393 - เข้าสู่ถ้ำกระบี่
393 - เข้าสู่ถ้ำกระบี่
เอี้ยนลี่เฉียงเห็นศิษย์หญิงที่เป็นลมเช่นกัน ถึงกระนั้นเขาก็ไม่สามารถหยุดฝีเท้าและทำได้เพียงเดินไปข้างหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ศิษย์หญิงที่หมดสติถูกพัดพาตัวออกไปในพริบตา ในสถานการณ์แบบนี้ ต่อให้ตื่นขึ้นนางก็ทำได้เพียงแกล้งทำเป็นหมดสติต่อไปเพราะนางอายเกินกว่าจะอยู่ในห้องโถงได้
ทางเดินทั้งสองข้างของห้องโถงบรรพบุรุษเต็มไปด้วยผู้คน ศิษย์ชั้นยอดของนิกายยืนอยู่ใกล้ประตูมากที่สุด ตามด้วยศิษย์สายตรงและศิษย์หลัก
บุคคลที่มีตำแหน่งสำคัญยิ่งยืนอยู่ลึกเข้าไปในห้องโถงบรรพบุรุษ สำหรับโอกาสนี้ผู้ที่มีสิทธินั่งที่ปลายสุดของโถงบรรพบุรษมีเพียงลู่ชิวหมิงเยว่และผู้อาวุโสสิบเจ็ดคนเท่านั้น
ท่ามกลางกลุ่มศิษย์ชั้นยอดที่สวมเสื้อคลุมยาวสีม่วง มีคนไม่กี่คนที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีดำและสีเทาที่สะดุดตาเป็นพิเศษ
คนเหล่านั้นคือกู่เจ๋อซวน จ้าวฮุ่ยเผิง ฮั่วปิง หูเทียนเต๋อ หลี่ไค่เหอและหม่าเหลียง
ตามตำแหน่งของพวกเขา กู่เจ๋อซวน หูเทียนเต๋อและคนอื่นๆไม่มีสิทธิ์เข้ามาในห้องโถงบรรพบุรุษ
ศิษย์ภายนอกอย่างหม่าเหลียงยิ่งไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะขึ้นมาบนยอดเขาเทียนกุ่ย พวกเขาได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมพิธีนี้เพราะพวกเขาเป็น 'แขกพิเศษ' ที่ได้รับเชิญจากเอี้ยนลี่เฉียง
ในฐานะตัวละครหลักของพิธีกราบอาจารย์นี้ เอี้ยนลี่เฉียงได้รับอนุญาตให้เชิญเพื่อนสิบคนในนิกายกระบี่ศักสิทธิ์ ซึ่งคนที่มีความสัมพันธ์สนิทสนมกับเขามีเพียงกู่เจ๋อซวนและจ้าวฮุ่ยเผิง เท่านั้น
นอกจากนี้ ฮั่วปิง หูเทียนเต๋อและคนอื่นๆต่างก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเอี้ยนลี่เฉียง อย่างน้อยๆพวกเขาก็เคยทำธุรกิจร่วมกันมาก่อน ซึ่งทำให้พวกเขาถูกรับเชิญมางานด้วย
นอกจาก กู่เจ๋อซวน, หูเทียนเต๋อ และคนอื่นๆแล้ว เอี้ยนลี่เฉียง ยังเชิญคนรู้จักสองคนจากยอดเขาเทียนเฉียว
หนึ่งในนั้นคือผู้ดูแลฮวงและอีกคนคือ ซุนเว่ยเจิ้น ทั้งสองคนกำลังเฝ้าดูเอี้ยนลี่เฉียงอย่างตื่นเต้นในกลุ่มผู้คนที่มาจากเขาเทียนเฉียว
แม้ว่าจะผ่านไปเพียงสามวัน แต่กู่เจ๋อซวนและจ้าวฮุ่ยเผิงก็สวมชุดคลุมสีดำแล้ว ซึ่งบ่งบอกว่าพวกเขาไม่ใช่ศิษย์ภายนอกของนิกายอีกต่อไป
ดูจากการแสดงออกทางสีหน้า พวกเขาคงจะกรีดร้องด้วยความตื่นเต้น ถ้าไม่ใช่เพราะว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ในห้องโถงบรรพบุรุษสภาพของพวกเขาคงไม่ต่างจากหญิงสาวคนนั้นสักเท่าไหร่
กู่เจ๋อซวนมองเอี้ยนลี่เฉียงด้วยรอยยิ้ม ในขณะที่สายตาของเขาก็เหลือบมองไปยังศิษย์หญิงสาวอีกคนในทิศทางตรงข้ามกับที่เขายืนอยู่
เมื่อฮั่วปิง หูเทียนเต๋อ หลี่ไค่เหอ และหม่าเหลียงเห็นเอี้ยนลี่เฉียงมองมาทางพวกเขา หูเทียนเต๋อและหลี่ไค่เหอก็ทำตัวเฉยเมยเล็กน้อยและยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตรเท่านั้น
ในขณะที่ฮั่วปิงและหม่าเหลียงกลับยิ้มให้กับเอี้ยนลี่เฉียงด้วยรอยยิ้มที่พวกเขาคิดว่าสดใสและเป็นมิตรมากที่สุด ในวันนี้พวกเขาท่วมท้นไปด้วยความปิติยินดีที่ถูกเชิญมาร่วมงาน
เมื่อเดินเข้าไปอีกเล็กน้อย เอี้ยนลี่เฉียงก็เห็นปรมาจารย์ซูและผู้จัดการชิวในฝูงชน
ปรมาจารย์ซูพยักหน้าให้เอี้ยนลี่เฉียงเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามา สายตาของเขาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจจนแทบจะหลั่งน้ำตาออกมา นานแค่ไหนแล้วที่ลูกศิษย์ของเขาเทียนเฉียวได้รับโอกาสเช่นนี้ครั้งสุดท้าย
ในทางตรงกันข้าม ใบหน้าของผู้จัดการชิวแทบจะบรรยายไม่ถูก เขาต้องการจะยิ้มออกมาแต่มันขัดตายิ่งกว่าร้องไห้ มีแม้กระทั่งความหวาดกลัวในสายตาของเขา
นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้จัดการชิวเริ่มเกลียดตัวเองที่ตาบอดจนไปทำให้เอี้ยนลี่เฉียงคุณเคือง
ตอนนี้เอี้ยนลี่เฉียงกลายเป็นศิษย์ของจ้าวนิกาย คงไม่ต้องรอนานมากเกินไปก่อนที่เอี้ยนลี่เฉียงจะแก้แค้นเขา
นอกจากใบหน้าที่คุ้นเคยเหล่านี้แล้ว เอี้ยนลี่เฉียง ก็แทบจะไม่รู้จักใครคนอื่นที่อยู่ในห้องตอนนี้ อย่างไรก็ตามยังมีคนหนุ่มสาวสองสามคนที่ดึงดูดความสนใจของเอี้ยนลี่เฉียงด้วยรัศมีพลังที่แปลกประหลาดของพวกเขา
พวกเขายืนอยู่ใกล้กลุ่มผู้อาวุโสที่นั่ง สิ่งนี้บ่งชี้ว่าพวกเขามีตัวตนที่พิเศษมากในนิกายกระบี่ศักสิทธิ์ หนึ่งในนั้นคือพยัคฆ์เหินเผิงเทียนเจี๋ย ซึ่งเอี้ยนลี่เฉียงได้พบเมื่อเขามาที่นี่เมื่อสามวันก่อน
สิ่งนี้ทำให้เอี้ยนลี่เฉียงคาดเดาว่าพวกเขาคือสามผู้กล้าในและวีรบุรุษทั้งเจ็ดของนิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีใครเทียบได้
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าบางคนจะไม่ได้เข้าร่วมพิธีนี้หรือว่าพวกเขาอาจจะไม่อยู่ในนิกายด้วยซ้ำ แม้ว่าจะมีชายและหญิงในกลุ่ม แต่เอี้ยนลี่เฉียงก็เห็นเพียงเจ็ดคนแทนที่จะเป็นสิบเอ็ดคน
……
เอี้ยนลี่เฉียงยืนนิ่งอยู่กลางห้องโถง เพื่อรอให้พิธีกรประกาศสิ่งที่ต้องทำ
“เอี้ยนลี่เฉียง ลูกศิษย์ของสำนักกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ จะถวายเครื่องหอมแก่บรรพบุรุษของนิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์!”
หลังจากการตะโกนของผู้อาวุโสกั่ว พ่อบ้านจากห้องโถงบรรพบุรุษก็ออกมายืนด้านข้างทันที พวกเขาถือถาดทองคำบริสุทธิ์พร้อมธูปสีเหลืองสามดอกซึ่งแต่ละอันหนาเท่านิ้วหัวแม่มือ
เอี้ยนลี่เฉียงหยิบธูปสามดอกขึ้นจากถาด แล้วเดินไปที่แผ่นจารึกบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งนิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์อย่างเคร่งขรึม
เขาจุดธูปสามดอกบนตะเกียงน้ำมันแล้วใส่ลงในกระถางธูปต่อหน้าแผ่นป้ายวิญญาณนั้น จากนั้นเขาก็ถอยกลับมาสองสามก้าว และคุกเข่าลงกับพื้นก่อนจะโขกศีรษะเก้าครั้ง
“ศิษย์นิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์เอี้ยนลี่เฉียง คุกเข่าลงและกราบอาจารย์ของเจ้า!”
ทันทีที่ผู้อาวุโสกั่วพูดจบเอี้ยนลี่เฉียงก็เดินมาคุกเข่าต่อหน้าลู่ชิวหมิงเยว่และโขกศีรษะสามครั้ง
“ยกชาให้อาจารย์ของเจ้า!”
ศิษย์คนหนึ่งเดินเข้ามา ถือถาดทองคำบริสุทธิ์พร้อมชาอีกถ้วย เอี้ยนลี่เฉียงใช้เขาเดินข้างหน้าสองสามก้าว
เขาเอื้อมมือไปหยิบถ้วยน้ำชา และยกถ้วยชาขึ้นสูงเหนือศีรษะของตัวเองก่อนจะยื่นให้ลู่ชิวหมิงเยว่ด้วยสองมือและประกาศเสียงดังชัดเจนว่า
“ศิษย์เอี้ยนลี่เฉียงขอเสนอชาให้แก่อาจารย์!”
ลู่ชิวหมิงเยว่พยักหน้าเขารับถ้วยน้ำชามาจิบจากนั้นก็วางลงที่โต๊ะข้างๆ
“อาจารย์จะมอบกระบี่ให้เจ้า!”
เมื่อได้ยินคำพูดของลู่ชิวหมิงเยว่ พ่อบ้านชราคนหนึ่งก็ถือหาดยาวที่คลุมด้วยผ้าไหมสีทองมายืนอยู่ด้านข้างลู่ชิวหมิงเยว่
เมื่อดึงผ้าไหมที่ปกคลุมถาดออกก็เผยให้เห็นกระบี่ยาวรูปทรงโบราณ
ลู่ชิวหมิงเยว่หยิบมันขึ้นมาและสัมผัสเบาๆที่ด้ามกระบี่สีทองแดง
สายตาของเขาเปี่ยมไปด้วยอารมณ์พร้อมกับกล่าวว่า
“ชื่อของกระบี่นี้คือวิถีสูงส่ง มันเป็นกระบี่เล่มเดียวกับที่ข้าเคยใช้ในผดุงความยุติธรรมของแผ่นดินในวัยหนุ่ม
วันนี้ข้าจะมอบกระบี่เล่มนี้ให้กับเจ้า ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ลืมความตั้งใจเดิมของเจ้าและอยู่บนเส้นทางอันสูงส่งเสมอ!”
หลังจากหลู่ชิวหมิงเยว่พูดจบ เขาก็ยื่นกระบี่ให้เอี้ยนลี่เฉียง
อย่าลืมความตั้งใจเดิมของเจ้า อยู่บนเส้นทางอันสูงส่งเสมอ!
ประโยคนี้กระตุ้นหัวใจของเอี้ยนลี่เฉียง เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆและใช้ทั้งสองมือประคองกระบี่เหนือศีรษะก่อนจะพูดว่า
“ขอบคุณครับอาจารย์! ศิษย์ของท่านจะไม่มีวันทำให้ท่านผิดหวัง!”
เอี้ยนลี่เฉียงลุกขึ้นอย่างราบรื่นหลังจากยอมรับกระบี่ยาว
“เปิดถ้ำกระบี่…!”
หลังจากที่ผู้อาวุโสกั่วตะโกน ประตูโลหะหนักสองบานที่ปลายสุดของห้องโถงบรรพบุรุษก็ค่อยๆเปิดออก
ในเวลานี้สายตาของทุกคนเต็มไปด้วยความปรารถนา ความอิจฉา และแม้แต่ร่องรอยของความโลภ…
ด้านหลังประตูโลหะเป็นถ้ำที่ลึกมาก!
แม้จะเป็นศิษย์ของนิกายกระบี่ศักสิทธิ์แต่ก็มีคนไม่มากนักที่เคยเข้าไปในถ้ำกระบี่ นี่คือสถานที่ที่ลึกลับมากที่สุดของนิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์
คนที่ได้รับประโยชน์จากถ้ำได้ต้องมีทั้งความแข็งแกร่งและโชควาสนา หากไม่มีทั้งสองอย่าง พวกเขาจะพบว่าตัวเองเดินเตร่ไปรอบๆอย่างไร้จุดหมายและออกมามือเปล่าในอีกเจ็ดวันต่อมา
ผู้ที่โชคดีพอที่จะได้รับทักษะพิเศษและวิชากระบี่ของนิกายกระบี่ศักสิทธิ์
จ้าวนิกาย ผู้อาวุโสรวมทั้งยอดฝีมือคนอื่นของนิกายต่างก็เคยเข้าไปในถ้ำและได้รับผลประโยชน์บางอย่างกลับมาทั้งสิ้น
ผู้ที่ไม่ได้สร้างประโยชน์มากมายมหาศาลให้กับนิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์จะไม่มีโอกาสเข้าสู่ถ้ำกระบี่อย่างแน่นอน
เอี้ยนลี่เฉียงมองไปทางถ้ำแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขาเดินผ่านประตูเหล็กทั้งสองโดยไม่หันกลับมามอง
“ข้าอยากรู้จริงๆว่าเขาจะได้วิชาอะไรออกมา…” ผู้อาวุโสคนหนึ่งพึมพำกับตัวเอง
“เราจะรู้ในอีกเจ็ดวันข้างหน้า…”
ลู่ชิวหมิงเยว่ละสายตาจากประตูเหล็กทั้งสองบานขณะที่เขาพูดอย่างสงบ