394 - เจดีย์ในถ้ำกระบี่
394 - เจดีย์ในถ้ำกระบี่
เมื่อประตูเหล็กขนาดใหญ่ปิดลงข้างหลัง เอี้ยนลี่เฉียงก็กระโดดขึ้น เขาอดไม่ได้ที่จะหยุดและหันกลับไปมองข้างหลัง
ประตูเหล็กปิดสนิทและจะเปิดได้หลังจากผ่านไปหนึ่งสัปดาห์เท่านั้น ดังนั้นเขาจึงต้องอยู่ในถ้ำกระบี่อีกเจ็ดวันโดยที่ไม่มีทางออกจากสถานที่แห่งนี้ได้
ศิษย์หลายคนในนิกายปรารถนาโอกาสที่จะเข้าไปในถ้ำกระบี่ เพราะหากพวกเขาโชคดีพอ พวกเขาจะสามารถได้รับวิชากระบี่อันทรงพลัง
หากพวกเขาโชคร้ายไม่เพียงแต่พวกเขาจะเดินจากไปด้วยมือเปล่าเท่านั้น พวกเขาอาจสร้างปัญหาให้กับผู้อาวุโสคนอื่นที่ต้องเข้าไปในถ้ำเพื่อช่วยเหลือพวกเขา
ไม่มีใครบอกเอี้ยนลี่เฉียงว่ามีอะไรอยู่ในถ้ำกระบี่ เมื่อผู้อาวุโสกั่วบรรยายสรุปให้เขาฟังเกี่ยวกับพิธีกราบอาจารย์เมื่อวานนี้ เขาบอกเพียงว่าทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับโชคของคนที่เข้าไปในถ้ำกระบี่เอง
ผู้อาวุโสกั่วยังแจ้งด้วยว่ามีโต๊ะหินอยู่ไม่ไกลจากทางเข้าถ้ำ บนโต๊ะหินมีขวดยาที่บรรจุยาป้องกันความหิวเจ็ดเม็ด
มันปรุงด้วยสูตรลับของ นิกายกระบี่ศักสิทธิ์ การกินยาแต่ละเม็ดต่อวันจะช่วยให้เขาสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้หนึ่งวัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในถ้ำกระบี่ถือเป็นข้อมูลลับที่ไม่สามารถเปิดเผยให้ใครทราบได้
เมื่อนึกถึงคำแนะนำของผู้อาวุโสกั่วในใจ เอี้ยนลี่เฉียงก็สงบสติอารมณ์ลงก่อนจะเดินหน้าเข้าสู่ถ้ำกระบี่
ทางเดินของถ้ำกระบี่เป็นทางลาดลง จากลักษณะที่ปรากฏ ถ้ำทั้งหมดดูเหมือนจะอยู่ภายในเทือกเขาเทียนกุ่ย ถึงแม้ว่าข้างนอกถ้ำกระบี่จะหนาวเยือก แต่ข้างในกลับทำให้รู้สึกร้อนเล็กน้อย
ไม่มีแสงสว่างในถ้ำกระบี่ อย่างไรก็ตามเมื่อเดินลึกเข้าไปในถ้ำก็จะเห็นแสงที่เกิดจากการเรืองแสงของวัตถุประหลาด พวกมันอาจจะถูกทำขึ้นมาจากฟอสฟอรัสก็ได้
“สถานที่แห่งนี้ดูเหมือนไนท์คลับที่ข้าเคยไปในชีวิตก่อนหน้านี้…”
เอี้ยนลี่เฉียงมองไปที่ถ้ำกระบี่ที่ส่องแสงระยิบระยับต่อหน้าและพึมพำกับตัวเอง จากนั้นเขาก็ยิ้มและเดินลึกเข้าไปในถ้ำกระบี่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น
ไม่นานหลังจากนั้นเอี้ยนลี่เฉียงว่าก็มองเห็นโต๊ะเห็นที่มีขวดยาตั้งอยู่ เอี้ยนลี่เฉียงหยิบมันขึ้นมาเขย่าสองครั้งและได้ยินเสียงเม็ดยาอยู่ข้างใน
เขาเก็บขวดยาและเดินต่อไป หลังจากเดินไปตามทางคดเคี้ยวประมาณสิบลี้และไปถึงใจกลางภูเขา ถ้ำใต้ดินขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเอี้ยนลี่เฉียง
เอี้ยนลี่เฉียงว่ารู้สึกตกตะลึงเมื่อเขาเห็นถ้ำขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบด้วยคริสตัลสีสันสดใส ทั้งถ้ำดูราวกับว่ามันเป็นอาณาจักรแห่งจินตนาการ
เมื่อเดินเข้าไปในถ้ำภาพสะท้อนของเขาก็ถูกฉายขึ้นไปบนเพดานรวมถึงที่เท้าของเขาด้วย
ทันทีที่เขามาถึงเอี้ยนลี่เฉียงก็รู้สึกว่าพลังปราณแห่งสวรรค์และปฐพีที่นี่ดูเหมือนจะอุดมสมบูรณ์กว่าโลกภายนอกหลายร้อยเท่าโดยไม่ทราบสาเหตุ
เพียงแค่ยืนอยู่ที่นี่พลังปราณแห่งสวรรค์และปฐพีก็ไหลซึมเข้าสู่ร่างกายของเขาเงียบๆผ่านทางผิวหนังและรูขุมขนของเขา
แม้ว่าเขาจะหายใจตามปกติ เขาก็รู้สึกได้ถึงพลังงานที่เต็มเปี่ยมอยู่ภายในร่างกายของเขา พลังงานที่ระเบิดออกมานั้นแปลกใหม่และเต็มไปด้วยความสดชื่น
กลางถ้ำนี้มีเจดีย์สูงเก้าชั้นมีลักษณะโปร่งแสงแกะถูกสลักจากคริสตัล นี่ไม่เหมือนกับฝีมือของมนุษย์สร้างขึ้นแต่มันคล้ายเป็นที่อยู่อาศัยของเทพเจ้า
เอี้ยนลี่เฉียงจ้องไปที่เจดีย์คริสตัลนี้ด้วยความงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็มองไปรอบๆถ้ำและไม่พบทางออกอื่นใดเลย สถานที่แห่งนี้ดูเหมือนจะเป็นจุดสิ้นสุดของถ้ำกระบี่
เขาวนรอบเจดีย์ในขณะที่สังเกตดูอย่างระมัดระวัง เจดีย์มีขนาดใหญ่มาก เขาสงสัยว่าต้องใช้ทักษะและความสามารถมากแค่ไหนในการสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ขึ้นมา
เจดีย์ขนาดใหญ่มีสี่ด้าน ทุกด้านถูกกำกับด้วยตัวอักษรที่แตกต่างกันสี่คำ 'ชีวิต' 'พลัดพราก' 'ความตาย' 'การจากลา'
"นั่นหมายความว่าอย่างไร?"
เอี้ยนลี่เฉียงพึมพำกับตัวเอง เขาเดินไปรอบๆเจดีย์สามรอบ มองไปที่ประตูทั้งสี่ แต่เขาไม่สามารถเข้าใจอะไรได้เลย
เขามีลางสังหรณ์ว่าการเดินเข้าไปในประตูของเจดีย์ฝั่งใดฝั่งหนึ่งจะเป็นตัวกำหนดอนาคตในการอยู่ที่นี่ของเขา
เอี้ยนลี่เฉียงเดินไปรอบๆเจดีย์อย่างไม่แน่ใจสองสามครั้งก่อนจะกัดฟันในที่สุด
“ข้ามีชีวิตอยู่สองชีวิตและตายได้ครั้งเดียว! เพื่อให้สามารถอยู่รอดได้ทั้งหมดนั้นต้องพึ่งพาโชคชะตาอันยิ่งใหญ่ดังนั้นข้าจะเดินผ่านประตูมรณะ
ท้ายที่สุดผู้อาวุโสกั่วก็บอกว่าไม่มีทางที่ข้าจะตายอยู่ในถ้ำกระบี่นี้!”
หลังจากที่เขาตัดสินใจแล้ว เอี้ยนลี่เฉียงก็พุ่งตรงไปที่ประตู 'ความตาย' โดยไม่มีการลังเล
ประตูมรณะถูกปิดอย่างแน่นหนา เอี้ยนลี่เฉียงผลักเบาๆและพบว่ามันไม่ขยับแม้แต่น้อย
เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหายใจเข้าลึกๆและใช้ลมปราณของเขาผลักประตูให้เปิดออก ในที่สุดประตูก็ถูกเปิดออกจนได้
ความคิดแวบเข้ามาในจิตใจของเอี้ยนลี่เฉียง ประตูนั้นหนักมาก ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะเปิดไม่ได้ ดูเหมือนว่าผู้ที่ออกจากถ้ำกระบี่ด้วยมือเปล่าก็คือคนที่ไม่สามารถเปิดประตูพวกนี้ได้
ด้านหลังประตูนั้นเต็มไปด้วยความมืด แม้ว่าเอี้ยนลี่เฉียงจะฝึกสายตาให้มองเห็นได้ในความมืดแต่เขาก็ยังไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่หลังประตูได้
อย่างไรก็ตามเนื่องจากเขาได้เปิดประตูแล้วดังนั้นไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเข้าประตูไปเท่านั้น
……
“อื้อ…!”
เอี้ยนลี่เฉียงตื่นขึ้นด้วยการจาม ใบหน้าที่อ่อนเยาว์และสวยงามปรากฏขึ้น บุคคลนั้นมีรอยยิ้มที่น่ารักบนใบหน้าของเธอใช้ขนไก่เส้นเล็กๆขี่จมูกของเขา
เอี้ยนลี่เฉียงได้ยินเสียงคลื่นทะเล นอกจากใบหน้าที่งดงามซึ่งเขาคุ้นเคยแล้ว เขายังสามารถเห็นท้องฟ้าสีครามเหนือศีรษะและต้นมะพร้าวที่ไหวเบาๆ
ในตอนนี้เขากำลังนอนอยู่บนเปลแขวนพร้อมกับหญิงสาวที่มีใบหน้างดงามคนหนึ่ง เสียงหัวเราะของเธอกระตุ้นจิตใจของเขาให้เกิดความปั่นป่วน
“ฮ่าฮ่าฮ่า ตามฉันให้ทัน…!”
เมื่อลู่เจี่ยอิ่งเห็นว่าเอี้ยนลี่เฉียงตื่นแล้ว เธอวิ่งหนีไปพร้อมกับเสียงหัวเราะที่ดังก้องเหมือนระฆังสีเงินอันไพเราะและทิ้งรอยเท้าเล็กๆไว้บนชายหาด…
เอี้ยนลี่เฉียงลุกขึ้นจากเปลและวิ่งไล่ตามเธอเหมือนกับที่เขาเคยทำตลอดหลายปีที่อยู่ด้วยกัน
แต่ทันทีที่เขาก้าวไปสองก้าว เขาก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างฉับพลันตรงบริเวณที่หัวใจ มันเขย่าทะเลแห่งสติของเขาและความทรงจำมากมายก็พรั่งพรูเข้ามาในสมอง
เอี้ยนลี่เฉียงจำเหตุการณ์นี้ได้ มันคือตอนวันหยุดยาวของเมื่อสองปีก่อนที่เขาพาลู่เจี่ยอิ่งไปเที่ยวภูเก็ตที่ประเทศไทยในเดือนตุลาคม
ในตอนนั้นเอี้ยนลี่เฉียงรู้สึกราวกับว่าเขาเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลก ในสายตาของเขาลู่เจี่ยอิ่งเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาและเธอทำให้เขาหลงรักจนหัวปักหัวปำ
…เกิดอะไรขึ้น? ทุกอย่างมันผ่านไปแล้วไม่ใช่หรือ? ข้าฝันไปหรือเปล่า?
ไม่ นี่ไม่ใช่ความฝัน! นี่คือ… ภาพลวงตา…!
“โอ้ คุณเป็นอะไรไป? ไม่สบายหรือเปล่า”
ลู่เจี่ยอิ่งวิ่งกลับมาอีกครั้งเมื่อเธอรู้ว่าเอี้ยนลี่เฉียง ไม่ได้ไล่ตามเธอเหมือนเช่นปกติ เวลานี้สายตาของเธอเต็มไปด้วยความกังวลและเป็นห่วง