ตอนที่แล้ว80Y-ตอนที่ 35 รอสายฝน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป80Y-ตอนที่ 37 ทัศนคติของเหล่านิกายพุทธ

80Y-ตอนที่ 36 ฝึกฝนบนเตียงหยกและทะลวงผ่าน


ทุกคนต่างรอฝนแห่งยุคสมัยใหม่มาทาง

ในเมืองหลวงของราชวงศ์ มี หลินจิ่วเฟิง

ใราชวงศ์หยานที่ยิ่งใหญ่ มี สตรีศักดิ์สิทธิ์

ในมณฑลเจียงหนาน มี นักบวช จากวัดเส้าหลิน

ในสถานที่อื่น ๆ อีกหลายแห่ง ได้มีหลายคนที่รับรู้การมาถึงของฝนนี้ด้วยวิธีการต่าง ๆ

ลานที่พักตำหนักเย็น

หลินจิ่วเฟิง กำลังคำนวณเวลา

เขากำลังคำนวณเวลาที่ฝนจะมาถึง

‘ตั้งแต่ที่ข้ามาถึงที่นี่ พลังปราณทางโลกก็ค่อย ๆ ฟื้นตัว แต่ทว่าการฟื้นตัวก็กลับเชื่องช้าอย่างมาก หลังจากผ่านไป 25 ปี พลังปราณทางโลกก็เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น’ หลินจิ่วเฟิง ได้ครุ่นคิดอย่างเงียบ ๆ

นี่คือเหตุผลที่บรรดาผู้ที่เข้าสู่ขั้นปราชญ์การต่อสู้ส่วนใหญ่ ติดอยู่ในช่วงแรก ‘ทำความเข้าใจ’

แม้แต่ หลินจิ่วเฟิง ก็ไม่เว้น เขาได้ติดอยู่ในขั้น ทำความเข้าใจ เป็นระยะเวลาถึง 5 ปีเต็ม หากไม่ใช่เพราะเขาได้มีโอกาสเดินทางไปยังที่ราบทางตะวันตกและเคลื่อนไหวด้วยกระบี่ในครั้งนั้น เกรงว่าเขาคงไม่อาจเข้าสู่ช่วง ‘ตระหนักรู้ในชีวิต’

ตอนนี้เขาได้ติดอยู่ในช่วง ‘ตระหนักรู้ในชีวิต’

เห็นได้ชัดว่าพลังปราณทางโลกนั้นเชื่องช้าเพียงใด

การฟื้นตัวของพลังทางโลกช้ามากจนเขาเริ่มวิตกกังวล

ตั้งแต่ต้นฤดูหนาวที่ผ่านมาจนถึงฤดูใบไม้ผิดของปีนี้ ทั่วโลกต่างระสับระส่ายอยู่ตลอดเวลา

คนธรรมดาคงไม่สามารถมองเห็นเพราะไม่มีความสามารถในการรับรู้

มีเพียงปราชญ์การต่อสู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่สังเกตุเห็นมัน

เมื่อการเตรียมการสิ้นสุดลง โลกก็จะสามารถฟื้นคืนพลังปราณทางโลกกลับมาได้อย่างมหาศาลอีกครั้ง

ดังนั้น หลินจิ่วเฟิง จึงตั้งหน้าตั้งตารอฝนที่จะมาถึงนี้

เจ้าแมวขาวได้นอนอยู่ใกล้หน้าต่าง มันไม่รู้จริง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น เนื่องจาก หลินจิ่วเฟิง กล่าวว่าคืนนี้ฝนจะตก มันจึงเลือกมานอนใกล้เขาและรอฝนที่จะมาถึงนี้

ราตรีที่มืดมิดได้มาถึงอย่างรวดเร็ว เหล่าดวงดาราบนท้องฟ้าได้ส่องสว่างเป็นพิเศษ

แจงจันทร์เองก็ยังคงสาดทอแสงลงมามากกว่าปกติ

วันนี้คล้ายกับปฏิทินจีน ขึ้น 15 ค่ำเดือน 1

เจ้าแมวขาวมองไปที่ หลินจิ่วเฟิง อย่างสับสน

วันนี้จะมีฝนตกจริงงั้นเหรอ?

หลินจิ่วเฟิง ได้หลับตาลง เขาได้ปรับสภาพร่างกายของตนเองให้อยู่ในระดับสูงสุด

เมื่อฝนมาถึงเขาก็จะสามารถฝ่าฟันไปยังช่วงต่อไปได้

เวลาได้ผ่านไปอย่างช้า ๆ

ในที่สุด เทียงคืนก็มาถึง ดวงจันทร์ได้เคลื่อนผ่านอวกาศในเวลาไม่กี่ชั่วยามต่อมา

บูม!

ในเวลานี้ เสียงอัสนีได้ดังกึกก้องไปทั่วโลก ราวกับว่า พระเจ้ากำลังโหมกระหนำความโกรธและคำรามใส่โลกใบนี้

สายฟ้าได้ฟาดผ่าลงมาโลกเบื้องล่างกระทบกับพื้นดิน

เปรี้ยง! ติง ติง

จากนั้นไม่นาน หยาดฝนก็เริ่มตกลงมากระทบกับชายคา

เจ้าแมวขาวมองดูอย่างแปลกใจ มีฝนตกจริง ๆ

มันอดไม่ได้ที่จะโผล่หัวออกไปเพื่อมองดู

ติงติง!

แต่ในวินาทีต่อมา พายุฝนก็โหมกระหนำเข้าสู่ใบหน้าของมัน

ขนของมันได้เปียกโดยไม่ทันระวัง

เจ้าแมวขาวรีบดึงหัวกลับมาและสบัดศีรษะเพื่อเอาน้ำฝนออก

แต่ทันใดนั้น ตัวมันก็แข็งทื่อในทันที

เหตุใดจึงมีพลังปราณทางโลกจำนวนมากผ่านน้ำฝนเหล่านั้น

พลังงานทางโลกนี้มากมายจนแทบไม่อยากจะเชื่อ

เจ้าแมวขาวอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ หลินจิ่วเฟิง

เพียงแต่ หลินจิ่วเฟิง ได้ตกอยู่ในสภาวะการฝึกฝนของเขาแล้ว

เมื่อฝนตกลงมา พลังงานทางโลกก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย

พายุฝนเหล่านี้ได้โหมกระหน่ำไปทั่วอาณาจักรของมนุษย์

ทั่วทั้งโลกได้รับพลังการหล่อเลี้ยงขึ้นมาอีกครั้ง

นี่คือของขวัญจากสวรรค์สู่โลกเบื้องล่าง

หลินจิ่วเฟิง ได้เริ่มดูดซับพลังปราณทางโลกในอากาศ ร่างกายของเขาได้เข้าสู่สภาวะการฝึกฝนที่ลึกล้ำ

เปรี้ยง!

ข้างนอกมีฟ้าร้องฟ้าแลบ ตามมาด้วยหยาดฝนและสายลมที่รุนแรง

ภายในลานที่พัก หลินจิ่วเฟิง ได้นอนลงบนเตียงหยกน้ำแข็ง ขณะที่ รับฟังเสียงฝนระหว่างที่เขากำลังทะลวงไปยังช่วงต่อไป

เจ้าแมวขาวได้เรียนรู้จากเขา มันรู้ดีว่า หลินจิ่วเฟิง ฉลาดกว่ามัน ดังนั้น มันจึงได้เรียนรู้จาก หลินจิ่วเฟิง และ เริ่มทำการฝึกฝน

มันยังต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้น

มันต้องการเอาชนะ หลินจิ่วเฟิง และ เหยียบศีรษะอีกฝ่ายไว้ใต้อุ้งเท้าของมัน

มันต้องการแสดงพลังของมันให้หลินจิ่วเฟิงเห็น

เจ้าแมวขาววางแผนจะแก้แค้น หลินจิ่วเฟิง สำหรับการเรียกอย่างต่อเนื่องที่มาหาว่าลายมือของมัน ‘น่าเกลียด’

ในคืนนี้ เหล่าผู้บ่มเพาะพลังนับไม่ถ้วนต่างก็ประหลาดใจเมื่อค้นพบว่าพลังความเข้มข้นของพลังปราณทางโลกเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด

50 เท่า…

100 เท่า…

หรือแม้แต่หลาย 100 เท่า…

บางคนได้สูดอากาศหายใจในการรับพลังปราณเหล่านี้ไป จากนั้นพวกเขาก็ตะโกนออกมาด้วยความประหลาดใจ

กระทั่งผู้สูงอายุบางคนที่ใกล้ตาย พวกเขารู้สึกมีความทะเยอทะยานมากขึ้น เดิมร่างกายของพวกเขาไม่เพียงพอที่จะเติมเต็มความทะเยอทะยานของพวกเขา ทุกคนได้ยอมรับความตายของพวกเขาในช่วงชีวิตสุดท้าย

แต่แล้ว พลังปราณทางโลกที่หลั่งไหลเข้ามาสู่ร่างกายผ่านสายฝนนี้กลับทำให้ร่างกายที่เหี่ยวเฉาของพวกเขากลับมาชุ่มชื้นอีกครั้ง

พวกเขาได้รับการฟื้นฟู

พวกเขาได้รับลูกกุญแจในการปลดพันธนาการกุญแจมือที่ผูกมัดเขาเอาไว้

ตอนนี้พวกเขามีโอกาสที่จะทะลวงขั้นการบ่มเพาะพลังโดยตรง เพื่อได้รับโอกาสในการใช้ชีวิตอีกครั้ง

เหล่าผู้สูงอายุเหล่านี้ต่างหลั่งน้ำตาออกมา

ผู้สูงอายุบางคนถึงกับตะโกนออกมา“ข้ายังสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีก 500 ปี!”

ผู้อาวุโสบางคนที่อยู่อย่างสันโดษมาตลอดหลายร้อยปีในนิกายและตระกูลต่าง ๆ พวกเขาได้คลานออกมาจากโลงศพของพวกเขาทีละคน

“นี่เป็นโลกที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง”

“นี่คือโลกแห่งการบ่มเพาะพลัง ข้าสามารถทิ้งตำนานไว้ที่โลกใบนี้ได้อีกครั้ง”

“ยุคสมัยใหม่ได้มาถึงแล้ว สิ่งนี้ได้ถูกเขียนตั้งแต่สมัยโบราณว่า พลังงานทางโลกจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นเรื่อย ๆ และ กลับสู่สภาวะสูงสุดเฉกเช่นเมื่อ 1,500 ปีที่แล้ว ในที่สุด การรอคอยของข้าก็มาถึง”

“มันไม่เสียเปล่าที่ข้าเฝ้ารอมาตลอด 500 ปี ข้าสามารถกลับไปสู่โลกหล้าได้อีกครั้ง”

“ในระยะเวลา 500 ปีข้างหน้านี้ ทั่วทั้งโลกจะบูชาข้าในฐานะพระเจ้าองค์ใหม่ของพวกเขา!”

เหล่าผู้อาวุโสต่างพูดกันโดยไม่มีข้อยกเว้น ฐานการบ่มเพาะพลังของพวกเขาสูงมาก

คืนนี้ ร่างกายของพวกเขาได้รับการฟื้นฟู

จากนั้นพวกเขาก็บุกทะลวงขั้นปราชญ์การต่อสู้โดยตรง

และบางคนถึงกับกำลังทะลวงขั้นพลังที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ

ทางราชวงศ์หยานที่ยิ่งใหญ่ วิหารของสตรีศักดิ์สิทธิ์

สตรีศักดิ์สิทธิ์ยังคงดูดซับพลังงานทางโลกในอากาศเช่นเดียวกัน

นางอดไม่ได้ที่จะแสดงความคิดเห็นออกมาอย่างพึงพอใจ“ยุคสมัยใหม่ได้มาถึงแล้ว”

“นี่เป็นจุดเริ่มต้นหลังจากที่พลังปราณทางโลกได้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง จากนี้ไปทั่วทั้งโลกจะกลายเป็นโกลาหลมากขึ้น แม้ว่าข้าจะเข้ามายังโลกนี้เมื่อหลายปีก่อน และ สร้างรากฐานเอาไว้ แต่มันก็เทียบไม่ได้เมื่อเทียบกับอนาคตต่อจากนี้!”

จากนั้นนางก็เริ่มการฝึกฝน เมื่อ แสงสว่างจากฟากฟ้าได้ส่องสว่างลงมาโลกเบื้องล่าง ฐานการบ่มเพาะพลังของนาง ก็ทะลวงเข้าสู่ ขั้นปราชญ์การต่อสู้

เพียงแต่นางไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น นางยังคงฝึกฝนต่อไป

เมืองหลวงราชวงศ์

เหล่ามหาอำนาจภายในราชวงศ์ต่างดูดซับพลังปราณทางโลกกันอย่างเมามัน รวมถึง หลินเทียนหยวน ผู้ซึ่งค้นพบว่าตนเองมีโอกาสที่จะทะลวงขั้นปราชญ์การต่อสู้

เขาจะปล่อยโอกาสที่ดีเช่นนี้ไปได้อย่างไร

คืนนี้ไม่มีการรบราฆ่าฟัน

ไม่มีการทะเลาะวิวาทและไม่มีใครมาก่อกวน

ทุกคนต่างมุ่งเน้นไปที่การฝึกฝนของพวกเขา

และพวกเขาก็ประสบความสำเร็จในการฝึกฝนพร้อมเพรียงกัน

ในตำหนักเย็น

ร่างของเจ้าแมวขาวได้เปล่งประกายราวกับตะเกียงไฟ ลึกลงไปในแสงเหล่านี้ มีร่องรอยของพลังปราณที่ดูดซับกลับมา ขณะที่มันกลืนกินสมบัติเหล่านั้นในพระราชวังใต้ดิน

ตอนนี้มันได้เกิดใหม่อย่างสมบูรณ์

สำหรับ หลินจิ่วเฟิง ไม่มีปรากฏการณ์ใด ๆ ปรากฏขึ้นกับเขา

หากเป็นเรื่องธรรมดา ปรากฏการณ์เหล่านี้ย่อมปรากฏขึ้นกับเขาอย่างแน่นอน

ในเวลานี้ เขายังอยู่บนเตียงหยกน้ำแข็ง ขณะที่กำลังสร้างความก้าวหน้าในการบ่มเพาะพลังครั้งใหญ่

พลังปราณที่เขาสั่งสมมาตลอด 20 กว่าปี ควบคู่ไปกับทักษะบ่มเพาะพลังปีศาจทั้งสอง และ ทักษะกระบี่ 2-3 อัน ยังมีทักษะอื่น ๆ นับไม่ถ้วนที่เขาได้รับมาจากการลงชื่อเข้าใช้สถานที่…

ทั้งหมดมวลนี้ได้ตีกันอย่างบ้าคลั่งภายในร่างกายของเขา

ตอนนี้มันพยายามปรับทำความเข้าใจกันและกันและผสานเข้าด้วยกัน

หลินจิ่วเฟิง ได้ลืมตาตื่นขึ้นในทันที

ดูเหมือนเขาจะมองเห็นปลาที่ว่ายน้ำอยู่ในมหาสมุทรปราณของเขาอย่างมีความสุข

ในตอนนี้เขาได้ไปถึงช่วง ‘ข้ามผ่าน’ ของขั้นปราชญ์การต่อสู้แล้ว

ต่อไปก็เป็นขั้น ‘เส้นทางการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่’

ซึ่งมันเป็นช่วงสุดท้ายของ ขั้นปราชญ์การต่อสู้

นี่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาอีกต่อไป

ด้วยความช่วยเหลือของ ทักษะบ่มเพาะพลังเทพปีศาจ และ หนังสือปีศาจโบราณ การทะลวงขั้นพลังไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาอีกต่อไป

ผ่านไปเพียงคืนเดียว ทั่วทั้งโลกต่างเปลี่ยนไปอย่างมาก

ผู้บ่มเพาะพลังนับไม่ถ้วนต่างพัฒนาความก้าวหน้าของตนเองไปสู่ขั้นถัดไป

แม้แต่คนธรรมดาทั่วไป พลังงานทางโลกเหล่านี้ก็ได้รักษาความเจ็บป่วยและอาการบาดเจ็บเรื้อรังของพวกเขา

เหล่าผู้สูงอายุที่ป่วยหนักได้ฟื้นคืนชีพกลับมา

ผู้ป่วยใกล้ตายก็ได้รับการไถ่ชีวิตคืนมาเช่นเดียวกัน

เหล่าเด็ก ๆ ได้ฉลาดขึ้น

นี่เป็นสัญญาณของยุคสมัยใหม่อย่างชัดเจน

ดังนั้น เพื่อรับมือกับการมาถึงของ ยุคสมัยใหม่ สิ่งแรกที่ หลินเทียนหยวน ทำคือการมาหา หลินจิ่วเฟิง

เขารู้ว่าในยุคสมัยใหม่นี้ ความแข็งแกร่งของแต่ละคนจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก และถึงแม้ว่าเขาจะไม่กล้าพูดว่ามีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นปราชญ์การต่อสู้อยู่ทุกที่ แต่มันก็ไม่ได้หายากขนาดนั้นอีกต่อไป

ดังนั้นเขาควรจะดำเนินการตามแผนของเขาต่อไปหรือไม่?

หลินเทียนหยวน ต้องการคำแนะนำจาก หลินจิ่วเฟิง

แต่ หลินจิ่วเฟิง ไม่ได้ออกมาพบเขา

อีกฝ่ายยังคงจมดิ่งกับการฝึกฝนของเขาในขณะนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่มีเวลาออกมาพบเจอ

“ทุกอย่างให้จัดการตามปกติ เพียงแต่เจ้าต้องพยายามมากขึ้นในการฝึกฝนสำหรับตัวเอง”

หลินจิ่วเฟิง ได้พูดกับ หลินเทียนหยวน ขณะที่ ประตูตำหนักเย็นยังคงปิดอยู่

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด