293-294
5/10
Ep.293
“เมืองทงเทียนสำหรับฉัน ไม่นับเป็นตัวผายลมอะไร!” ซูเฉินเบ้ปาก กล่าวติดตลกว่า “แล้วอีกอย่าง ฉันชอบฆ่าคนของเมืองทงเทียนมากที่สุด แถมยังฆ่าไปไม่น้อยแล้วด้วย”
กล่าวถึงจุดนี้ เขาหรี่ตาลง ใช้สายตาจิกกัดกวาดมากชายที่มีแผลเป็นและสหาย
ดวงตาของเขาช่างเย็นชา คล้ายกับว่าปฏิบัติต่อทั้งสามเหมือนคนที่ตายไปแล้ว
“นะ … นี่แกคิดจะทำอะไร?”
ถูกจับจ้องโดยซูเฉิน ชายที่มีแผลเป็นเย็นสันหลังวาบ ชักฝีเท้าถอยไปหลายก้าวโดยไม่รู้ตัว
อีกสองคนก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป ถอยด้วยเช่นกัน
รูปลักษณ์ภายนอกของซูเฉินแม้ดูไม่เป็นอันตรายใดๆต่อมนุษย์และสัตว์ แต่รอบกายเขา กลับคุกรุ่นไปด้วยจิตสังหารอันโหดร้ายรุนแรง
จิตสังหารเช่นนี้ มีเฉพาะบุคคลที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษเท่านั้นถึงจะครอบครองมันได้
ช่วงเวลานี้ พวกเขาทั้งหมดกระจ่างแล้ว ว่ากำลังรบของซูเฉินไม่ธรรมดา เป็นคนที่แข็งแกร่งมาก
“ก็จะต้องการอะไรซะอีก แน่นอน ว่าฆ่าแกไง!”
ซูเฉินเผยรอยยิ้มบาง กวาดพลังจิตกระจายออกไปทันที
ได้ยินเพียงเสียง โผล๊ะ โผล๊ะ! โผล๊ะ!! ชายที่มีแผลเป็นและสหาย ภายใต้แรงกดดันของพลังจิต ทั้งสามระเบิดกลายเป็นหมอกเลือด
มองไปยังฉากนี้ มุมปากของโจวหยุนสั่นระริกอย่างอดไม่ได้
เขารู้สึกได้ตั้งแต่เจอกันอีกครั้ง ว่าซูเฉินเหมือนจะมีพลังมากกว่าคราวก่อนที่เจอกัน
ครั้งที่แล้วซูเฉินอยู่ในเลเวล 3 แต่ตอนนี้เขาขึ้นเป็นเลเวล 4 แล้ว แถมกำลังรบยังเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
ส่วนเหตุผลที่โจวหยุนตระหนักได้ เป็นเพราะความรู้สึกจากสัญชาตญาณ
“ขึ้นรถก่อนเถอะ” ซูเฉินแนะ เดินนำขึ้นไปยัง [รถศึกอัจฉริยะ]
โจวหยุนก้าวตามไปติดๆ หลังจากขึ้นรถแล้ว เขาก็ทักทายทุกคนอย่างสุภาพ “ยินดีที่ได้พบผู้อาวุโสทุกท่าน”
สือตั้วตั้วพยายามกลั้นหัวเราะสุดชีวิต แอบพูดว่า “ฉันอายุแค่เจ็ดขวบ แล้วไหงกลายเป็นอาวุโสไปได้?”
เฉาหรานกระแอมในลำคอ แสร้งทำน้ำเสียงหนักแน่นสุขุม “โจวน้อย ไม่เลวเลยนี่ ไม่เจอกันแปปเดียว นายกลายเป็นผู้วิวัฒนาการแล้ว”
โจวหยุนมองไปทางซูเฉิน กล่าวอย่างซาบซึ้ง “ต้องขอบคุณขวดยาที่ผู้อาวุโสมอบให้ มิฉะนั้น ตลอดชีวิตผมคงไม่มีวันได้เป็นผู้วิวัฒนาการ”
พอได้ยินแบบนั้น เฉาหรานและคนอื่นๆพลันรู้สึกตื้นตัน คล้ายเป็นตัวเองที่เอ่ยประโยคนี้ออกมา
นั่นเพราะพรสวรรค์ของพวกเขาแย่มาก แต่เหตุผลที่พวกเขาสามารถกลายเป็นผู้วิวัฒนาการได้ ล้วนต้องยกเครดิตนี้ให้ซูเฉิน
“เรียกฉันว่าพี่เฉินเถอะ เปิดปากแต่ละทีเรียกอาวุโสๆ ได้ยินแล้วมันรู้สึกจั๊กจี้”
ซูเฉินกล่าวหยอกล้อ จากนั้นถามต่อว่า “คนของพวกเมืองทงเทียนบุกมาเท่าไหร่? แล้วตอนนี้พวกมันอยู่ที่ไหน?”
“พี่เฉิน พวกเขายกคนมาเป็นสิบ หนึ่งในนั้นมีผู้วิวัฒนาการเลเวล 4 รวมอยู่ด้วย” โจวหยุนรีบตอบอย่างรวดเร็ว
เขารู้สึกตื่นเต้นมากที่ซูเฉินให้ตัวเองเรียกว่า ‘พี่เฉิน’
แม้จะเป็นแค่การเปลี่ยนคำเรียกขาน แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาย่อมใกล้ชิดกันมากกว่าแต่ก่อน ดูเป็นมิตรจริงใจกว่าเดิม
“พวกมันมาทำอะไรที่นี่? อย่าบอกนะว่าเพราะหินรวมดารา?” ซูเฉินอุทานออกมาเบาๆ
ผู้วิวัฒนาการเลเวล 4 อาจกล่าวได้ว่าเป็นกำลังรบระดับสูงสุดของเมืองทงเทียน คนประเภทนี้มักไม่ถูกส่งออกมาข้างนอกกันง่ายๆ
เพราะหากเจอกรณีไม่คาดฝันขึ้นมา จะนับเป็นการสูญเสียอย่างใหญ่หลวง
“ดูเหมือนเพื่อจะรวบรวมหินรวมดาราจริงๆ เพราะทันทีที่มาถึง พวกเขาก็ไล่ค้นหาหินรวมดาราทุกที่” โจวหยุนคิดสักพักแล้วตอบ
ซูเฉินถูจมูก เริ่มครุ่นคิด
แม้คุณค่าของหินรวมดาราจะสูงมาก แต่ก็ไม่น่าจะมากถึงขนาดนี้รึเปล่า?
ถึงขั้นต้องส่งผู้วิวัฒนาการเลเวล 4 ออกมาค้นหาเชียวหรือ?
ซูเฉินรู้สึกได้รางๆ ว่าเรื่องนี้อาจไม่ธรรมดา ดังนั้นสั่ง [รถศึกอัจฉรืยะ] “เสี่ยวจือ ไปสถานชุมชนฮั่วหลางเดี๋ยวนี้”
“รับทราบ”
[รถศึกอัจฉริยะ] สตาร์ทเครื่อง เร่งความเร็วไปข้างหน้า
ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา [รถศึกอัจฉริยะ] ก็เคลื่อนถึงหน้าประตูสถานชุมชนฮั่วหลาง
เช่นเดียวกับครั้งก่อน มีผู้คนจำนวนมากกำลังรวมตัวกันอยู่ตรงทางเข้าออกประตูเมือง
การปราฏตัวของ [รถศึกอัจฉริยะ] สร้างความโกลาหลในหมู่พวกเขา
6/10
Ep.294
“ดูนั่นสิ กลุ่มเทพสังหารมาอีกแล้ว!”
“โอ้สวรรค์ พวกเขาคงไม่มาเพราะเรื่องของคนจากเมืองทงเทียนหรอกนะใช่ไหม?”
“ใครจะรู้ แต่ที่แน่ๆรอรับชมการแสดงดีๆได้เลย!”
“แต่ครั้งนี้เมืองทงเทียนมีผู้วิวัฒนาการเลเวล 4 มาด้วย พวกเขาจะสามารถต่อกรกับอีกฝ่ายได้หรอ?”
…
ครั้งที่แล้ว การมาเยือนของซูเฉินและสมาชิกคนอื่นๆ ก่อให้เกิดพายุฝนนองเลือดในสถานชุมชนฮั่วหลาง
ยอดฝีมือหลายคนรวมถึงเจ้าเมืองฟางเฉิงอู่ ทั้งหมดถูกฆ่าตาย
แล้ววันนี้ เป็นไปได้ไหมว่าอาจเกิดการสังหารหมู่ครั้งใหญ่เหมือนคราวก่อน?
“มาเถอะ ลงไปเจอพวกคนจากเมืองทงเทียนกัน”
ซูเฉินเปิดประตู เดินนำลงจากรถ
คนที่เหลือลงตามเขาไปติดๆ เมื่อทุกคนยืนเรียงรายกันอยู่หน้ารถ กลุ่มคนในชุดสีน้ำเงินก็ก้าวออกมาจากประตูเมือง
ดูจากเสื้อผ้า เมื่อเทียบกับสามคนก่อนหน้าที่ถูกฆ่าตายไป แทบไม่มีอะไรแตกต่างกัน
“คนที่ฆ่าฟางเฉิงอู่ กับที่ขโมยหินรวมดาราไป ใช่เจ้าพวกนี้รึเปล่า?”
ฝั่งตรงข้าม ชายชราที่มีรอยบุ๋มเต็มใบหน้า กวาดมองซูเฉินและสมาชิกคนอื่นๆ ก่อนหัดไปเอ่ยถามเฝิงเจ๋อที่อยู่ข้างๆเขา
เฝิงเจ๋อลอบมองไปยังซูเฉิน เมื่อเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความไม่เป็นมิตร เขาก็อดสั่นสะท้านไม่ได้
สามารถกล่าวได้เลย ไม่ว่าจะเป็นซูเฉิน หรือชายชราหน้าบุ๋ม คนใดเขาก็ไม่สามารถล่วงเกินได้
ทว่าเมื่ออยู่ระหว่างคนทั้งสอง เห็นได้ชัดว่าเขาต้องเลือกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
เฝิงเจ๋อดิ้นรนอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดตัดสินใจเลือกยืนเคียงข้างชายหน้าบุ๋ม
เพราะชายชราไม่เพียงเป็นผู้วิวัฒนาการเลเวล 4 เท่านั้น แต่เขายังมาจากเมืองทงเทียนอีกด้วย
เมื่อคำนึงถึงทั้งในด้านความแข็งแกร่งและสถานะ ซูเฉินไม่มีอะไรเทียบได้เลย
แม้ซูเฉินจะแข็งแกร่งมาก แต่เขาอยู่แค่เลเวล 3 ดังนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้วิวัฒนาการเลเวล 4 อย่างแน่นอน
เมื่อได้ข้อสรุปเช่นนี้ เขาก็โค้งคำนับและตอบว่า “เรียนนายท่าน เป็นพวกมันที่ขโมยหินรวมดาราไป พวกมันคือกลุ่มอันธพาลที่ฆ่าผู้นำฟาง!”
ได้ยินแบบนี้ หวู่หยางและคนอื่นๆต่างโกรธจัด
สีหน้าของซูเฉินเริ่มมืดมนลง
เพราะจะยังไงก็แล้วแต่ ครั้งก่อนที่จากกัน เขาได้ช่วยเหลือเฝิงเจ๋อ ผลักดันให้ขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำของสถานชุมชนฮั่วหลาง
แต่ไม่คาดคิดเลย ว่าผู้ชายคนนี้ไม่เพียงไม่รู้สึกขอบคุณ แต่ยังทำตัวเป็นดอกหญ้าลู่ลม เอนเอียงไปทางเมืองทงเทียน
ช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก!
พฤติกรรมเช่นนี้ เทียบเท่ากับเป็นการทรยศ และซูเฉินได้ใส่ชื่อของอีกฝ่ายลงในลิสรายชื่อต้องฆ่าแล้ว
“พวกแกกล้าดียังไง ถึงได้ฆ่าคนและปล้นชิงสมบัติที่นี่!”
ชายชราหน้าบุ๋มตวาดด้วยความโกรธ แล้วข่มขู่ด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “พวกแกคนไหนที่เอาหินรวมดาราไป รีบส่งคืนมาเดี๋ยวนี้ แล้วฉันจะยอมให้ศพอยู่ในสภาพสมบูรณ์!”
“คนจากเมืองทงเทียนนี่ชอบทำตัวกร่างแบบนี้กันหมดเลยรึเปล่า?”
ซูเฉินปาดจมูก ก้าวไปข้างหน้า ท่าทีแสดงออกถึงความเหยียดหยาม ปฏิบัติกับชายชราราวกับเป็นตัวตลก
“หืม?”
ชายชราหน้าบุ๋มขมวดคิ้วเล็กน้อย จับตาดูซูเฉินอย่างตั้งจ กล่าวเสียงเย็น “เจ้าหนู รู้รึเปล่าว่าเมืองทงเทียนแข็งแกร่งแค่ไหน รีบร้อนอยากไปแช่น้ำในกระทะทองแดงแล้วหรือ?”
เขาไม่เข้าใจ ชายหนุ่มตรงหน้า ทั้งๆที่รู้ว่าเขามาจากเมืองทงเทียน แต่ทำไมยังไม่สะทกสะท้าน?
ใช่เพราะรู้ตัวว่าคงตายแน่ๆ?
เลยอยากอวดเก่งก่อนตาย?
ทำให้ตัวเองดูมีศักดิ์ศรีในวินาทีสุดท้ายสินะ?
“ผู้วิวัฒนาการเลเวล 4 จากเมืองทงเทียน ไอ้หน้าไหนเป็นคนมอบความกล้าให้แกจนมองว่าคนอื่นต้องด้อยกว่าแบบนี้? ไม่รู้หรือว่าภายนอกเหนือฟ้ายังมีฟ้า” ซูเฉินกล่าวด้วยใบหน้าดูแคลน
ฟังจากคำพูดของชายชรา คล้ายกับว่าได้ยกเมืองทงเทียนเป็นขุมกำลังอันดับหนึ่งของเกาะเฉียนหยูเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ช่างหยิ่งผยองไม่รู้จักประมาณตน!
ดูพูดเข้า ทำเหมือนว่าทุกคนเมื่ออยู่ต่อหน้าเมืองทงเทียน ไม่ว่าใครก็ต้องยอมก้มหัว
มิฉะนั้นจักต้องพบพานกับความทุกข์ทรมาน กลายเป็นที่ระบายความโกรธของเมืองทงเทียน และได้แต่เฝ้ารอความตาย!