80Y-ตอนที่ 35 รอสายฝน
หลินจิ่วเฟิง ได้มองไปที่ หลินเทียนหยวน อย่างเฉยเมย
‘พูดในสิ่งที่ควรพูด’
‘อย่าได้พูดอะไรที่ไม่ควรพูด’
หลังจาก หลินเทียนหยวน แซวลุงของเขา เขาก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าเขาทำอะไรลงไป ตอนนี้เขารู้สึกกังวลขึ้นในทันที“ท่านลุง สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งราชวงศ์หยานที่ยิ่งใหญ่นี้แทบจะไม่ได้ละจากหน้าที่ของนางเลยตลอด 25 ปีที่ผ่านมาหลังจากที่นางกลับไป…”
“นางมีหน้าที่รับผิดชอบต่อการเสียสละในประเทศ”
“หลายคนบอกว่านางสามารถสื่อสารกับเหล่าทวยเทพได้”
“มีคนมากมายนับไม่ถ้วนที่บอกว่าตนเองสามารถสื่อสารกับเหล่าทวยเทพได้ แต่คนเหล่านั้นกลับมีความสามารถงั้นหรือไม่?”หลินจิ่วเฟิง ได้ทำตัวเฉยเมย ภาพของสตรีศักดิ์สิทธิ์นางนี้ได้หายไปจากใจของเขาแล้ว เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่านางหน้าตาเป็นอย่างไร
เพราะท้ายที่สุด เขาก็ไม่เคยคิดถึงนางเลยแม้แต่ครั้งเดียวตลอด 25 ปีที่ผ่านมา
มันคงจะแปลกหากเขายังคงจำรูปร่างหน้าตาของนางได้
“ท่านลุง ท่านพูดผิดแล้ว จากข้อมูลที่ข้าได้รับ สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งราชวงศ์หยานผู้ยิ่งใหญ่นี้นางมีความสามารถจริง ๆ”หลินเทียนหยวน ได้อธิบาย
“ความสามารถอะไร?”หลินจิ่วเฟิง ได้กล่าวถาม
“สตรีศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้ได้รับพรจากเหล่าทวยเทพในการให้ความตระหนักรู้แก่ผู้อื่น…”
“มีคนมากมายมาสวดอ้อนวอนด้วยความจริงใจ หลังจากได้รับการตระหนักรู้จากนางแล้ว พวกเขาก็กลายเป็นยอดฝีมือในเวลาต่อมา”
“ปราชญ์การต่อสู้บางคนได้ปรากฏตัวขึ้นก็เพราะความสามารถของนาง”
“คนเหล่านี้ได้กลายเป็นผู้พิทักษ์ที่อุทิศตนให้กับนาง ทำให้ ตอนนี้ ทางราชวงศ์หยานที่ยิ่งใหญ่ไม่สามารถดูแคลนได้”หลินเทียนหยวน ได้อธิบาย
“มอบการตระหนักรู้ให้ผู้คนจนตัดผ่านขั้นปราชญ์การต่อสู้?”
การแสดงออกของ หลินจิ่วเฟิง ค่อนข้าง แปลกๆ
“ถูกต้อง นี่คือข้อมูลที่ข้าได้รับมาจากระบบข่าวกรองของข้า ทุกอย่างมันเป็นเรื่องจริง”
หลินเทียนหยวน ได้พยักหน้า
“หากคิดจะสอนให้ผู้อื่นตัดผ่านเข้าสู่ขั้นปราชญ์การต่อสู้ได้ แน่นอนว่านางจะต้องมีรากฐานการบ่มเพาะพลังที่สูงกว่าขั้นปราชญ์การต่อสู้อย่างแน่นอน”
“แต่เท่าที่ข้าจำได้ตอนที่สตรีศักดิ์สิทธิ์ถูกจับเมื่อ 25 ปีก่อน นางไม่ได้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นก่อกำเนิดเลยด้วยซ้ำอีกทั้งยังอ่อนแอมาก”
“จะบอกว่านางสามารถกลายเป็นยอดฝีมือที่น่าสะพรึงกลัวหลังจากผ่านไป 25 ปี?”
หลินจิ่วเฟิง ได้สั่นศีรษะเขาพบว่ามันยากที่จะเชื่อว่านี่เป็นความจริง
ถ้า หลินจิ่วเฟิง ถูกขอให้เป็นที่ปรึกษาให้กับใครบางคนในการตัดผ่านขั้นปราชญ์การต่อสู้ เขาก็สามารถทำได้โดยใช้ความพยายามเพียงแค่เล็กน้อย
แต่ทว่า ก็ทำได้แค่ช่วงแรกของขั้นปราชญ์การต่อสู้ ช่วงทำความเข้าใจเพียงเท่านั้น
ตอนนี้ หลินจิ่วเฟิง อยู่ในช่วงที่สองของขั้นปราชญ์การต่อสู้ การตระหนักรู้ในชีวิต
และเขาได้มาถึงจุดสูงสุดของช่วงที่สองนี้แล้ว
เขาไม่กล้าจะเสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียวในช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมา แต่เป็นไปได้อย่างไรที่สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งราชวงศ์หยานที่ยิ่งใหญ่ สามารถเปรียบเทียบกับเขาในแง่ของความเร็วในการฝึกฝน?
หลินเทียนหยวน คิดว่า หลินจิ่วเฟิง ไม่เชื่อ อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้วางแผนจะอธิบายเพิ่มเติม“ข้าแค่อยากจะบอกท่านลุงเอาไว้ เพราะเห็นว่านางเคยมีความสัมพันธ์กับท่านมาก่อน”
“ถ้าท่านไม่เชื่อคำพูดของข้า ก็ไม่เป็นไร ข้าจะกลับไปจัดการงานราชกิจต่อ”
หลินจิ่วเฟิง ได้มองดูอีกฝ่ายจากไปโดยไม่พูดอะไร
สตรีศักดิ์สิทธิ์ มีความสัมพันธ์กับเขา?
“ครั้งนั้นจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ข้าจะมีความเกี่ยวข้องกับนางตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ของข้า”
หลินจิ่วเฟิง ได้พึมพัมออกมา
ด้วยลักษณะนิสัยของเขา เขาคิดจะฝึกฝนอยู่ในตำหนักเย็นตลอดไป และ มันไม่น่าจะเป็นไปได้ที่เขาจะออกไปพบกับสตรีศักดิ์สิทธิ์คนนี้
หลังจากที่ หลินเทียนหยวน จากไป เจ้าแมวขาวก็เดินเข้ามาหาอย่างช้า ๆ
มันได้กล่าวถาม หลินจิ่วเฟิง ผ่านการเขียน
“บอกข้าเกี่ยวกับสตรีศักดิ์สิทธิ์คนนี้”
“เอาเวลาไปฝึกลายมือที่แย่ยิ่งกว่าสุนัขคลานก่อนเถอะ”
หลินจิ่วเฟิง ไม่ได้สนใจมัน
เจ้าแมวขาวได้มองไปที่ หลินจิ่วเฟิง
มันรู้สึกอับอายอย่างมากและกระแทกอุ้งมือลงที่พื้นด้วยความโกรธ
หมายความว่าอย่างไรที่ว่าลายมือของมันแย่ยิ่งกว่าสุนัขคลาน?
ลองมองดูว่าลายมือของมันนั้นน่าเอ็นดูขนาดไหน
…
หลินเทียนหยวน ได้ยุ่งกับการเตรียมการรับมือกับนิกายพุทธ และ ทางราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาก็เช่นเดียวกัน
ในตำหนักเย็น หลินจิ่วเฟิง ได้อยู่ตรงกลางลานที่พัก เขากำลังทำความเข้าใจในช่วงที่สามของขั้นปราชญ์การต่อสู้ ‘ข้ามผ่าน’
เขากำลังสร้างความก้าวหน้า
‘ข้าต้องฝ่าฟันไปยังช่วงที่สามโดยเร็วที่สุด จากนั้นก็เริ่มพยายามทำความเข้าใจในช่วงที่ 4 ของขั้นปราชญ์การต่อสู้ เพราะเป้าหมายของข้าคือการก้าวไปสู่ขั้นเทพมนุษย์โดยเร็วที่สุด และ หวังว่าจะบรรลุจุดสูงสุดของการฝึกฝน…’
‘นี่คือเป้าหมายของข้า’หลินจิ่วเฟิง ได้ครุ่นคิดอย่างเงียบ ๆ
ถ้าไม่จำเป็นเขาก็ไม่คิดจะออกจากตำหนักเย็นเลย
เขามีอายุที่ยืนยาวอย่างน่าเหลือเชื่ออยู่แล้ว
เมื่อฤดูหนาวผ่านไป น้ำแข็งและหิมะในเดือนสิบสองก็ละลายในที่สุด
ฤดูใบไม้ผลิได้มาถึง โลกทั้งใบมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นเล็กน้อย
ในตำหนักเย็น หลินจิ่วเฟิง ได้มองดูท้องฟ้ามาสองสามวันแล้ว
เขาได้ขมวดคิ้วแน่นทุกครั้งที่ทำอย่างนั้น
เขากลับไปยังพระราชวังใต้ดินและเคาะประตูด้วยนิ้วเท้าของเขา
หลังจากนั้นไม่นาน เจ้าแมวขาวก็เดินออกมาพร้อมกับมองไปที่ หลินจิ่วเฟิง ด้วยความประหลาดใจ
หลินจิ่วเฟิง ไม่เคยมาที่นี่เพื่อมองหามันมาก่อน
“เจ้ารู้สึกหรือไม่ว่าในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมามีบางสิ่งเกิดขึ้นกับโลกใบนี้”หลินจิ่วเฟิง ได้กล่าวถาม
เจ้าแมวขาวได้ครุ่นคิดอยู่ครู่นึงและเขียนตอบกลับด้วยความสงสัย“ข้าไม่เห็นจะรู้สึกอะไรเลย?”
หลินจิ่วเฟิง เหลือบมองไปที่คำนั้น
ลายมือยังคงน่าเกลียดเหมือนเดิม
เมื่อเห็นว่าแมวขาวไม่ได้สังเกตุเห็นความผิดปกติ หลินจิ่วเฟิง ก็หันหลังและกลับไปสังเกตุท้องฟ้าเหมือนเดิม
เมี๊ยว!
เจ้าแมวขาวได้ตะโกนร้องเรียกและเขียนคำสองสามคำขึ้นอย่างรวดเร็ว
“เจ้าพบอะไร?”
หลินจิ่วเฟิง ได้หยุดเดินเขาได้มองดูคำเหล่านั้นก่อนที่จะตอบกลับ“พลังงานทางโลกเริ่มไม่ค่อยเสถียรความเปลี่ยนแปลงได้เกิดขึ้นในช่วง 1-2 ชั่วยามก่อนรุ่งสาง”
“พลังงานทางโลกที่มีอยู่พวกเราสามารถดูดซับมันได้อย่างปกติเหมือนเดิม แต่มีพลังงานทางโลกมากมายบนท้องฟ้าที่ราวกับกำลังก่อตัวเป็นพายุขึ้นบ้างบน”
หลินจิ่วเฟิง ได้อธิบายสิ่งที่เขาสังเกตุเห็นให้กับเจ้าแมวขาวฟัง
ปราชญ์การต่อสู้ทั่วไปคงจะไม่สามารถสังเกตุเห็นความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้
มีเพียง หลินจิ่วเฟิง ที่นอนไม่หลับในตอนกลางคืน และมีดวงตาที่เฉียบคมพอที่จะมองเห็นฉากดังกล่าวในตอนกลางคืน
เจ้าแมวขาวก็มองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความสับสน
แต่มันก็ไม่ได้ค้นพบอะไร
แต่มันเชื่อในคำพูดของ หลินจิ่วเฟิง ดังนั้นมันจึงได้ตามเขาไปในขณะที่เขาเดินไปทั่วรอบตำหนักเย็นตั้งแต่เช้าจรดค่ำ
ทว่ามันก็ยังไม่ค้นพบอะไร
ในตอนกลางคืน เจ้าแมวขาวได้นอนอยู่บนกำแพงลานที่พัก ขณะที่ หลินจิ่วเฟิง ได้ยืนสังเกตุท้องฟ้า
รูปลักษณ์ภายใต้แสงจันทร์ของอีกฝ่ายยังคงเหมือนกับเมื่อ 25 ปีที่แล้ว
หลินจิ่วเฟิง ได้มองขึ้นไปบนท้องฟ้า
สูงขึ้นไปบนท้องฟ้าหลายพันเมตร
มีพายุพลังงานจำนวนมากปรากฏขึ้น
เจ้าแมวขาวไม่สามารถมองเห็นสิ่งเหล่านี้ได้
มันได้สังเกตุอย่างระวังแต่ก็ไม่พบอะไร
เมื่อ หลินจิ่วเฟิง มองขึ้นไปบนท้องฟ้า เขาก็นึกขึ้นได้ว่ามีบางอย่างในใจขณะที่เขา“ฝนในฤดูใบไม้ผลิยังไม่มาใช่หรือไม่?”
เจ้าแมวขาวมองไปที่ หลินจิ่วเฟิง ด้วยความประหลาดใจ
ทำไม จู่ ๆ เขาถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา?
เจ้าแมวขาวไม่ใช่ชาวนา
ฝนฤดูใบไม้ผลิเกี่ยวข้องอะไรกับเขา?
หลินจิ่วเฟิง ได้พึมพัมออกมา“คืนนี้จะมีฝนตกหนักและส่งผลกระทบต่อโลกทั้งหมด”
เจ้าแมวขาวมองไปที่ หลินจิ่วเฟิง ด้วยความสงสัย
เขาไม่เข้าใจที่อีกฝ่ายพูดเลยแม้แต่น้อย
หลินจิ่วเฟิง ได้หยุดพูดและกลับไปที่ห้องของเขา
เขาได้เปิดประตูและหน้าต่างขณะที่เขานอนอยู่บนเตียงหยกน้ำแข็ง
จากนั้นเขาก็รออย่างสบายใจ
…
ในวัดพุทธ มีนักบวชอาวุโส 7-8 คน ยืนล้อมรอบ นักบวชที่มีร่างชราและเหี่ยวเฉา
“พลังงานทางโลกกำลังจะฟื้นตัวกลับมาแล้วจริง ๆ คืนนี้จะมีฝนตกหนัก และ ฝนนี้จะเป็นสัญญาณของการมาถึงของยุคสมัยใหม่”นักบวชที่ชราภาพ ได้พึมพัมออกมา การหายใจของเขาลดลงอย่างมาก แต่ดวงตาของเขากลับดูสดใส
ดูเหมือนจะมีภาพจำนวนนับไม่ถ้วนแวบเข้ามาในดวงตาของเขา
“พระองค์ท่านมองเห็นอะไร?”นักบวชคนนึงได้กล่าวถาม
“วัดเส้าหลินกำลังจะประสบภัยพิบัติ อย่า-”ขณะที่นักบวชชราภาพกำลังกล่าวพูดด้วยความยากลำบาก แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ เขาก็หยุดหายใจและจากไปเสียก่อน
นักบวชคนอื่น ๆ ได้มองดู นักบวชชราที่ไร้ลมหายใจ จากนั้นพวกเขาก็มองหน้ากัน
“มารอดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น พระองค์ท่านได้ทรงใช้ญาณชีพในการสอดแนมอนาคต และ เตือนพวกเราว่า วัดเส้าหลินกำลังจะประสบภัย”นักบวชผู้เที่ยงธรรมได้ตอบกลับ
“ถูกต้อง พระองค์ท่านตรัสเช่นนั้นก่อนจะสิ้นใจก็จริง แต่พวกเราไม่มีความจำเป็นจะต้องกลัว เส้าหลิน สามารถยืนหยัดอยู่ได้มานานนับพันปีเป็นเพราะความสามัคคีของพวกเรา”หัวหน้านักบวช ได้กล่าวพูดอย่างหนักแน่น
หลังจากนั้นพวกเขาก็เตรียมพิธีศพของพระองค์ท่านและรอฝนตกหนักที่กำลังจะมาถึง
…
ราชวงศ์หยานที่ยิ่งใหญ่
มันเป็นประเทศเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ในเทือกเขาที่กว้างใหญ่และมีตำนานมากมายอยู่ล้อมรอบ ต่างจากที่ราบภาคกลางตรงที่มันมีบรรยากาศแปลกใหม่
วิหารศักดิ์สิทธิ์!
นี่เป็นวิหารที่มีความสำคัญสูงสุดของราชวงศ์หยานที่ยิ่งใหญ่ เหล่าประชาชน ได้เรียกขานที่นี่เป็นวิหารศักดิ์สิทธิ์ เพราะมันเป็นที่พำนักของสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถสื่อสารกับเหล่าทวยเทพได้
ในห้องโถงใหญ่ของวิหารศักดิ์สิทธิ์ มีเพียงสตรีคนเดียงที่อาศัยอยู่ข้างใน นางสวมชุดสีแดงได้แว่งไปมาได้ง่าย ผนวกกับใบหน้าที่สวยงามของนางค่อนข้างให้ความรู้สึกที่แปลกใหม่อย่างมาก ทุกการเคลื่อนไหวของนางช่างดูน่าหลงใหล
อย่างไรก็ตาม นางก็ไม่ได้ทำอะไรไร้สาระดังกล่าว
เสน่ห์ที่น่าดึงดูดเหล่านี้ล้วนมาจากการเคลื่อนไหวตามธรรมชาติของนางเอง และ สิ่งนี้เองที่ทำให้ บุรุษนับไม่ถ้วนต่างตกหลุมรักนาง
แต่ทว่าหลังจากนางกลับมาเมื่อ 25 ปีก่อนก็ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้นางเลย
คืนนี้นางได้มองดูท้องฟ้าและพึมพัมออกมา
“โลกกำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกครั้ง โอกาสของข้าใกล้จะมาถึงแล้ว”
นางกำลังเฝ้ารอฝนแห่งยุคสมัยใหม่ที่กำลังจะมาถึง