299-300
1/10
Ep.299
“ผู้อาวุโส โปรดหยุดมือ!” ชายผิวเข้มรีบตะโกนร้องขอชีวิต
ทั้งร่างของเขาถูกพันธนาการ ไม่อาจควบคุมความเป็นความตายของตัวเอง
หากเขาอยากชีวิตรอด ทำได้แค่อ้อนวอนชายหนุ่มตรงหน้าเท่านั้น
คนรอบข้างชายผิวเข้มเมื่อเห็นผู้นำถูกพันธนาการ ก็เริ่มรู้สึกตัวแล้วเช่นกัน
ชายหนุ่มตรงหน้าจริงๆแล้วเป็นปรมาจารย์พลังจิต แถมยังเป็นปรมาจารย์พลังจิตที่แข็งแกร่งมากอีกด้วย
การตายของชายหนุ่มกำยำก่อนหน้านี้ แท้จริงแล้วเป็นฝีมือซูเฉิน
สีหน้าของพวกเขาเริ่มไม่น่าดู หัวใจค่อยๆเต้นแรง บังเกิดความไม่สบายใจ
“บอกมา มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ซูเฉินจับจ้องชายผิวเข้ม เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ชายผิวเข้มกลืนน้ำลาย ตอบตามความจริงว่า “ท่านอาวุโส มีพวกต่างสายพันธุ์จำนวนมากปรากฏตัวขึ้นใกล้กับเทือกเขาฮวงเจ๋อ พวกมันทั้งแข็งแกร่งและกระหายเลือด พวกเราไม่มีทางสู้ ถูกกดดันจนต้องถอยร่นมาถึงที่นี่”
“พวกแกไม่มีทางสู้พวกต่างสายพันธุ์ เลยบุกสถานชุมชน เข้าสู้กับมนุษย์ด้วยกันเองแทน ทำแบบนี้ได้หรอ?” ซูเฉินแค่นเสียง
ชายผิวเข้มหวาดกลัวจนสั่นเทาไปทั้งตัว ไม่กล้าเอ่ยวาจาผายลมเพ้อเจ้ออีก
ซูเฉินถามต่อว่า “แล้วพวกต่างสายพันธุ์เหล่านั้นมีลักษณะเป็นยังไง? กำลังรบของพวกมันอยู่ระดับไหน?”
“พวกมันทั้งหมดดูเหมือนเต่า กำลังรบค่อนข้างแข็งแกร่ง อย่างน้อยทุกตนเป็นผู้วิวัฒนาการเลเวล 1” ชายผิวเข้มตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
‘น่าจะเป็นพวกเผ่าเต่าเขียว’ หัวใจของซูเฉินเริ่มเต้นแรง
ในหลุมลึกของเทือกเขาฮวงเจ๋อ มีทางผ่านเขตแดนเชื่อมต่อกับที่อยู่ของพวกเผ่าเต่าเขียว
ควบคู่ไปกับคำอธิบายของชายผิวเข้ม เมื่อนำมารวมกันแล้ว ซูเฉินจึงตัดสินว่าพวกมันน่าจะเป็นเผ่าเต่าเขียว
จะว่าไปพอพูดถึงเรื่องนี้ เขาจำได้ว่าเคยทะเลาะกับเผ่าเต่าเขียวตนหนึ่งมาก่อน
และได้ข้อมูลของเผ่าเต่าเขียวจากมันเช่นกัน
ซูเฉินไม่หวาดกลัวการรุกรานของเผ่าเต่าเขียว ตรงกันข้าม เขารู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
เหตุผลก็ง่ายๆ เพราะการสังหารพวกต่างเผ่า ก็สามารถดรอปชิ้นส่วนได้เช่นกัน
จำนวนประชากรของเผ่าพันธุ์หนึ่ง คงไม่พ้นมีปริมาณมหาศาล เช่นนั้นหากสามารถล้างบางทั้งหมดลงได้ เขาจะดรอปชิ้นส่วนกี่ชิ้นกัน?
ซูเฉินตั้งตารอเป็นอย่างมากที่จะได้เจอพวกมัน
“สิ่งมีชีวิตต่างเผ่าพันธุ์พวกนั้นโผล่มาตั้งแต่เมื่อไหร่? แล้วมุ่งหน้าหรือตั้งรกรากอยู่ที่ไหน” ซูเฉินถามอย่างใจเย็น
“พวกมันปรากฏตัวขึ้นเมื่อ 5 วันก่อน และตอนนี้น่าจะไปที่เมืองจิงกัง” ชายผิวเข้มครุ่นสักพักก่อนตอบคำถาม
“ดูเหมือนเมืองจิงกังคงจบสิ้นแล้ว” ซูเฉินพึมพำกับตัวเอง
เดิมเมืองจิงกังถือเป็นสถานชุมชนขนาดใหญ่ แต่เมื่อหวงคังและยอดฝีมือคนอื่นๆตาย กำลังรบของพวกเขาย่อมถดถอยลง
ในขณะที่ประชากรทุกตนของเผ่าเต่าเขียวล้วนเป็นผู้วิวัฒนากรเลเวล 1 ขึ้นไปทั้งสิ้น หากคิดโค่นเมืองจิงกิง มันแค่เรื่องง่ายดาย
“โอเค ฉันถามทุกอย่างที่ควรถามเสร็จแล้ว”
ซูเฉินถอนพลังจิต กล่าวเสียงเรียบ
ร่างของชายผิวเข้มกลับมาเป็นอิสระอีกครั้ง กล่าวด้วยสีหน้าเบิกบานว่า “ขอบคุณอาวุโสที่ไม่สังหาร”
ซูเฉินเบ้ปาก “เข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่ได้บอกซะหน่อยว่าจะปล่อยแกไป!”
เขาไม่ได้เกลียดชังถึงขั้นแค้นฝังลึกกับพวกชายผิวเข้ม ทว่าปมพยาบาทได้ถูกผูกแล้ว ทั้งยังเป็นศัตรูกันตั้งแต่แรก ดังนั้นเขาต้องกำจัดรากเหง้า เพื่อป้องกันปัญหาไม่จบไม่สิ้นที่อาจตามมา
“ผู้อาวุโส ท่านหมายความว่ายังไง?”
รอยยิ้มบนใบหน้าของชายผิวเข้มแข็งค้าง ชักฝีเท้าถอย
คนอื่นๆก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน ความตึงเครียดแพร่กระจายในหมู่พวกเขา
“ความหมายก็ง่ายๆ--” มุมปากของซูเฉินยกโค้งขึ้นเล็กน้อย กล่าวด้วยท่าทีสนุกสนานว่า “--ฉันจะระเบิดหัวสุนัขของพวกแกทุกตัวยังไงเล่า!”
“ที่แท้แกก็ไม่คิดจะปล่อยพวกเราไปตั้งแต่แรกแล้ว!” ชายผิวเข้มอดไม่ไหวอีกต่อไป ร้องคำรามอย่างบ้าคลั่ง “พี่น้องทั้งหลาย สู้มัน!”
ในเมื่อซูเฉินไม่ยินดีปล่อยพวกเขา เช่นนั้นพวกเขาก็ไม่คิดนั่งรอความตายอยู่เฉยๆ
ชายผิวเข้มไม่เชื่อหรอก! ว่าฝั่งเขาที่มีหลายร้อยคน จะโค่นปรมาจารย์พลังจิตเลเวลสูงเพียงคนเดียวไม่ได้!
2/10
Ep.300
“ฆ่า!”
เสียงตะโกนฆ่าฟันดังกึกก้องไปทั่วฟ้า
ชายผิวเข้มและคนอื่นๆหยิบอาวุธออกมาพร้อมกัน กระโจนเข้าใส่ซูเฉิน
เมื่อเผชิญหน้ากับวิกฤตถึงตาย พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากสังหารซูเฉินเพื่อเอาชีวิตรอด
ผู้คนนับร้อยร่วมมือร่วมใจกัน ด้ายเส้นบางๆ เมื่อมัดรวมกันก็กลายเป็นเชือกหนา ก่อกำเนิดแรงกดดันค่อนข้างรุนแรง
หานคุนที่อยู่ด้านข้าง ถูกแรงกดดันสะกดจนแทบหายใจไม่ออก สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม เขามิได้ถอย แต่ก้าวออกไปข้างหน้าเพื่อช่วยสนับสนุนซูเฉิน
ความคิดของเขานั้นเรียบง่ายมาก สองครั้งที่ซูเฉินปรากฏตัว ล้วนมาเพื่อช่วยเหลือ ฉะนั้นเขาไม่ยอมให้ซูเฉินต้องแบกรับความโกรธเกรี้ยวของศัตรูเพียงลำพัง
เพียงแต่ว่า ทันทีที่ก้าวเท้าแรกออกไป เขาก็ถูกหวู่หยางคว้าคอเสื้อเอาไว้
“หัวหน้าหวู่ ..?”
หานคุนขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจว่าทำไมหวู่หยางถึงหยุดเขา
รอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความหมายผุดขึ้นบนมุมหวู่หยาง กล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “พวกมันก็แค่กลุ่มมดปลวก ภายใต้เงื้อมมือของซูเฉิน ไม่มีทางสร้างคลื่นรบกวนใดๆได้ พวกเราแค่รอรับชมความสนุกก็พอ”
มดปลวก?
ผู้คนนับร้อยและผู้วิวัฒนาการอีกหลายสิบคน พวกเขาถูกปฏิบัติเหมือนว่าเป็นมดปลวกได้อย่างไร?
สองคิ้วของหานคุนขมวดมุ่น ในหัวใจเขายิ่งขบคิดก็ยิ่งสับสน
เขาเคยเห็นความแข็งแกร่งของซูเฉินมาก่อน อีกฝ่ายสามารถคว้าลมหายใจมังกรด้วยมือข้างเดียวมาแล้ว อีกทั้งยังสังหารมังกรเพลิงทมิฬเลเวล 3 ในดาบเดียว
อย่างไรก็ตาม เมื่อต้องเผชิญหน้ากับพลังของผู้วิวัฒนาการหลายสิบคนที่ร่วมมือกันโจมตีในคราวเดียว ซูเฉินไม่ควรประมาทโดยเด็ดขาด
แต่นี่หวู่หยางกลับบอกว่าภายใต้เงื้อมมือซูเฉิน กำลังพลของอีกฝ่ายไม่ต่างจากมด?
ขบคิดหัวแทบแตกก็ยังไม่เข้าใจ หานคุนได้แต่จับจ้องซูเฉินไม่วางตา
และฉากต่อมา ก็ทำให้เขาต้องอ้าปากค้างจนกรามเกือบหลุด
เห็นแค่เพียงซูเฉินชกออกไป เงาหมัดอีกมากมายผุดพรายขึ้นกลางอากาศ ระเบิดอำนาจทำลายชนิดถล่มขุนเขากลบทะเล
ตามมาติดๆด้วยเสียงปะทะดังสนั่น
ตูม ตูม ตูม ….
ศัตรูคนแล้วคนเล่าล้มตัวลงไม่ขาดสาย
หลังจากเสียงตูม ตูม ดังขึ้นร้อยครั้งติดต่อกัน ชายผิวเข้มและกองพลของเขา ทั้งหมดกลายเป็นแอ่งเลือด ตายชนิดไม่สามารถตายได้อีก
อึก ..!
หานคุนกลืนน้ำลายอึกใหญ่ สีหน้ากลายเป็นเหม่อลอย ปากอ้าค้างเปลี่ยนเป็นบื้อใบ้
เพียงหมัดเดียว แค่หมัดเดียวเท่านั้น! แต่สามารถสังหารผู้แข็งแกร่งหลายร้อยคนทั้งหมดลงได้!
แม้ได้เห็นสิ่งนี้ด้วยตาตัวเอง เขาก็ยังคงยากที่จะทำใจเชื่อ
ตอนนี้ เขาตระหนักแล้ว ว่าเมื่อเทียบกับครั้งก่อน ความแข็งแกร่งของซูเฉินเพิ่มพูนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ปัจจุบัน หากให้ใช้คำหนึ่งเพื่ออธิบายถึงซูเฉิน
หานคุนคิดได้เพียงคำเดียวเท่านั้น --คงกระพัน!
...
นี่เป็นครั้งแรกเลยที่โจวหยุนได้เห็นซูเฉินใช้กระบวนท่าสังหาร ตอนนี้เขาได้แต่อ้าปากค้างจนสามารถยัดหมัดทั้งหมัดเข้าไปได้
คนอื่นๆในสถานชุมชนเฝิงซีก็ตกใจกับเทคนิคหมัดของซูเฉินเช่นกัน
นอกจากกระจ่างถึงความแข็งแกร่งของซูเฉินแล้ว พวกเขายังลอบดีใจ โชคดีจริงๆที่ท่านผู้นำกับซูเฉินเป็นสหายกัน
เพราะหากเป็นศัตรู เกรงว่าต่อให้มีหานคุนอีกนับพันคนก็คงไม่คณามือเขา
“อาเฮียซู ตอนนี้เฮียเป็นผู้วิวัฒนาการระดับไหนแล้ว?”
ผ่านไปนาน หานคุนค่อยๆรู้สึกตัว เขาเดินไปหาซูเฉิน ถามด้วยความงุนงงว่างเปล่า
ซูเฉินยิ้มเล็กน้อย “เพิ่งขึ้นเป็นเลเวล 4 ได้ไม่กี่วันนี้เอง”
ซู๊ดดดดดดด!
หานคุนสูดหายใจเข้าสุดปอด
เขายังจำได้ดี ครั้งสุดท้ายที่ซูเฉินมาที่นี่ อีกฝ่ายอยู่แค่เลเวล 3 เท่านั้น ไม่เจอกันแค่ไม่กี่วัน พัฒนาขึ้นเป็นเลเวล 4 เสียแล้ว
พรสวรรค์ในการฝึกฝนเช่นนี้ สามารถอธิบายได้ด้วยคำว่า ‘สัตว์ประหลาด’ เท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือ ตอนนี้ซูเฉินยังอายุไม่ถึง 20 ปีด้วยซ้ำ!
“พี่หาน ผมมาครั้งนี้มีเรื่องจะขอร้อง”
เมื่อเห็นว่าหานคุนยังอึ้งอยู่ ซูเฉินก็กระแอมเบาๆ เรียกสติเขา
“อาเฮียซูสุภาพเกินไปแล้ว เชิญบอกสิ่งที่เฮียต้องการมาได้เลย ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟ ฉันก็จะทำให้โดยไม่มีวันปริปากบ่น” หานคุนเอ่ยสัตย์สาบาน
ซูเฉินช่วยให้สถานชุมชนเฝิงซีจากหายนะถึงสองครั้งสองครา สำหรับเขาแล้วชายหนุ่มผู้นี้ไม่ต่างจากผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิต
เมื่อผู้มีพระคุณร้องขอ แน่นอนว่าเขาต้องรับปาก
ซูเฉินเรียกโจวหยุนมาข้างเขา เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ชื่อของเด็กคนนี้คือโจวหยุน เขาเป็นสหายของฉัน และฉันอยากขอให้พี่หานช่วยดูแล”
หานคุนกล่าวเสียงหนักแน่น “อาเฮียซูไม่ต้องห่วง นับแต่นี้ไปโจวหยุนจะเป็นน้องชายของฉัน!”