389 - ความซับซ้อน
389 - ความซับซ้อน
เอี้ยนลี่เฉียงอารมณ์ไม่ดีนักในอีกสองวันต่อมา สิ่งที่เขาเรียนรู้ในอาณาจักรสวรรค์โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่หลิวกุ่ยหยวนบอกทำให้เขารู้สึกหนักอึ้งในใจ
ในเวลาสี่ปีอาณาจักรฮั่นอันยิ่งใหญ่จะตกอยู่ในความโกลาหลทั้งหมด ศัตรูรอบๆอาณาจักรอันกว้างใหญ่นี้จะฉวยโอกาสที่จะแสดงเขี้ยวของพวกเขาเพื่อต่อสู้กับอาณาจักรฮั่นอันยิ่งใหญ่ เมื่อพวกเขาอ่อนแรง
มีเพียงผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้นถึงจะอยู่รอด นั่นคือกฎธรรมชาติของทวีปสีเงิน ประวัติศาสตร์ได้พิสูจน์ครั้งแล้วครั้งเล่าว่าทุกชาติหรือทุกเผ่าล้วนชื่นชอบในการทำสงคราม
เอี้ยนลี่เฉียงไม่แปลกใจกับเรื่องนั้น ความกังวลที่แท้จริงของเขาคือเบาะแสที่ชี้ไปที่การตระหนักรู้ของหลินชิงเทียนเกี่ยวกับภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้น
หลายสิ่งหลายอย่างที่เขาทำคือการเตรียมพร้อมสำหรับเวลาที่เขาจะเข้ายึดครองอาณาจักรฮั่นอันยิ่งใหญ่หลังจากภัยพิบัติ
กองทัพวายุเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดที่อาณาจักรฮั่นอันยิ่งใหญ่ครอบครอง และหลินชิงเทียนจะบดขยี้พลังนั้นโดยใช้ความสามารถของชาวชามานเป็นพลังของเขา
เมื่อเกิดภัยพิบัติขึ้น อาณาจักรก็จะตกอยู่ในความระส่ำระสาย หลินชิงเทียนจะใช้โอกาสนี้เพื่อสร้างกองทัพขนาดใหญ่ที่มีความแข็งแกร่งที่น่ากลัวและเตรียมที่จะเข้ายึดครองอาณาจักร
เอี้ยนลี่เฉียงได้ทำการพิจารณาด้วยตัวเองในนิกายกระบี่ศักสิทธิ์โดยขุดค้นข่าวในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
อันที่จริงเขาพบว่ามีโจรสลัดอยู่ตามชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้มาเป็นเวลานาน อย่างไรก็ตา พวกมันไม่เคยเป็นภัยคุกคามร้ายแรง
แท้จริงแล้วพวกมันเป็นเหมือนวัชพืชที่ปรากฏตัวและปล้นพลเรือนหรือบุกเข้าไปในบ้าน แต่พวกเขามักจะถูกกองทัพเรือขับไล่เหมือนสุนัขที่น่าสงสาร
สิ่งต่างๆเริ่มเปลี่ยนไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เมื่อประมาณสามถึงสี่ปีที่แล้ว โจรสลัดเหล่านี้เริ่มก่อปัญหาใหญ่ขึ้น หลินชิงเทียน ใช้โอกาสนี้ในการสร้างกองทัพของเขา
เขาไม่เพียงแต่เสนอให้จัดตั้งกองกำลังติดอาวุธในทุกแคว้นตามแนวชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้เท่านั้น แต่เขายังเริ่มวิธีการเก็บภาษีใหม่เพื่อใช้เป็นทุน
กองทัพเรือที่โจรสลัดเคยกลัวมาก่อนอยู่ที่ไหนพวกโจรถึงกล้าลงมือก่อความวุ่นวายใหญ่โต?
ในวันที่ 14 ของเดือน2 ในปีที่ 14 ของรัชกาลหยวนผิง แม่ทัพใหญ่เจิ้งฮั่วเอี๋ยนแม่ทัพใหญ่กองทัพเรือถูกดำเนินคดีในข้อหา 'ยักยอกทรัพย์'
เขาถูกกล่าวหาว่ายักยอกเงินเบี้ยเลี้ยงทหาร ติดสินบนช่างเรือ และสมรู้ร่วมคิดกับโจรสลัด เรื่องนี้ทำให้หลินชิงเทียนโกรธเคืองซึ่งสั่งให้ทำการสอบสวนทันที
ในกรณีนั้น แม่ทัพกองทัพเรือเจิ้งฮั่วเอียนพร้อมด้วยผู้บัญชาการกองทัพเรืออีกกว่าสามสิบนายถูกคุมขัง เจ้าหน้าที่ระดับสูงเกือบทั้งหมดถูกปลดออกจากตำแหน่ง
และหลินชิงเทียนได้แต่งตั้งแม่ทัพกองทัพเรือคนใหม่เพื่อปกป้องชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ แม่ทัพกองทัพเรือคนใหม่ได้ปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ในกองทัพเรือเมื่อเข้ามามีอำนาจ
เขาจัดการผู้ที่สนับสนุนเจิ้งฮั่วเอียน ในที่สุดสิ่งนี้นำไปสู่การล่มสลายของกองทัพเรือตะวันออกเฉียงใต้ของจักรวรรดิฮั่นอันยิ่งใหญ่ที่ยิ่งใหญ่ซึ่งเคยเป็นกองกำลังในการปราบปรามโจรสลัด
สองเดือนหลังจากเจิ้งฮั่วเอี๋ยนและลูกน้องของเขาถูกคุมขัง โจรสลัดก็รวมตัวกันเพื่อทำการปล้นสะดมอย่างต่อเนื่อง จากนั้นก็เริ่มสร้างปัญหาขึ้นตลอดเวลา
ในการตอบสนองต่อสิ่งนี้หลินชิงเทียนเสนอให้ทุกแคว้นจัดตั้งกองกำลังติดอาวุธเพื่อต่อสู้กับโจรสลัด
ในทำนองเดียวกัน แม่ทัพอ้านเป่ยซือเถาที่เกือบจะทำลาย กองทัพวายุก็เป็นพันธมิตรของหลินชิงเทียนด้วย
หลินชิงเทียนล่อบุคลากรหลักของหลงเฟ่ยเฉิงและกองทัพวายุ เข้าสู่เมืองหลวง และพวกเขาก็เสียชีวิตในหายนะ
น่าแปลกที่หลินชิงเทียนผู้ซึ่งสมควรตายมากที่สุดในภัยพิบัติครั้งนี้กลับโกงความตายได้อย่างปาฏิหาริย์ขณะที่เขาออกจากเมืองหลวงเพื่อทำงานทันเวลา มันช่างบังเอิญเหลือเกิน…
ราวกับว่ามีมือที่มองไม่เห็นคอยชักใยอยู่เบื้องหลังทั้งหมดนี้ มันเป็นการสมคบคิดอันยิ่งใหญ่
นั่นคือเหตุผลที่หลิวกุ่ยหยวนสงสัยว่ามีผู้บงการอยู่เบื้องหลังการเพิ่มขึ้นของโจรสลัด
โจรก่อปัญหาเพราะกฎที่เขาตั้งขึ้นเมื่อเขาเสนอให้จัดตั้งกองกำลังติดอาวุธในทุกแคว้นและทุกแคว้นตามแนวชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ก็เข้าร่วมกับเขาในเวลาต่อมา
จักรวรรดิฮั่นอันยิ่งใหญ่ทุ่มทุนมหาศาลในการสร้างกองกำลังติดอาวุธเหล่านี้เป็นเวลาสองถึงสามปีก่อนที่พวกเขาจะกลายเป็นไพ่ตายของหลินชิงเทียนในการก้าวเข้าสู่ตำแหน่งจักรพรรดิคนใหม่
มีเหตุผลประการหนึ่งที่เป็นไปได้จากเบื้องหลังการทรยศของแม่ทัพอ้านเป่ยต่ออาณาจักรฮั่นอันยิ่งใหญ่ นั่นคือเขาต้องดูว่ามีภาคต่อชาวชามานจึงเป็นหนทางเดียวที่เขาจะรอดชีวิต
ซือเทาอาจตระหนักว่ามีเพียงความตายเท่านั้นที่รอเขาอยู่หลังจากที่เขาทำไรทรัพยากรของกองทัพวายุ เพราะเขาจะถูกทำให้เป็นแพะรับบาปในเรื่องนี้
ดังนั้นการแสวงหาความคุ้มครองจากชาวชามานจึงเป็นหนทางเดียวที่จะประกันความอยู่รอดและความมั่งคั่งของเขาได้
มีเพียงคำอธิบายเดียวว่าทำไมซือเทาจึงเดินหน้าและทำสิ่งเหล่านั้นทั้งๆที่รู้ว่าจะทำให้เขาถูกสาปแช่งไปตลอดกาล นั่นเป็นเพราะเขาอาจเสียชีวิตทันทีหากเขาปฏิเสธ
เหตุการณ์หนึ่งอาจเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ อย่างไรก็ตามเมื่อเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นและเป็นไปตามรูปแบบที่เฉพาะเจาะจง เหตุการณ์เหล่านั้นก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญอีกต่อไป
เมื่อไม่กี่เดือนก่อนเมื่อเอี้ยนลี่เฉียงรู้ว่าภัยพิบัติกำลังจะเกิดในอีกสี่ปีข้างหน้า เขาก็ยังใช้สมองของตัวเองเพื่อช่วยเหลือผู้คนให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
อย่างไรก็ตามเขาเพิ่งตระหนักได้ว่ามีภาวะแทรกซ้อนมากมายเบื้องหลังภัยพิบัตินั้น
มีโอกาสสูงที่เขาจะต้องต่อสู้กับใครบางคนที่มีอำนาจมากกว่าเขาในตอนนี้และบุคคลนั้นอาจจะมีความรู้เกี่ยวกับภัยพิบัติล่วงหน้าเช่นเดียวกับเขา
ไม่เพียงเท่านั้น คนคนนั้นยังจะใช้เหตุการณ์ภัยพิบัติเพื่อก้าวขึ้นครองบัลลังก์ของอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่นี้
จิตใจของเอี้ยนลี่เฉียงกำลังหมุนคว้าง
ความวิตกกังวลและความซึมเศร้าจู่โจมเขาไม่หยุดหย่อน แต่เขาไม่สามารถแบ่งปันสิ่งนี้กับคนอื่นได้
ทั้งหมดที่เขาสามารถทำได้คือมุ่งความสนใจไปที่การบ่มเพาะของเขาเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากเหตุการณ์เหล่านี้ชั่วขณะ
ในตอนเย็นของวันที่ 25 ของเดือน 7 เพียงหนึ่งสัปดาห์หลังจากที่จักรพรรดิออกจากคฤหาสน์กวางเอี้ยนลี่เฉียงก็ถูกหลี่น้อยมาเรียกตัวในขณะที่เขากำลังฝึกฝน
เขาได้รับแจ้งว่าหลิวกงกงว่ากำลังตามหาเขาโดยด่วน ดังนั้นเอี้ยนลี่เฉียงจึงลากร่างกายที่อ่อนล้าของเขาและตามหลี่น้อยไปที่ลานของหลิวกงกง
เมื่อเอี้ยนหลี่เฉียงเห็นหลิวกงกงและตระหนักว่าคนหลังขมวดคิ้วด้วยความโกรธ เขาจึงเริ่มพูดก่อน
"กงกงท่านกำลังมองหาข้าอยู่หรือ"
หลิวกงกงสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วถามว่า
“ลี่เฉียง เจ้าจำที่ฝ่าบาททรงประสงค์ให้เจ้าเป็นที่ปรึกษาของรัชทายาทในวิชายิงธนูได้หรือไม่?”
“อ่าใช่ข้าจำได้ ไม่ใช่ว่ากำหนดนัดหมายคือวันที่ 1เดือน 8 หรอกหรือ?”
“มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้!”
“เปลี่ยนแปลงอะไร?”
“ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เสนาบดีจำนวนนับไม่ถ้วนได้พูดถึงความจริงที่ว่าอาจารย์ของรัชทายาทไม่ใช่กิจการของราชวงศ์ แต่เป็นเรื่องของชาติ
พวกเขาบอกว่าเจ้าไม่มีประสบการณ์พอที่จะรับผิดชอบเรื่องที่หนักหน่วงเช่นนี้ และกลัวว่าเจ้าอาจถ่ายทอดความรู้ที่ไม่ถูกต้องให้กับรัชทายาท ไม่เพียงเท่านั้นพวกเขายังแนะนำผู้สมัครที่มีศักยภาพอีกคนหนึ่งในฐานะที่ปรึกษาของรัชทายาท…”
เมื่อได้ยินเช่นนี้เอี้ยนลี่เฉียงก็สาปแช่งอยู่ในใจแล้วกล่าวว่า
“ฝ่าบาททรงมีพระดำรัสอย่างไรในเรื่องนี้?”
“แน่นอน ฝ่าบาททรงพระพิโรธและไม่เห็นด้วยกับพวกเขา เมื่อเรื่องนี้อยู่ในทางตัน อัครเสนาบดีหลินชิงเทียนแนะนำให้เจ้าแข่งขันกับผู้สมัครคนอื่นๆที่ถูกแนะนำโดยเสนาบดีคนอื่นๆ
ผู้ชนะการประลองจะได้รับสิทธิ์เป็นที่ปรึกษาขององค์รัชทายาท ฝ่าบาทให้ข้านำเรื่องนี้มาปรึกษาเจ้าก่อน”
เอี้ยนลี่เฉียงหรี่ตาทันทีด้วยความสงสัย
“การแข่งขันอะไร? แบบไหน?”