ผมได้รับพลังแห่งลิชมาพิชิตสาวงาม ตอนที่ 2
ผมได้รับพลังแห่งลิชมาพิชิตสาวงาม ตอนที่ 2
โน๊ตบุ๊คบูทเครื่องอย่างรวดเร็ว เซี่ยเยี่ยนไม่ได้ล็อกอินเข้า QQ เพราะตอนอยู่มัธยมปลายเขาไม่ค่อยมีเพื่อน เขาค่อนข้างเป็นที่ขัดหูขัดตาสำหรับใครหลายๆคน ในเมื่อรายชื่อเพื่อนในโปรแกรม QQ ไม่ค่อยจะมี เขาก็ไม่มีความจำเป็นต้องล็อกอินเข้าไป
เซี่ยเยี่ยนลงมือเสิร์ชหาข่าวอยู่พักหนึ่ง จากนั้นจึงสมัครแอคเคาท์และล็อกอินเข้าไปในบอร์ดสนทนาของมหาวิยาลัยซีเหอ เขาเริ่มต้นอ่านหัวข้อกระทู้ต่างๆอย่างกระตือรือร้น เว็บบอร์ดสนทนาย่อมเป็นหนทางในการทำความเข้าใจสถานศึกษาได้ดีที่สุด โรงเรียนมัธยมปลายที่เขาเคยเรียนไม่ได้มีบอร์ดสนทนาคุณภาพสูงเช่นนี้ หัวข้อส่วนใหญ่ของที่นั่นมักเป็นการท้าตีท้าต่อย อ่อยสาว เล่าเรื่องราวปรับทุกข์ หาสาระไม่ได้แม้แต่น้อย
เซี่ยเยี่ยนเลือกดูกระทู้ที่ได้รับการแนะนำก่อน '50 สิ่งที่เฟรชชี่ต้องทำสักครั้ง' 'ชมรมรีวิว' และกระทู้อื่นๆที่ดูมีประโยชน์
เซี่ยเยี่ยนค่อยๆเลื่อนลงมาจนเจอเข้ากับกระทู้ที่น่าสนใจกระทู้หนึ่ง "การจัดอันดับดาวมหาลัยซีเหอ!" เซี่ยเยี่ยนตาลุกวาว ขณะที่เขากำลังจะรัวเมาส์คลิกเข้าไปนั้น สายตาก็เหลือบไปเห็นหัวข้อด้านล่างที่ทำให้เขาต้องหยุดอ่าน เขาเลื่อนเมาส์จาก "การจัดอันดับดาวมหาลัยซีเหอ!" ไปยังหัวข้อนั้นและคลิกเข้าไป
'รวมเรื่องราวเหนือธรรมชาติในมหาวิทยาลัยซีเหอ'
เซี่ยเยี่ยนเคยได้ยินมาว่ามหาวิทยาลัยแห่งนี้สร้างขึ้นทับสุสานเก่า มีเรื่องเล่าชวนขนหัวลุกมากมายหลายเรื่องที่ถูกต่อกันมาเป็นทอดๆ เหตุการณ์ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นตามห้องน้ำหรือห้องสมุด เหตุการณ์เหนือธรรมชาติเหล่านี้แทบจะกลายเป็นวัฒนธรรมสืบทอดภายในมหาวิทยาลัย
กระทู้นี่เต็มไปด้วยข้อความยาวเป็นพรืดพร้อมกับมีรายชื่อเหตุการณ์เหนือธรรมชาติอีกหลายสิบเรื่อง เซี่ยเยี่ยนค่อยๆไล่อ่านด้วยความสนใจ บางครั้งยังเดาะลิ้นหรือส่งเสียงอุทานออกมาเป็นครั้งคราว
"ช่วยหยุดทำท่าทางพิลึกพิลั่นแบบนั้นทีเถอะ นี่นายชอบทำเสียงแบบนั้นตอนดูรึไง?" จ้าวเฉียงทำสีหน้าแปลกๆขณะเดินเช็ดหัวออกจากห้องน้ำ ท่อนบนของเขาเปลือยเปล่าอวดมัดกล้าม ขณะที่ท่อนล่างสวมใส่กางเกงกีฬาสีดำ
"จ้าวเฉียง นายรู้เรื่องตำนานสี่ศูนย์สองรึเปล่า?" เซี่ยเยี่ยนเงยหน้าขึ้นก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงชวนขนหัวลุก
"ยังไง?" จ้าวเฉียงถาม
"ห้องพักของพวกเรา....เคยมีคนตายเมื่อหลายปีก่อน เหตุเกิดตรงที่เดียวกันกับที่นายกำลังยืนอยู่นั่นล่ะ คนคนนั้นใช้เชือกรองเท้าแขวนคอตัวเองตาย!" เซี่ยเยี่ยนลดเสียงลงก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงชวนขนลุก
จ้าวเฉียงชะงัก เขายกมือขึ้นแตะกรอบประตูที่สูงราวสองเมตรก่อนจะพูดพลางใช้คิด "ความสูงของเขาต้องไม่ถึงร้อยหกสิบห้าจึงจะแขวนคอตัวเองได้ คนที่มีส่วนสูงแค่นี้คงยากจะหาแฟนได้แน่ เลือกจบชีวิตอย่างสิ้นหวังก็คงไม่แปลก เชือกรองเท้าที่ใช้ผูกคอนั่นก็คงต้องเป็นเชือกคุณภาพสูงสักหน่อย และยังต้องเก่งในการผูกเงื่อนด้วย....นี่เพื่อน นายก็อยู่ห้องนี้ใช่เปล่า? เข้ามาสิ!"
เซี่ยเยี่ยนรู้สึกหมดสนุกเมื่อพบว่าหมอนี่ไม่กลัวผีเลยสักนิด เมื่อจ้าวเฉียงส่งเสียงทักคน เซี่ยเยี่ยนก็หันไปมองตาม ตรงนั้นมีหนุ่มแว่นท่าทางเนิร์ดๆที่สีหน้าไม่ค่อยสู้ดีทำท่าทางคล้ายกำลังลังเลว่าจะเข้ามาในห้องดีหรือไม่
"เปลี่ยนห้องตอนนี้ทันไหมเนี่ย~" หนุ่มแว่นร้องคร่ำครวญ
หนุ่มแว่นที่ถูกเรื่องเล่าสยองขวัญขู่จนหน้าเสียผู้นี้มีชื่อว่า ฉินเจี้ยน เป็นคนจากเมืองซวงชิ่ง เมื่อการขอเปลี่ยนห้องนั้นเป็นไปไม่ได้ ทั้งสามคนก็เริ่มแนะนำตัวเองและเริ่มทำความคุ้นเคยกัน
"เออใช่ เบอร์มือถือของพวกนายเบอร์ไร? มาแลกเบอร์กันเถอะ ของฉัน..." จ้าวเฉียงเสนอขึ้นมาเมื่อพูดคุยกันไปได้สักพัก
ทั้งสามต่างบันทึกเบอร์ของกันและกันเอาไว้ เมื่อสองคนที่เหลือเห็นเซี่ยเยี่ยนควักมือถือโนเกียราคาสองร้อยหยวนขึ้นมา พวกเขาก็พอเดาได้ว่าฐานะทางบ้านของเจ้านี่คงไม่ค่อยสู้ดีนัก
จ้าวเฉียงและฉินเจี้ยนต่างพากันแซวอย่างติดตลกเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศ พวกเขาไม่ได้รู้สึกดูถูกหรือรังเกียจเดียดฉันท์เซี่ยเยี่ยนเลยสักนิด
เซี่ยเยี่ยนรู้สึกซาบซึ้งใจ เพื่อนใหม่สองคนนี้มีฐานะทางบ้านดีกว่าเขามาก กระนั้นพวกเขาก็ไม่ได้เยาะเย้ยเหมือนกับพวกเพื่อนร่วมชั้นสมัยมัธยม พวกเขาเพียงหยอกล้อด้วยหวังเซี่ยเยี่ยนไม่คิดมากก็เท่านั้น
"สักวันฉันต้องเปลี่ยนมือถือแน่ ถึงตอนนั้นพวกนายต้องสอนฉันจีบสาวด้วยล่ะ!" เซี่ยเยี่ยนโอบไหล่เพื่อนทั้งสองพลางหัวเราะ
ทั้งสามพูดคุยกันอยู่ในห้องไปเรื่อยเปื่อย เวลาไหลผ่านไปอย่างไม่รู้สึกตัว ไม่นานก็ถึงเวลากลางวัน รูมเมทคนที่สี่ยังคงไม่มา แต่นี่ก็เข้าใจได้ สำนักทะเบียนนั้นเปิดให้ลงทะเบียนได้สองวัน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่คิดอะไรมาก
เหลือบมองเวลาดูแล้ว จ้าวเฉียงก็เอ่ยปากชวนพวกเขาไปหาอะไรกินกัน สามสหายออกมาทางประตูทิศใต้ของมหาวิทยาลัย พื้นที่แถบนี้มีร้านอาหารขนาดเล็กอยู่เยอะแยะมากมาย พวกเขาเลือกร้านหม้อไฟที่หน้าตาน่ากินร้านหนึ่งก่อนจะสั่งเบียร์มาที่โต๊ะ เมื่อพนักงานนำของมาเสิร์ฟ พวกเขาก็เริ่มชนแก้ว
"แด่ชีวิตมหาลัย! เอ้าชน!" จ้าวเฉียงชูแก้วขึ้นชน เซี่ยเยี่ยนกระดกเบียร์ลงคอจนหมดแก้ว เบียร์เย็นๆที่ค่อยๆไหลผ่านลำคอลงกระเพาะนั้นให้ความรู้สึกสดชื่นสุดๆ
ฉินเจี้ยนเพียงดื่มไปเล็กน้อยก็หน้าแดง เมื่อสุราออกฤทธิ์ หนุ่มแว่นท่าทางเนิร์ดๆก็เปลี่ยนเป็นคนพูดมากและเริ่มวิพากษ์วิจารณ์สาวๆที่อยู่โต๊ะใกล้ๆ ดังคำที่ว่าสุราเปลี่ยนนิสัย
หลังจากดื่มไปได้หลายแก้ว จ้าวเฉียงก็ยกมือชี้ไปยังจี้รูปหัวกะโหลกตรงหน้าอกของเซี่ยเยี่ยนและถามขึ้นมาว่า "ไอ้นั่นมันอะไรกันน่ะ? อย่าบอกนะว่าเลียนแบบหนังแก๊งค์สเตอร์?"
"ช่าย~ นายจะห้อยอะไรก็ไม่ห้อย ดั๊น~มาห้อยหัวกะโหลกซะงั้น เห็นนายทีแรกก็คิดว่านายเป็นพวกเด็กแก๊งค์อะไรเทือกนั้นซะอีก" ฉินเจี้ยนพูดเสริม
เด็กแก๊งค์?
เซี่ยเยี่ยนนิ่งอึ้ง ตอนนี้เขาพอเข้าใจแล้วว่าทำไมวันนี้ถึงมีสายตาแปลกๆมองมาที่เขากันเยอะนัก เซี่ยเยี่ยนยื้มเจื่อนก่อนจะถามขึ้น "ถ้าฉันบอกพวกนายว่าฉันเป็นนักเวท และนี่ก็คือสร้อยคอเวทมนตร์ที่สามารถใช้จับวิญญาณได้ล่ะ พวกนายจะเชื่อไหม?"
"ไม่อ่ะ"
เซี่ยเยี่ยนหยิบเนื้อเสียบไม้จุ่มลงไปในหม้อที่กำลังเดือดปุดๆก่อนจะนำขึ้นมากินและดื่มเบียร์ตามอย่างเบิกบานใจ ทันใดนั้นหูของเขาก็ต้องกระดิกเมื่อได้ยินคำที่น่าสนใจจากสาวๆที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ เขาเงยหน้าขึ้นก่อนจะหันไปทางต้นเสียง
"ผีถ้วยแก้ว? ไม่เอาอ่ะน่ากลัวจะตาย!" หญิงสาวน่าตาน่ารักพูดขึ้นด้วยท่าทางขลาดกลัว
"มีอะไรน่ากลัวกัน? ตอนอยู่มอปลายฉันก็เคยเล่นมาแล้ว ไม่เห็นมีอะไรเลย หลายคนเขาก็เล่นกันแล้วก็ไม่เห็นเป็นไร อย่ากังวลไปเลยน่าเสี่ยวหวี่!" หญิงสาวผมดำสยายใช้นิ้วจิ้มแก้มอีกฝ่ายขณะพูดปลอบ เธอหยิบเนื้อเสียบไม้ขึ้นมาจากหม้อก่อนจะหมุนไม้ในถ้วยพริกป่น หญิงสาวคนนี้นับว่ามีเสน่ห์ดึงดูดผู้ชายสูงมาก
"พี่อันนา พี่เคยเชิญวิญญาณมาจริงๆ?" หญิงสาวอีกคนถามอย่างสงสัย
"ใช่แล้ว เธอไม่รู้อะไร มันมหัศจรรย์มากเลยรู้เปล่า เมื่อเธอถามคำถามออกไป ถ้วยแก้วก็จะเคลื่อนไปยังคำตอบเอง....."
"หลอกกันมั้ง? เธอก็คงใช้นิ้วดันถ้วยนั่นล่ะสิ!" หญิงสาวผมสั้นที่ใส่เสื้อคอกว้างจนเผยให้เห็นสายเสื้อชั้นในพูดขึ้นอย่างไม่เชื่อ
"นิ้วของคนห้าคนคงไม่ดันไปคำตอบเดียวกันหรอกถูกไหม? แล้วก็อีกอย่าง ฉันเคยลองเล่นคนเดียวดูแล้ว และถ้วยแก้วมันก็ขยับไปเองจริงๆ มันตื่นเต้นสุดๆไปเลยล่ะ!" หญิงสาวผมดำอันนาบอกเล่าด้วยความตื่นเต้น
"แล้วเธอถามอะไรไป?"
"ยังจะถามอะไรซะอีกล่ะ? ก็ต้องเป็นคำถามโง่ๆอย่าง สามีในอนาคตจะเป็นใครแหงอยู่แล้ว!"
"ฉันก็อยากจะถามแบบนั้นเหมือนกัน..." เสี่ยวหวี่พูดขึ้นเขินๆ ไม่สนใจคำว่า 'คำถามโง่ๆ' เลยสักนิด
"เสี่ยวหวี่เองก็ถึงวัยนี้แล้วสินะเนี่ย~"
เด็กสาวผมสั้นเชยคางเสี่ยวหวี่ขึ้นก่อนจะยิ้มอย่างชั่วร้าย "กล้านอกใจฉันแบบนี้ต้องโดนลงโทษ!"
"เดี๋ยวเถอะอันเสี่ยวหรู ยัยเลสนี่หนิ อย่ายุ่งกับหวี่น้อยของฉันนะ!" อันนาหัวเราะคิกคัก
"อันนา เสี่ยวหวี่น่ะเด็กฉัน ทำไมเธอไม่มาจอยด้วยเลยล่ะ ฉันน่ะจะสร้างฮาเร็มให้ยิ่งใหญ่ไปเลย!" เสี่ยวหรูแสยะยิ้มก่อนจะยื่นมือไปหยิกก้นของอันนาจนอันนาพลันเผลอส่งเสียงน่าอายออกมา
น่าอิจฉาจริงๆ.....
"เห้ย เห้ย ไอ้สองคนนี้หนิ เช็ดน้ำลายเลย! จ้าวเฉียง เลือดกำเดาไหลแล้วโว๊ย" เซี่ยเยี่ยนยื่นมือออกไปโบกๆบดบังสายตาของสหายทั้งสองและเรียกให้วิญญาณของเขาพวกเขากลับเข้าร่าง
"สวยชะมัด!" จ้าวเฉียงเงยหน้าขึ้นมองเพดานขณะที่จมูกยัดทิชชู่ห้ามเลือดเอาไว้ "ทั้งสาวผมสั้นและผมยาวนั่นคงได้สักแปดคะแนน ส่วนเสี่ยวหวี่ที่ดูเด็กๆนั่นไม่ใช่สเปคฉัน ให้เจ็ดคะแนนก็แล้วกัน ส่วนคนสุดท้ายที่หน้าตาธรรมดานั่นไม่ให้คะแนน!"
"จ้าวเฉียง มาตราฐานนายเนี่ยต่ำจังนะ สำหรับฉันแล้วล่ะก็ สี่สาวนั่นน่ะ ห้าคะแนนก็เต็มกลืนแล้ว!" ฉินเจี้ยนพูดขึ้น
"จะจริงเร้อ?" จ้าวเฉียงพูดกระเซ้า
"แน่นอน!" ฉินเจี้ยนตอบ "อย่างมากก็ห้าคะแนน!"
"พอเลยๆ"
เซี่ยเยี่ยนขัดขึ้นพลางหัวเราะกับความไร้สาระของเพื่อนใหม่ทั้งสอง แต่เมื่อโต๊ะของกญิงสาวกลุ่มนั้นเริ่มพูดคุยกันอีกครั้ง หูของเขาก็กระดิกเมื่อได้ยินคำว่า 'ตึก H ห้อง 504'
'ผีถ้วยแก้วงั้นเหรอ? นั่นไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลยนะ'
'แม่สาวผมสั้นนั่น อันเสี่ยวหรูสินะ มีธาตุอันเดดลอยหึ่งเลยแฮะ ถ้าไปยุ่งกับผีถ้วยแก้วด้วยสภาพแบบนั้นแล้วล่ะก็คงเป็นเรื่องแน่'