80Y-ตอนที่ 34 ข่าวใหม่เกี่ยวกับสตรีศักดิ์สิทธิ์
ในพระราชวังต้องห้าม ลอร์ดไท่ปิงได้ยิ้มอย่างมีชัยเขาได้ล้มลงกับพื้น
มีบาดแผลตรงกลางคิ้วของเขาขณะที่โลหิตได้ไหลออกมาอย่างช้า ๆ
ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น กระทั่งปราชญ์การต่อสู้จากนิกายปีศาจก็ประสบชะตากรรมเดียวกันกับเขา เผชิญหน้ากับการโจมตีด้วยปราณกระบี่ของ หลินจิ่วเฟิง พวกเขาได้ถูกสังหารลงโดยไม่ได้ตั้งใจ พวกเขาไม่สามารถต่อต้านได้เลย
พวกเขาทั้งหมดได้พลันเสียชีวิต!
ปราชญ์การต่อสู้ภายใต้ หลินเทียนหยวน ได้เริ่มตอบโต้ในทันที พวกเขาได้สังหารผู้บัญชาการทัพของพระราชวัง
และควบคุมกองทัพกบฏ
ทุกคนได้มองไปที่ หลินเทียนหยวน ด้วยความงุนงง
เกิดอะไรขึ้น?
พวกเขาไม่เห็นการเคลื่อนไหวของ หลินจิ่วเฟิง ก่อนหน้านี้
ท่าทีที่ หลินจิ่วเฟิง ใช้ คล้ายกับสายลมฤดูใบไม้ผลิและสายฝน มันเป็นปรากฏการณ์เช่นเดียวกับฝนที่เกิดจากไอน้ำที่มองไม่เห็น โดยพื้นฐานแล้ว ผู้คนย่อมไม่สามารถสังเกตุเห็นการก่อตัวของมัน
แต่ หลินเทียนหยวน รู้ว่ามีเพียง ท่านลุงของเขาเท่านั้นที่สังหารคนเหล่านี้ได้อย่างง่ายดายจากที่ลับ
เขาได้มองไปที่กองทัพกบฏและรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาในใจ
ถ้าไม่ใช่เพราะ หลินจิ่วเฟิง เกรงว่า รัชสมัยของเขาคงจะต้องจบสิ้นแล้ว
“ดูเหมือนว่าข้าจะให้ความสำคัญกับการปฏิรูปภายนอกมากเกินไป จนลืมการควบคุมเมืองหลวงราชวงศ์ นี่ถือเป็นบทเรียนที่โหดร้ายสำหรับข้า”หลินเทียนหยวน ได้กัดฟันแน่น
“วางอาวุธลงซะ ข้าจะไม่ให้พวกเจ้ารับผิดชอบเรื่องทั้งหมด ข้าจะลงโทษเพียงแค่ผู้นำของพวกเจ้าเท่านั้น!”หลินเทียนหยวน ได้ประกาศกร้าวออกมา
ทันทีที่คำประกาศนี้ออกมา-เหล่าทหารกบฏก็วางอาวุธลงทีละคน
พวกเขาไม่กล้าต่อต้าน
วิกฤติได้หายไปอย่างรวดเร็ว
หลินเทียนหยวน ได้มองไปยังทิศทางของ ตำหนักเย็น
เพียงแค่คำพูดคงไม่เพียงพอที่จะอธิบายความกตัญญูของเขา
…
หลังจากจัดการกลุ่มกบฏของลอร์ดไท่ปิง เมืองหลวงราชวงศ์ก็ได้รับการเสริมแกร่งและได้รับการจัดการภายในทันที
ลอร์ดคนอื่น ๆ รู้สึกหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่พลิกผันนี้
พวกเขาไม่กล้าเคลื่อนไหวเพราะกลัวจะตกเป็นเป้าหมาย
บางคนได้อธิบายว่าจักรพรรดิหมิงในปัจจุบันเป็นพยัคฆ์ที่น่ากลัว เมื่อพบเจอใครก็ตามที่กล้าหันอาวุธเข้าใส่ อีกฝ่ายจะไม่ลังเลที่จะฆ่าเพื่อความปลอดภัยของตนเอง
ผ่านไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง ความมั่นคงภายในเมืองหลวงราชวงศ์ก็ดีขึ้นมาก
หลินเทียนหยวน ไม่ได้จัดการเรื่องภายนอก อันดับแรก เขาได้จัดการสมาชิกราชวงศ์ดั้งเดิมเหล่านั้น
บรรดาผู้ที่ก่ออาชญากรรมมากมาย ผู้สมรู้ร่วมคิดกับนิกายปีศาจ และ ผู้ที่เข้าร่วมในการก่อกบฏ ล้วนถูกฆ่าตาย
คราวนี้ สมาชิกของราชวงศ์จำนวนมากได้ถูกประหารชีวิต สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้หลายคนรู้สึกตื่นตระหนก
การประหารชีวิต ได้แสดงอำนาจอันยิ่งใหญ่ของ หลินเทียนหยวน ในฐานะจักรพรรดิ จนประชาชนเริ่มตระหนักได้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม หลินเทียนหยวน ไม่สนใจเกี่ยวกับสิ่งที่คนอื่นคิดเห็นเกี่ยวกับเขา หลังจากจัดการพวกวัชพืชในราชวงศ์แล้ว เขาก็มาแสดงความเคารพและความขอบคุณต่อ หลินจิ่วเฟิง
นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาเสด็จมาเยือนตำหนักเย็นหลังจากขึ้นครองบัลลังก์
โดยเฉลี่ยแล้ว เขาได้เดินทางมาที่ตำหนักเย็นทุก ๆ หนึ่งครั้งในรอบ 5 ปี
“ท่านลุง ขอบคุณที่ท่านช่วยชีวิตข้า”หลินเทียนหยวน ได้กล่าวพูดด้วยความเคารพ
“ก็แค่เรื่องเล็กน้อย”หลินจิ่วเฟิง ได้กล่าวอย่างใจเย็น นี่เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยสำหรับเขาจริง ๆ
“ท่านลุง การปฏิรูปในเชิงลึกของราชวงศ์และการกำจัดขุนนางชั้นสูงทั้ง 9 ทำให้แรงกดดันต่อราชสำนักลดน้อยลงมาก ต่อไปข้าวางแผนจะจัดการกับพวกนิกายเหล่านั้น”หลินเทียนหยวน ได้กล่าวออกมา
“เจ้าคิดจะต่อต้านนิกายเหล่านั้น?”หลินจิ่วเฟิง เลิกคิ้วในทันที
“เปล่า ข้าเพียงต้องการกำจัดวัดและอารามพุทธในมณฑลเจียงหนาน”
หลินเทียนหยวน ได้สั่นศีรษะ
ดินแดนแห่งสายหมอกและสายฝน เจียงหนาน สถานที่แห่งนี้ วัดและอารามพุทธ ค่อนข้างมีอิทธิพลอย่างมาก
“เหล่านักบวชในวัดและอารามเหล่านั้นไม่ได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์เลยนอกจากรับเครื่องเซ่นไหว้ของประชาชน รูปปั้นพระโพธิสัตว์ภายในวัดและอารามเองก็หล่อขึ้นจากทองคำบริสุทธิ์ แต่ทว่าคนด้านนอกกลับกำลังตกทุกข์ได้ยาก”
“ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังเต็มใจที่จะถวายเครื่องเซ่นไหว้และสวดภาวนาต่อพระโพธิสัตว์เพื่อความอยู่รอดปลอดภัยของพวกเขา…”
“พวกเขากระทำมากเกินไปแล้ว”หลินเทียนหยวน กล่าวอย่างไม่พอใจ
หลินจิ่วเฟิง ได้นิ่งเงียบขณะที่ฟัง
“ที่แย่ไปกว่านั้นคือ เหล่าคนธรรมดาที่ก่ออาชญากรรม กำลังใช้วัดและอารามเหล่านี้ในการหลบซ่อนตัว โดยพวกเขาได้แสร้งว่าตนเองได้วางมีดลงและออกบวช เพื่อตรัสรู้ในทางธรรม…”
“ดังนั้นพวกเขาที่เป็นคนของนิกายพุทธ ทำให้ทางราชสำนักไม่สามารถจับกุมตัวพวกเขาได้ ทางราชสำนักไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการงานของนิกายพุทธ…”
“นี่คือเหตุผลที่คนชั่วร้ายส่วนใหญ่ได้กลายเป็นนักบวชในมณฑลเจียงหนาน”
“เมื่อได้ออกบวชแล้ว แม้จะเคยก่ออาชญากรรมอะไรมาก็ตาม พวกเขาก็ได้รับการคุ้มครองภายใต้นิกายพุทธ”
“การล่วงประเวณี,ปล้นสะดม,อาชญากรรมทุกประเภท ไม่ใช่ปัญหาสำหรับพวกเขาที่คิดจะทำ…”
“แต่ในสายตาของประชาชน นักบวชจากนิกายพุทธเหล่านี้ล้วนมีจิตเมตตา จากมุมมองของพวกเขาทำให้ทางราชสำนักจัดการพวกเขาได้ยาก”
“ทั้งวัดและอารามเหล่านี้จำเป็นจะต้องถูกรื้อถอน นักบวชที่ชั่วร้ายจำเป็นจะต้องถูกจับกุม”
“วัดและอารามสามารถมีอยู่ได้ แต่มันจะต้องไม่ใช่สถานที่เน่าเฟะที่มีอยู่เฉกเช่นทุกวันนี้”
หลินเทียนหยวน ได้ถ่ายทอดความคิดของเขาให้กับ หลินจิ่วเฟิง
หลินจิ่วเฟิง ที่นิ่งเงียบมาโดยตลอด ได้กล่าวถามออกมา“นิกายชาวพุทธค่อนข้างแข็งแกร่ง เจ้ามีปราชญ์การต่อสู้กี่คนภายใต้คำสั่งของเจ้า?”
“5 คน!”หลินเทียนหยวนได้ตอบกลับ
“แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ ข้ากำลังรับสมัครปราชญ์การต่อสู้เพิ่ม…”
“พวกเขาได้ตระหนักรู้ในแผนของข้าและยินดีที่จะช่วยเหลือข้า”
“หากให้พูดกันตามตรง ตัวเลขจริง ๆ อาจจะมีปราชญ์การต่อสู้เกิน 10 คน”หลินเทียนหยวน ได้กล่าวเสริม
หลินจิ่วเฟิง ได้เข้าใจในทันที
เป็นเพราะ ปราชญ์การต่อสู้กลุ่มนี้ หลินเทียนหยวน จึงมีความมั่นใจในการจัดการกับนิกายชาวพุทธ
หลินจิ่วเฟิง ได้ตอบกลับ“ในเมื่อเจ้าตัดสินใจที่จะลงมือแล้วก็จัดการตามที่ควรเถอะ วัดและอารามทั่วทั้งผืนดินจะต้องถูกรื้อทิ้ง”หลินจิ่วเฟิง ได้ตอบกลับ
หลินเทียนหยวน ได้กล่าวถามด้วยความเขินอาย“ข้าหวังว่าท่านลุงจะสามารถช่วยเหลือข้าได้ยามจำเป็น”
“ไม่ใช่ว่าเจ้ามีปราชญ์การต่อสู้ภายใต้คำสั่งของเจ้าแล้ว?”หลินจิ่วเฟิงได้กล่าวถาม
อิทธิพลกลุ่มนี้ค่อนข้างน่าเกรงขามมากทีเดียว
“มีสามนิกายในมณฑลเจียงหนาน-วัดต้าหลิน,วันซวนคง และ วันเส้าหลิน!”
“วัดต้าหลิน อยู่ในกรอบเขตอิทธิพลของตนพวกเขาไม่คิดจะขยับขยายขอบเขตอำนาจของพวกเขา เหล่าผู้ศรัทธาของพวกเขาก็มีความเป็นอยู่ที่ดีอีกทั้งนักบวชของพวกเขายังใจดีอย่างมาก ดังนั้น ข้าจึงไม่ได้ตั้งเป้าไปที่วัดต้าหลิน”
“สำหรับ วัดซวนคง และ วัดเส้าหลิน ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังแข่งขันกันเอง ถ้าใครคนใดขยับขยายอิทธิพลออกไป อีกคนก็จะขยับขยายอิทธิพลตามไปด้วย…”
“มีวัดและอารามกว่า 80,000 แห่งในพื้นที่เจียงหนานเพียงแห่งเดียว ซึ่งทั้งหมดถูกสร้างขึ้นโดยผู้ศรัทธาของทั้งสองนิกายที่ใช้อิทธิพลของพวกเขาในการหลอกลวงผู้ศรัทธาเหล่านี้ให้สร้างวัดและอารามให้กับพวกเขา”
“ทั้งสองเป็นนิกายที่ข้าตั้งเป็นเป้าหมายเอาไว้”
หลินเทียนหยวนได้อธิบายอย่างละเอียด
“แต่วัดซวนคงและวัดเส้าหลิน เป็นนิกายพุทธที่สืบทอดกันมานานนับพันปี…”
“ภูมิหลังของพวกเขานั้นลึกลับ พวกเขามีทรัพยากรมากเพียงพอที่จะหล่อเลี้ยงมหาอำนาจภายในนิกายของพวกเขา นอกจากนี้ พวกเขายังตั้งรกรากอยู่ค่อนข้างห่างไกลจากเมืองหลวงราชวงศ์ อีกทั้งยังมี ผู้ฝึกยุทธ์จำนวนมากภายใต้พวกเขา ดังนั้น พวกเขาจึงไม่ได้เกรงกลัวอิทธิพลของราชสำนัก”
“ดังนั้นข้ากังวลว่าทั้งสองนี้นิกายนี้ อาจจะมียอดฝีมือที่แข็งแกร่ง 1-2 คนที่ข้าไม่สามารถจัดการได้”หลินเทียนหยวนได้อธิบายความกังวลของเขากับ หลินจิ่วเฟิง
“ทำในสิ่งที่เจ้าต้องการโดยไม่จำเป็นต้องกลัว ถ้าคนเหล่านั้นปรากฏตัวขึ้นจริง ๆ ข้าจะช่วยเจ้าจัดการพวกเขา”
หลินจิ่วเฟิง ได้คิดอยู่ครู่นึงและตอบตกลง
การปฏิรูปของจักรพรรดิหยวนคล้ายกับการสานต่อความปราถนาของจักรพรรดิหยวนที่ยังไม่สำเร็จ
ในอดีตจักรพรรดิหยวนต้องการจัดการขุนนางชั้นสูงก่อน
จากนั้นเขาก็วางแผนที่จะทำลายวัดและอารามของนิกายพุทธที่เน่าเฟะเหล่านั้น
ตอนนี้ปัญหาของขุนนางชั้นสูงได้รับการแก้ไขแล้ว สถานที่อื่น ๆ ภายในราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาก็ค่อนข้างปลอดภัย ดังนั้นเขาจึงได้กำหนดเป้าหมายไปที่ เจียงหนาน
โดยพื้นฐานแล้ว หลินจิ่วเฟิง ย่อมสนับสนุนอีกฝ่ายโดยธรรมชาติ
“ขอบคุณท่านลุง”หลินเทียนหยวน รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง
ตอนนี้เขามีความมั่นใจในความสำเร็จของเขา
หลินจิ่วเฟิง เป็นตัวแปรที่ทำให้เขามีความมั่นใจ
อีกฝ่ายคือหลักค้ำประกันที่ทำให้อารมณ์ของ หลินเทียนหยวน ผ่อนคลายลง
เขาอดไม่ได้ที่จะกล่าวพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“ท่านลุง ข้าเพิ่งได้รับข่าวที่น่าสนใจมา ไม่ทราบว่าท่านจะสนใจเรื่องนี้หรือไม่?”
“ข่าวอะไร?”หลินจิ่วเฟิง ได้กล่าวถาม
“ท่านลุงยังจำเหตุผลที่ท่านถูกส่งมายังตำหนักเย็นตั้งแต่แรกได้หรือไม่?”
หลินเทียนหยวน ได้กล่าวถามขณะหัวเราะออกมา
คำถามนี้เป็นหัวข้อสำคัญ
เพราะนี่เป็นเหตุผลให้เขาถูกส่งมายังตำหนักเย็น
25 ปีได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ขณะที่ หลินจิ่วเฟิง กำลังนึกในใจ เจ้าแมวขาวก็ปรากฏตัวขึ้นที่มุมห้องมันได้ขดตัวอย่างไม่โดดเด่นแต่ดวงตาของมันเต็มไปด้วยความสนใจ
มันได้แอบฟัง
มันอยากรู้ว่าทำไม หลินจิ่วเฟิง ถึงถูกขังอยู่ในตำหนักเย็นแห่งนี้
“ทำไมเจ้าถึงหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาพูด?”หลินจิ่วเฟิง กล่าวถามด้วยความสงสัย
“เป็นเวลากว่า 25 ปีแล้ว นับตั้งแต่ที่ท่านปล่อยสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งราชวงศ์หยานที่ยิ่งใหญ่คนนั้นไป การกระทำของท่านในเวลานั้น ได้สร้างความโกรธเคืองให้กับราชสำนัก และ นั่นเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมท่านถึงถูกเนรเทศมาที่ตำหนักเย็นแห่งนี้”หลินเทียนหยวน ได้อธิบาย
“หืม?เรื่องนี้เองหรอกเหรอ”หลินจิ่วเฟิง ได้มองไปที่ หลินเทียนหยวน อย่างใจเย็น
“25 ปีผ่านไปแล้ว ท่านไม่อยากรู้หรือว่า สตรีศักดิ์สิทธิ์ คนนั้นเป็นอย่างไรในช่วงหลายปีมานี้?”
หลินเทียนหยวน ได้กล่าวถาม
หลินจิ่วเฟิง รู้สึกตกตะลึง
เขาไม่เคยคิดเกี่ยวกับ สตรีศักดิ์สิทธิ์ ที่ว่าแม้แต่ครั้งเดียวตลอดช่วง 25 ปีที่ผ่านมา
เขาคิดว่าตนเองจะไม่ได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับนางอีก
หลินจิ่วเฟิง อาจจะลืมไปแล้ว แต่คำพูดของ หลินเทียนหยวน ได้ส่งเขาเดินไปยังเส้นทางแห่งความทรงจำอีกครั้ง เขาอดไม่ได้ที่จะถามออกมา“ข่าวนี้มีมูลว่าอย่างไร?”
หลินเทียนหยวนได้หัวเราะออกมาก่อนที่จะตอบกลับ
“ข้าคิดแล้วว่าท่านย่อมไม่ปล่อยผ่านเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ สตรีศักดิ์สิทธิ์ คนนี้”
เจ้าแมวขาวก็ได้แอบฟัง
จากนั้นมันก็หรี่ตาลงอย่างช้า ๆ ขณะที่เขียนคำบางคำลงบนพื้นด้วยอุ้งเท้าของมัน
เจ้ากระล่อน!