล็อตหลังที่เขาหยิบขึ้นมา ส่วนใหญ่แล้วถูกแปลงเป็นแต้มพลังงาน ส่งผลให้แต้มพลังโดยรวมอยู่ที่ 12,000 แล้ว
เวลานี้ เขาสามารถแลกเปลี่ยน [เทคนิคลับร้อยเท่าสะท้านฟ้า] , [มังกรศักดิ์สิทธิ์ขนเพลิงมายา] , [กระบี่แยกฟ้าแห่งความโกลาหล] หรือ [ทักษะต่อสู้หมื่นแสงสิบเงาสะท้อน] อย่างใดอย่างหนึ่งได้แล้ว
ในส่วนของ[ใบมีดแห่งจิตสำนึกศักดิ์สิทธิ์] , [เกราะเทพสงคราม] และ[ดาบศักดิ์สิทธิ์ซวนหยวน] เขาสามารถใช้แต้มที่มี แลกมันได้ถึงสองในสาม
ซูเฉินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายตัดสินใจใช้ 10,000 แต้มพลังงานเพื่อแลกกับ [เทคนิคลับร้อยเท่าสะท้านฟ้า]
หลังจากแลกเปลี่ยนได้ไม่นาน ข้อมูลของมันก็ถูกส่งเข้ามาในหัวเขา
[เทคนิคลับร้อยเท่าสะท้านฟ้า] ก็เหมือนกับ [กายาเทพอสูรนิรันดร์] ทั้งคู่เป็นเทคนิคทางกายภาพ
ที่ต่างกันก็คือ [กายาเทพอสูรนิรันดร์] มุ่งไปในทิศทางขัดเกลาร่างกายให้แข็งแกร่งทนทานยิ่งขึ้น ขณะที่ [เทคนิคลับร้อยเท่าสะท้านฟ้า] มุ่งไปในทิศทางเพิ่มพละกำลังของเขา
มันสามารถเพิ่มพูนพละกำลังเป็นร้อยเท่า โดยอ้างอิงจากพละกำลังของตัวเขา
ตัวอย่างเช่น สมมุติว่าเดิมซูเฉินสามารถยกของหนักได้ 100 จิน แต่หลังจากเขาเปิดใช้งาน [เทคนิคลับร้อยเท่าสะท้านฟ้า] เขาจะสามารถยกวัตถุได้เป็น 10,000 จิน
แน่นอน ด้วยความแข็งแกร่งในฐานะผู้วิวัฒนาการเลเวล 4 ของซูเฉิน หากคิดระเบิดพละกำลังออกมาอย่างเต็มที่ จะสามารถยกวัตถุที่มีน้ำหนักอย่างน้อย 1,000 จินได้
หรืออีกความหมายก็คือ หลังจากเปิดใช้งาน [เทคนิคลับร้อยเท่าสะท้านฟ้า] พละกำลังของซูเฉินจะเพิ่มพูนขึ้นจนสามารถยกวัตถุหนักได้สูงสุด 100,000 จิน!
ปัจจุบันนี้ เขาสามารถทุบผู้คนด้วย [หินบดดาราเทียนกัง] หรือ [อุกกาบาตเพลิงปฐพี] ได้ง่ายดายดั่งพลิกฝ่ามือ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า หลังจากปลดล็อค [เทคนิคลับร้อยเท่าสะท้านฟ้า] กำลังรบของซูเฉินได้ก้าวกระโดดไปอีกขั้น
บนเส้นทางแห่งความไร้เทียมทาน เขาได้ก้าวออกไปข้างหน้าเพิ่มอีกก้าวแล้ว
“นี่มันยอดไปเลย!”
ซูเฉินกำหมัดแน่น ไม่อาจปกปิดความตื่นเต้นเอาไว้ได้
หลังจากข่มสติอารมณ์ เขาลืมตาขึ้นมองไปยังหน้าจอควบคุมส่วนกลาง และเริ่มค้นหาที่อยู่ของซอมบี้และสัตว์กลายพัน
แต่น่าเสียดาย ไม่มีจุดสัญญาณสีแดงปรากฏขึ้นบนหน้าจอเลย
ขอบเขตการสำรวจของ [รถศึกอัจฉริยะ] คือ 200 กิโลเมตร ซึ่งหมายความว่าไม่มีซอมบี้หรือสัตว์กลายพันธุ์อยู่ภายในรัศมีเลย
หากปราศจากซอมบี้ให้ฆ่า ก็ไม่ได้รับเศษชิ้นส่วน ซึ่งซูเฉินไม่ยินดีที่จะปล่อยให้เป็นเช่นนี้
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็กลับมาให้ความสนใจกับเผ่าเต่าเขียว
เต่าเขียวที่หนีรอดไปได้ พวกมันคงหนีกลับไปยังหลุมเหมืองในเทือกเขาฮวงเจ๋อแน่ๆ
นอกจากนี้ ยังมีทางผ่านเขตแดนไปยังทวีปเผ่าเต่าเขียวอยู่ในหลุมเหมืองอีกด้วย
ทางผ่านเขตแดนมีความสำคัญต่อเผ่าเต่าเขียวเป็นอย่างยิ่ง
หากซูเฉินเข้าไปทำลายทางผ่านเขตแดนนี้ พวกเต่าเขียวมีหรือจะไม่ยอมออกมาหยุดยั้ง?
เผ่าเต่าเขียวมีประชากรอยู่นับล้าน แล้วพวกมันทั้งหมดจะทนดูทางผ่านเขตแดนถูกทำลายลงได้อย่างไร?
ถึงเวลานั้น ซูเฉินก็จะสามารถล่าเผ่าเต่าเขียวได้ตามใจชอบ
คิดได้แบบนี้ มุมปากของซูเฉินยกสูงขึ้น เอ่ยสั่ง [รถศึกอัจฉริยะ] “เสี่ยวจือ ไปที่หลุมเหมืองในเทือกเขาฮวงเจ๋อ”
“น้อมรับคำสั่ง”
[รถศึกอัจฉริยะ] สตาร์ทเครื่อง ล็อคเป้าหมายมุ่งสู่เทือกเขาฮวงเจ๋อ
ระยะทางจากเมืองจิงกังไปยังเทือกเขาฮวงเจ๋อ กว้างไกลถึง 1,000 ไมล์ แต่ด้วยความเร็วของรถศึกอัจฉริยะในตอนนี้ มันใช้เวลาแค่ราวๆ 10 ชั่วโมงเท่านั้น
ซูเฉินไม่รีบร้อน ยังไงพวกเต่าเขียวก็ไม่มีทางหนีพ้นไปจากเงื้อมมือเขา
ส่วนเวลาว่างเว้นนี้ ก็ขอพักผ่อนให้เต็มคราบก่อนแล้วกัน
ต่อมา ซูเฉินหยิบ [หม้อแรงดันอเนกประสงค์] และ [เตาอเนกประสงค์] ออกมาเตรียมอาหาร
โดยไม่สนว่าจะเป็นเวลาทานอาหารหรือไม่ หลังผ่านการต่อสู้ครั้งใหญ่ หากมีอะไรตกถึงท้อง คงดีกว่ารอจนถึงเวลา
…
ตกดึก [รถศึกอัจฉริยะ] ค่อยๆชะลอความเร็วลง มันขับมาถึงช่วงปลายขอบของอาณาเขตเทือกเขาฮวงเจ๋อแล้ว
ซูเฉินไม่ต้องการต่อสู้กับเผ่าเต่าเขียวตอนกลางคืน ดังนั้นเขาขอให้รถศึกหาที่เหมาะๆ จอดพักผ่อน
หลังจากหลับเต็มอิ่มทั้งคืน วันรุ่งขึ้น พวกเขาก็มุ่งหน้าเข้าสู่เทือกเขาฮวงเจ๋อ
2/10
Ep.310
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ขณะ [รถศึกอัจฉริยะ] กำลังจะขับเข้าไปในเขตพื้นที่เหมือง
ซูเฉินก็พบว่าบนหน้าจอควบคุมส่วนกลาง ในสถานที่ตั้งของเหมือง เวลานี้ถูกล้อมรอบไปด้วยจุดสัญญาณสีแดงและสีดำจำนวนมาก
เดิมเข้าเดาว่าพวกเต่าเขียวคงไปรวบรวมซอมบี้มอีกแล้ว แต่เมื่อเข้ามาใกล้เหมือง เขาก็พบว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่คิด
เผ่าเต่าเขียวหลายพันตัวกำลังออกันอยู่หน้าหลุมเหมือง แต่ไม่เห็นซอมบี้เลยแม้แต่ตัวเดียว ตรงกันข้าม กลับมีสัตว์กลายพันธุ์รวมกลุ่มกันนับพันตัว
“เผ่าเต่าเขียวทำไมถึงอยู่รวมกับพวกสัตว์กลายพันธุ์ได้?”
สมาชิกคนอื่นๆรู้สึกสับสนเล็กน้อย
ในตอนนั้นเอง ซูเฉินพลันนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นได้ เมื่อช่วงก่อน ตอนเกิดคลื่นสัตว์ร้ายและคลื่นซอมบี้ปะทุขึ้นที่นี่ พวกมันทั้งสองฝ่ายเคยแสดงพฤติกรรมเหมือนว่าร่วมมือกัน
พอได้มาเห็นภาพนี้อีกครั้ง ซูเฉินเลยคิดว่า จะเป็นไปได้ไหม ที่เผ่าเต่าเขียวมีความสามารถในการควบคุมทั้งซอมบี้และสัตว์กลายพันธุ์
“ซูเฉิน พวกเราจะทำยังไงกันดี?” หวู่หยางถาม
ดูเหมือนว่าพวกเต่าเขียวและสัตว์กลายพันธุ์จะเตรียมพร้อมอยู่นานแล้ว เมื่อเห็นรถของซูเฉิน พวกมันอดตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิมไม่ได้
แม้ซูเฉิน จะรู้สึกตะหงิดใจอยู่บ้าง แต่เขาไม่หวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย หันไปกล่าวกับรถศึก “เสี่ยวจือ ขับเข้าไปได้เลย”
“รับทราบ”
[รถศึกอัจฉริยะ] ขับตรงไปข้างหน้า ก่อนจอดลงทิ้งระยะห่าง 10 เมตรกับฝั่งเต่าเขียว
ซูเฉินสั่งให้คนอื่นๆอยู่ในรถ มีเพียงเขาและ [นักรบจักรกล] ที่เดินลงมา
“เป็นไปตามที่เราราชาคาดไว้ มนุษย์ ในที่สุดเจ้าก็มาหาที่ตาย!”
ซูเฉินเพิ่งก้าวลงจากรถ เต่าสีเขียวเข้มที่อยู่ในฝูงเผ่าตรงข้าม ได้ก้าวออกมา คำรามใส่ซูเฉิน
ซูเฉินปาดจมูกเขา มองอีกฝ่าย เอ่ยอย่างไม่แยแสว่า “แกน่ะหรอผู้นำของพวกเต่าเขียว?”
การที่เรียกตัวเองว่าเป็นราชา นั่นหมายความว่ามันมีสถานะสูงมากในเผ่าเต่าเขียว เขาเลยสงสัยว่าอีกฝ่ายน่าจะเป็นหัวหน้าเผ่าเต่าเขียว
“ไอ้หนู เราราชายังเป็นใครอื่นไปได้อีก หากมิใช่ประมุขเผ่า!”
เต่าสีเขียวเข้มตอบกลับอย่างภาคภูมิใจ แต่แล้วสีหน้าเริ่มหม่นหมองอีกครั้ง “ไอ้หนู คราวนี้เจ้าตกอยู่ในมือเราราชาแล้ว มาดูกันว่าจะหนีรอดไปได้อย่างไร!”
สิ้นเสียง มันเหลือบตามองไปรอบๆ เผ่าเต่าเขียวที่อยู่ใกล้ๆกระโจนออกไปทันที ล้อมรอบซูเฉินและ [รถศึกอัจฉริยะ] เอาไว้
ท่าทีดุร้ายและก้าวร้าวของเต่าเขียว ทำให้ซูเฉินรู้สึกงงุนงงเล็กน้อย
ตามหลักเหตุผลแล้ว เมื่อได้รับรายงานว่าเขาเคยสำแดงดาบเดียวสามารถปลิดชีพได้นับร้อย อีกฝ่ายสมควรรู้ว่าไม่มีทางสู้เขาได้
แล้วเหตุใดพวกมันถึงกล้าอวดดีต่อหน้าเขาเช่นนี้?
เดิมซูเฉินคิดว่าอีกฝ่ายคงมีผู้วิวัฒนาการเลเวล 4 อยู่ เลยไม่หวาดกลัวเขา
แต่ความสงสัยก็เป็นแค่ความสงสัย ซูเฉินไม่ได้จริงจังกับมัน แสยะยิ้มกลับไป “คิดจริงๆหรือว่าแค่พวกทหารกุ้งฝอยกลุ่มนี้จะฆ่าฉันได้?”
หัวหน้าเผ่าเต่าเขียวแค่นเสียงฮึ่ม! เอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ข้ายอมรับในความแข็งแกร่งของเจ้า อย่างไรก็ตาม เจ้ามันบ้าระห่ำเกินไป! ไม่รู้หรือ เหนือฟ้ายังมีฟ้า ยังมีตัวตนอีกมากมายในโลกนี้ที่สามารถฆ่าเจ้าได้”
“ฮี่ ฮี่”
สิ้นเสียง เบื้องหลังเขาก็ปรากฏเสียงหัวเราะเย็นยะเยือกดังข้ามมา
แทบจะในทันทีหลังจากนั้น ชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างเหมือนไม้แห้ง แต่มีผิวสีดำได้ก้าวก้าวออกมาอย่างช้าๆ
สัมผัสได้ถึงบรรยากาศแห่งความตายที่ห่อหุ่มร่างกายอีกฝ่าย คิ้วของซูเฉินขมวดมุ่น กล่าวว่า “นี่แกมาจากเผ่าอมตะ?”
ในตอนอยู่เมืองอี้เถียน เขาเคยสังหารเผ่าอมตะไปสามตน
ชายวัยกลางคนที่อยู่เบื้องหน้า ไม่ว่ามองจากมุมไหน จะรูปลักษณ์หรือกลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมา ล้วนมีความคล้ายคลึงกับพวกเผ่าอมตะทั้งสิ้น
“ไอ้หนู เหตุใดเจ้าจึงรู้จักเผ่าอมตะด้วย?”
ชายวัยกลางคนขมวดคิ้วอย่างแรง ดวงตาที่เย็นชาเริ่มกลับกลอกไปมา
ซูเฉินเบ้ปาก หัวเราะลั่น “ไม่ใช่แค่รู้จักหรอกนะ แต่ยังเคยฆ่ามาแล้วถึงสามศพ กำลังรบของพวกมันอ่อนแอเกินไป แค่เลเวล 3 เท่านั้น ... ฉันหวังว่าแกจะเก่งกว่าพวกมันนะ”