289-290
1/10
Ep.289
และที่ทำให้พวกเขายากจะทำใจยอมรับขึ้นไปอีกก็คือ ในตอนที่ซูเฉินเดินออกมา เขาทำท่าทางปัดตามเสื้อผ้าเบาๆ พร้อมรอยยิ้มจางที่ผุดขึ้นตรงมุมปาก คล้ายที่ผ่านมา ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆเลย
นี่มันเรื่องอะไรกัน?
หรือว่าเทคนิคเวทมนต์และศรแหลมเมื่อครู่เป็นแค่ภาพลวงตา?
เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาโจมตีพลาด เลยไม่โดนเป้าหมาย?
หรืออาจเป็นเพราะซูเฉินแข็งแกร่งเกินไป การโจมตีแสนรุนแรงนี้จึงไม่อาจทำอะไรได้?
ไม่ว่าจะข้อไหนก็น่าเหลือเชื่อทั้งนั้น คนจากสิบสามเมืองแห่งทะเลแห่งการหลงเลือน ทั้งหมดตกอยู่ในความตื่นตะลึงและสับสน
“อาศัยแค่มดปลวกอย่างพวกแก คิดหรือว่าจะล้มฉันได้? ช่างไม่รู้จักประมาณตน!” ซูเฉินแสยะยิ้มเย็น ก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ
ด้วยพลังของ [กายาเทพอสูรนิรันดร์] มันสามารถสลายการทุกการโจมตีในเลเวลเดียวกันหรือต่ำกว่าได้
ถันสือไห่ผู้มีกำลังรบแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม ยังเป็นแค่ปรมาจารย์มนตราเลเวล 4 เท่านั้น แล้วแบบนี้ยังจะมีใครทำร้ายเขาได้อีก?
แม้ซูเฉินจะเดินไปอย่างช้าๆ แต่ทุกย่างก้าวของเขา สั่นคลอนหัวใจของคนจากสิบสามเมืองแห่งทะเลแห่งการหลงเลือน ให้ความรู้สึกราวกับว่าความตายกำลังใกล้เข้ามา
สุดท้าย พวกเขาก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป หันมาอ้อนวอนถันสือไห่
“ท่านเจ้าเมือง เขาไม่ใช่มนุษย์แล้ว! พวกเรารีบหนีกันเถิด!”
“ท่านผู้นำพันธมิตร รีบล่าถอยกันก่อน ท้องทะเลกว้างใหญ่ หากเร่งจากไปคงหลบหนีได้ไม่ยาก!”
…
ความแข็งแกร่งของซูเฉิน มันเกินความรู้ความเข้าใจของพวกเขา
คมแหลมจากศรมิอาจทำร้าย เวทมนต์ก็ใช้ไม่ได้ผล เผชิญหน้ากับการดำรงอยู่อันน่าขวัญผวาที่มิอาจเข่นฆ่า แล้วพวกเขาจะเหลือความอาจหาญที่จะต่อกรกับเขาได้อีกอย่างไร?
ณ ขณะนี้ เอาตรงๆ พวกเขาปรารถนาจักมีปีกสักคู่ จะได้โบยบินไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
“ถอนกำลัง! กลับไปยังเมืองถันไห่ ประกาศล่าถอยเดี๋ยวนี้!”
ถันสือไห่ได้สติกลับมา ออกคำสั่งเร่งด่วน
เขาบังเกิดความหวาดกลัวในตัวซูเฉิน หวาดกลัวชนิดขี้ขึ้นสมอง ในใจคิดถึงแต่การหลบหนี หนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้
ตราบใดที่เขาไม่พบหน้าซูเฉินอีก ต่อให้หนีไปถึงสุดขอบโลกก็ยอม
ส่วนเรื่องหน้าตานับเป็นสิ่งใด? ศักดิ์ศรีบ้าบออะไร? เมื่อเทียบกับชีวิตน้อยๆแล้ว ที่กล่าวมามันก็แค่ลมตด!
“คิดจริงๆหรือว่าจะหนีรอดไปได้?” ซูเฉินเย้ยหยัน เปลี่ยนจากเดินเป็นวิ่ง รีบพุ่งไปยังข้างหน้า
เมื่อเข้าประชิดเรือลำใหญ่ หนึ่งเท้าทิ้งน้ำหนักลงบนผิวน้ำ บังเกิดละลอกคลื่นกระเพื่อมทุกทิศทาง ถีบตัวกระโจนขึ้นฟ้า ตามด้วยหนึ่งหมัดชกออกไปกลางอากาศ
แทบจะในทันที ปรากฏกำปั้นทองคำนับร้อยผุดพรายขึ้นอย่างไร้ที่มา ทุกเงาหมัดแผ่กลิ่นอายอันรุนแรงและทรงพลัง ก่อกวนอากาศที่ว่างเปล่าจนสั่นสะเทือนเป็นเสียงหึ่ง หึ่ง
“นั่นมันอะไรกัน?”
ถันสือไห่ตกใจกลัวจนขาทั้งสองข้างสั่นระริก ลูกน้องคนอื่นๆตกอยู่ภายใต้แรงกดดันของกำปั้นทองคำ จนไม่แม้จะสามารถเอ่ยปากได้
“หมัดดาวตก!”
ซูเฉินตะโกนลั่น ชกออกไปสุดแรง
ตูม ตูม ตูมมมม!
ตามมาติดๆด้วยเสียงปะทะดังกึกก้องรุนแรงติดต่อกันเป็นร้อยครั้ง ภายใต้การทำลายล้างอย่างไร้ปราณีของ [หมัดดาวตก] เรือใหญ่ซึ่งมีความยาวกว่า 100 เมตร ถูกชกจนแหลกเป็นชิ้นๆ
ถันสือไห่และคนอื่นๆก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของคำนิยามว่าแหลกเป็นชิ้นๆเช่นกัน ซากชิ้นส่วนศพของพวกเขาตกลงไปในทะเล ก่อนจมหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“โอ้สวรรค์! หนีเร็ว! เขาไม่ใช่คนแล้ว แต่เป็นปีศาจร้าย!”
คนบนเรืออีกสองลำหวาดกลัวแทบอกแตกตาย หันหัวเรือใหญ่พยายามหลบหนีไปให้ไกล
อัตราเร็วของพวกเขาค่อนข้างเร็ว ชั่วพริบตาเดียวก็สามารถหลบหนีออกไปได้ไกลนับ 100 เมตรแล้ว
ซูเฉินเบ้ปาก กล่าวกับ [รถศึกอัจฉริยะ] “เสี่ยวจือ ยิงตอร์ปิโดสองลูก ฆ่าพวกมัน”
“รับทราบ”
[รถศึกอัจฉริยะ] เปิดเครื่องยิงตอร์ปิโด ปล่อยสองกระสุนใหญ่ดังหวือ หวือ! และตามมาติดๆด้วยเสียง บรึ้ม บรึ้ม!
บังเกิดเสียงอึกทึกดังกึกก้อง สองเรือใหญ่จมลงสู่ก้นทะเล
“เอาล่ะ พวกเราเริ่มงานกันต่อเถอะ”
ซูเฉินเผยรอยยิ้มบาง ก้าวบนผิวน้ำไปยังอัญมณีมนต์ต้องห้าม มองสำรวจมันสักพัก ก็ใส่ลงในถุงเก็บของ
หน้าที่ของอัญมณีมนต์ต้องห้ามนั้นค่อนข้างแปลกประหลาดมาก
ดูเหมือนว่ามันสามารถตัดสะพานที่เชื่อมต่อระหว่างร่างกายกับพลังเวทย์ได้
เจ้าสิ่งนี้ทำให้ซูเฉินรู้สึกสนใจเป็นอย่างมาก ดังนั้นตั้งใจว่าหากมีเวลาจะศึกษามัน
2/10
Ep.290
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ศพของสัตว์ทะเลถูกเก็บกวาดเรียบร้อย ทุกคนกลับขึ้นไปยัง [รถศึกอัจฉริยะ]
ซูเฉินนำ [หม้อแรงดันอเนกประสงค์] และ [เตาอเนกประสงค์] ออกมา มอบให้กับหยางฮ่าว เพื่อใช้เตรียมอาหาร
ส่วนเขาแยกไปคุยกับ [รถศึกอัจฉริยะ]
“เสี่ยวจือ ฉันได้หินพายุสายฟ้ามาแล้ว มีทั้งหมด 100 ก้อน มากพอที่จะใช้อัพเกรดรึเปล่า”
“เจ้านาย การอัพเกรดตาข่ายพายุแม่เหล็กกับตอร์ปิโด ต้องการหินพายุสายฟ้าอย่างละ 50 ก้อน ส่วนท่าโจมตีลำแสงสายฟ้า ต้องใช้ 100 ก้อน” [รถศึกอัจฉริยะ] ตอบ
“ถ้าเลือกอัพเกรดตาข่ายพายุแม่เหล็กกับตอร์ปิโด พวกมันจะมีอำนาจโจมตีเพิ่มขึ้นมากแค่ไหน?” ซูเฉินสนใจเรื่องนี้มากกว่า
ส่วนลำแสงสายฟ้า เนื่องจากต้องใช้ถึง 100 ก้อน เขารู้สึกว่ามันไม่ค่อยคุ้มค่า ดังนั้นเขาเลยตัดสินใจอัพเกรดอย่างแรกไปก่อน
“หลังจากอัพเกรดตาข่ายพายุแม่เหล็กแล้ว รัศมีโจมตีของมันจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า แต่ในด้านพลังโจมตียังคงเดิม ส่วนตอร์ปิโด หลังจากอัพเกรด พลังโจมตีของมันจะเพิ่มขึ้นหนึ่งในสาม”
ได้ยินแบบนี้ ซูเฉินก็พยักหน้าเล็กน้อย
ก่อนที่จะอัพเกรดตาข่ายพายุแม่เหล็ก การเรียกใช้งานมันครั้งหนึ่ง สามารถสังหารซอมบี้เลเวล 3 หรือต่ำกว่า ได้มากถึง 100 ตัว แต่หลังจากอัพเกรดแล้ว ประสิทธิภาพในการสังหารของมันอาจเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
ส่วนตอร์ปิโด เดิมสามารถสังหารสัตว์ทะเลได้ลูกละ 300 ตัว หลังอัพเกรดก็จะฆ่าได้เป็น 400 ตัว
ซูเฉินใส่หินพายุสายฟ้าลงในช่องใต้แผงควบคุม
เมื่อ [รถศึกอัจฉริยะ] ทำการอัพกเรดเสร็จสิ้น ซูเฉินก็หันไปมองหน้าจอควบคุมส่วนกลาง และเริ่มค้นหาที่อยู่ของสัตว์ทะเลต่อ
แต่ในขณะนั้นเอง [รถศึกอัจฉริยะ] ก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง “เจ้านาย อัญมณีที่คุณได้รับก่อนหน้านี้ มีประโยชน์มากสำหรับฉัน มันสามารถช่วยให้ฉันสร้างฟังก์ชั่นใหม่ได้”
“อัญมณี? นายหมายถึงอัญมณีมนต์ต้องห้ามน่ะเหรอ?” ซูเฉินหยิบอัญมณีมนต์ต้องห้ามออกมา เอ่ยถามต่อว่า “เสี่ยวจือ ใช่อันนี้รึเปล่า?”
“เป็นมัน” [รถศึกอัจฉริยะ] ตอบยืนยัน
ซูเฉินยื่นอัญมณีมนต์ต้องห้ามลงในช่องใต้แผงควบคุมทันที จากนั้นถามว่า “เสี่ยวจือ ฟังก์ชั่นใหม่ที่ว่าคืออะไร”
อัญมณีมนต์ต้องห้ามเป็นของดี แต่ตราบใดที่มันช่วยเพิ่มความสามารถของ [รถศึกอัจฉริยะ] ต่อให้เป็นของดีแค่ไหน ซูเฉินก็เต็มใจมอบให้แก่ [รถศึกอัจฉริยะ]
“ด้วยอัญมณีมนต์ต้องห้ามนี้ มันสามารถช่วยให้ฉันเปิดฟังก์ชั่นสร้างคลื่นแสงมนต์ต้องห้าม ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 1 กิโลเมตรได้”
“คลื่นแสงมนต์ต้องห้ามมีไว้ใช้ทำอะไร?” ซูเฉินรู้สึกได้รางๆว่าเจ้าสิ่งนี้ไม่น่าธรรมดา เอ่ยถามด้วยความประหม่า
“หน้าที่ของคลื่นแสงมนต์ต้องห้าม คือการปิดกั้นพลังเวทย์ของปรมาจารย์มนตรา และอัตราปิดกั้นสูงถึง 100% แต่มีข้อจำกัดคือ เวทมนต์ที่ปิดกั้นต้องไม่เกินกว่าเลเวลของฉัน”
เซอร์ไพรส์มาก อ๊า! นี่มันจะเซอร์ไพรส์เกินไปแล้ว
ดวงตาของซูเฉินเปล่งประกาย เริ่มรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย
คลื่นแสงมนต์ต้องห้ามมีผลกับปรมาจารย์มนตราเท่านั้น หากปรมาจารย์มนตราคนใดถูกคลื่นแสงเข้าปกคลุม จะไม่สามารถปลดปล่อยพลังเวทย์ออกมาได้ อาจกล่าวได้ว่า คนผู้นั้นกลายจะเป็นตัวไร้ประโยชน์ในสนามรบไปเลย
แน่นอน เงื่อนไขหลักๆคือปรมาจารย์มนตราที่ว่า ต้องไม่มีระดับเกินกว่าเลเวลของ [รถศึกอัจฉริยะ]
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ปัจจุบัน [รถศึกอัจฉริยะ] เลเวล 3 คลื่นแสงมนต์ต้องห้ามจะสามารถสกัดกั้นเวทมนต์ของปรมาจารย์มนตราที่เลเวล 3 หรือต่ำกว่าได้เท่านั้น
แต่ถึงกระนั้น พลังของคลื่นแสงมนต์ตราต้องห้ามก็ไม่ใช่ธรรมดาเช่นกัน
ก็ลองคิดดูสิ ว่าจะมียอดฝีมือเลเวล 4 หรือสูงกว่านั้นบนเกาะเฉียนหยูซักกี่คน?
ยิ่งไปกว่านั้น [รถศึกอัจฉริยะ] ไม่ได้อยู่ในเลเวล 3 ตลอดไป มันสามารถอัพเกรด ตราบเท่าที่มีวัสดุเพียงพอ ก็สามารถอัพเกรดได้อย่างต่อเนื่อง
ถึงเวลานั้น ท้ายที่สุดแล้วพลังของคลื่นแสงมนต์ต้องห้ามก็จะยิ่งสูงขึ้น
ใช้เวลาสักพักเลยกว่าซูเฉินจะสงบใจลง เขาเริ่มค้นหาที่อยู่ของสัตว์ทะเลต่อไป