ตอนที่ 858 ในที่สุดเธอก็ยิ้มให้กับเขา
ห้องส่วนตัวเต็มไปด้วยทีมงาน
เฉียวเมียนเมียนไม่ได้กังวลว่าจะมีคนแอบถ่ายรูปเธอ
ดังนั้นเธอจึงยกแก้วขึ้นและยิ้มให้กับเขา
“ฉันก็หวังว่าต่อไปเราจะทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่นค่ะ รุ่นพี่ตู๋ ขอบคุณที่ชี้นำในการทำงานวันนี้นะคะ ได้ทำงานร่วมกับคุณสนุกมากเลยค่ะไ
ตู๋อีเล่ยมองไปที่รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอและตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง
เขารู้สึกราวกับว่าความทุกข์ทั้งหมดที่เขารู้สึกว่ามีมาทั้งหมดได้หายไป
เธอดูดีมาก เมื่อเธอยิ้ม
ในที่สุดเธอก็ยิ้มให้กับเขา
เธอไม่ได้เย็นชาและทำตัวห่างไกลเหมือนก่อนหน้านี้
เขาเกลียดความรู้สึกเช่นนั้นจริง ๆ
เธอสามารถรักษาระยะห่างจากเขา
แม้จะเป็นแค่เพื่อนกันก็ตาม
วิธีนี้ อย่างน้อยพวกเขาสามารถพูดคุยตอบโต้กับแบบส่วนตัวได้เสียที
แต่เธอไม่เต็มใจที่จะเป็นเพื่อนธรรมดากับเขาด้วยซ้ำ ความแปลกแยกและความเยือกเย็นแบบนั้นทำให้เขารู้สึกแย่จริง ๆ
เขาไม่เคยรู้ว่าการชอบใครสักคน จะรู้สึกเช่นนี้
ไม่ใช่ความหวานหรือความสุข...
มันเป็นความเจ็บปวดใจ
อารมณ์ทั้งหมดของเขาถูกชี้นำโดยคน ๆ นี้
ไม่ว่าเธอจะเย็นชาและห่างเหินกับเขาแค่ไหน...
แต่เมื่อเธอยิ้ม เขารู้สึกว่าโลกกลับสวยงามขึ้นมาอีกครั้ง
ในโลกแห่งความรัก
ผู้ที่ไม่ได้รับรัก ทุกคนล้วนต้องถ่อมตน
หลังจากดื่มอวยพรกันแล้ว ตู๋อีเล่ยก็หับหลังกลับและเดินจากไป
ขณะที่เขากลับไปแล้ว ดาราอีกสองสามคนก็เดินเข้ามาหาเขาพร้อมกับแก้วไวน์ทันที
เขาเป็นพระเอก
และเขายังเป็นดาราดังที่สุดในตอนนี้ ผู้คนจำนวนมากต้องการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเขาอย่างเป็นธรรมชาติ
ไม่นานพนักงานเสิร์ฟก็เข้ามาพร้อมกับนมเปรี้ยวรสสตรอว์เบอร์รี่อีกสองสามกล่อง
เฉียวเมียนเมียนถือนมเปรี้ยวและจิบ
ขณะที่เธอกำลังหยิบนมเปรี้ยวขวดที่สอง ไป่ซู๋ก็ยื่นไมโครโฟนให้กับเธอ
“ร้องเพลงสักเพลงสิ? อยากร้องเพลงอะไรล่ะ จะให้คนเลือกเพลงให้”
เขากำลังถามเธอ แต่ก่อนที่เฉียวเมียนเมียนจะตอบ เขาก็เลิกคิ้วและยิ้ม
“ร้องเพลง ความเศร้าระยะใกล้ หรือเปล่า?”
เฉียวเมียนเมียนพยักหน้า “พอได้ค่ะ...”
เป็นเพลงที่ได้รับความนิยมมากในตอนนี้ เฉียวเมียนเมียนชอบเพลงนี้ทันที ที่ได้ยินมันเพียงครั้งเดียว ดังนั้นเธอจึงพยายามฝึกร้อง
เธอพอจะรู้วิธีร้องเพลงได้อยู่บ้าง
“งั้นเอาเพลงนี้ก็แล้วกัน”
ไป่ซู๋ไม่ได้ถามความคิดเห็นเธอ เขาสั่งให้คนเลือกเพลงและส่งไมโครโฟนให้กับเธอ
“สบาย ๆ น่า อย่าเกร็งจนเกินไป อยู่คนเดียวจะสนุกอะไร”
เฉียวเมียนเมียนหยิบไมโครโฟนขึ้นมา และตระหนักว่าทุกคนกำลังจ้องมองมาที่เธอ
เธอเม้มริมฝีปากและพูดอย่างเขินอายเล็กน้อยว่า
“ฉันร้องเพลงไม่ค่อยเก่งนะคะ ถ้าร้องไม่ดีก็เข้าใจฉันหน่อยนะคะ”
มีคนพูดทันทีว่า
“คุณเฉียว ถ่อมตัวเกินไปแล้ว เสียงของคุณต้องน่าทึ่งมาก”
“ใช่ ๆ เสียงของคุณเฉียวต้องดีมากแน่ ๆ”
“พวกเรารอฟังเสียงของคุณอยู่เลยค่ะ”
พวกเขาเต็มไปด้วยการประจบสอพลอเฉียวเมียนเมียน “น้องสาว” ของพวกเขา
เฉียวเมียนเมียนรู้สึกเขินอาย
แต่เธอรู้สึกได้ว่าการเป็น “น้องสาว” ของไป่ซู๋ได้รับการปฏิบัติดีเพียงใด
ทุกคนต่างให้การสนับสนุนเธอ
ดูเหมือนว่าคนเหล่านี้จะเชื่อจริง ๆ ว่าเธอกับไป่ซู๋เป็นญาติกัน
เฉียวเมียนเมียนคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดีเช่นกัน