80Y-ตอนที่ 33 ถ้วยชา
ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา ปีที่ 5 หลังจากที่จักรพรรดิหมิงขึ้นครองบัลลังก์
ในช่วงฤดูหนาวที่มีหิมะตกหนัก หลินจิ่วเฟิง ได้เดินทางไปยังที่ราบทางตะวันตกเฉียงเหนือและสังหาร ปราชญ์การต่อสู้ ที่ยิ่งใหญ่แห่งแดนทุ่งราบด้วยปราณกระบี่เพียงครั้งเดียว
เขาได้หยุดสงครามที่กำลังจะริเริ่มขึ้น
จากนั้นเขาก็ได้เพื่อนบ้านในตำหนักเย็น
เวลาได้ผ่านไปอย่างช้า ๆ
หลินจิ่วเฟิง คิดว่า ประมุขนิกายของนิกายซากศพจะมาที่เมืองหลวงราชวงศ์เพื่อตรวจสอบเกี่ยวกับการหายตัวไปของผู้อาวุโสศพและถู๋ป๋อ
แต่ที่น่าประหลาดใจก็คือ ไม่มีใครจากนิกายซากศพปรากฏตัวขึ้นเลยแม้แต่น้อย
ราวกับว่าการตายของ อาวุโสศพ และ ถู๋ป๋อ ไม่ได้สำคัญกับพวกเขา
สองคนนั้นเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นปราชญ์การต่อสู้ นิกายซากศพทรงอิทธิพลขนาดไม่สนใจความตายของพวกเขาเลยหรือไม่?
สิ่งนี้ทำให้ หลินจิ่วเฟิง รู้สึกสงสัย
ปราชญ์การต่อสู้ของพวกเขาหายตัวไปในเมืองหลวงราชวงศ์แต่พวกเขากลับไม่มีแผนที่จะมาตรวจสอบ?
บางทีความเป็นไปได้อื่นก็คือ นิกายซากศพหวาดกลัวยอดฝีมือลึกลับที่หลบซ่อนตัวอยู่ในเมืองหลวง
นั่นอาจเป็นเหตุผลที่ทำไมพวกเขาถึงไม่ปรากฏตัว
เวลาได้ผ่านไปอย่างช้า ๆ
ฤดูใบไม้ผลิผ่านไป ฤดูใบไม้ร่วงก็มาถึง
5 ปีที่ผ่านไปในพริบตา
หลินจิ่วเฟิง ได้ใช้เวลา 5 ปีในการลงชื่อเข้าใช้สถานที่ในตำหนักเย็นอย่างเงียบ ๆ
เขายังใช้เวลาไปกับการฝึกฝนทักษะบ่มเพาะพลังปีศาจ
หลังจากที่เขาตัดผ่านช่วงตระหนักรู้ในชีวิต ความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
หลินจิ่วเฟิง ได้เริ่มศึกษาทักษะบ่มเพาะพลังที่เขาฝึกฝนอย่างลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น
เขาได้พัฒนาความแข็งแกร่งขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ปีนี้เป็นปีที่ 10 หลังจากที่ หลินเทียนหยวน ขึ้นครองบัลลังก์
หลินจิ่วเฟิงมีอายุ 45 ปีในปีนี้
โลกเริ่มไม่มั่นคงขึ้นอีกครั้ง
การตายของปราชญ์การต่อสู้ 9 คนด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวในเมืองหลวงของราชวงศ์เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 10 ปีก่อน
เมื่อ 5 ปีที่แล้ว เขาได้เดินทางไปยังที่ราบตะวันตกเฉียงเหนือและสังหารปราชญ์การต่อสู้ทูเหมิน
แต่ไม่มีใครเห็นเขาทำ
ดังนั้นความเคารพของผู้คนในอำนาจของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา จึงค่อย ๆ หายไป
ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา ก็สัมผัสได้ถึงผลกระทบของสิ่งนี้
แม้ว่าหลายปีที่ผ่านมาจะเงียบสงบแต่ก็มีคลื่นปะทุอยู่ข้างใต้
โดยเฉพาะเบื้องหลังที่วุ่นวาย
…
เมืองหลวงของราชวงศ์ คฤหาสน์ของท่านลอร์ด
ตรงกันข้ามกับตำหนักเย็นของ หลินจิ่วเฟิง คฤหาสน์นี้ได้รับการตกแต่งอย่างหรูหรา ราชสีห์ที่ทางเข้าส่องสว่างอย่างสวยงามภายใต้ดวงอาทิตย์ ในขณะที่พักแห่งนี้เต็มไปด้วยบรรยากาศเว่อวังอลังการ
เจ้าของคฤหาสน์แห่งนี้คือ บุตรชายโดยตรงของจักรพรรดินีองค์ก่อน
เขาเคยถูกมองว่าเป็นทายาทแห่งราชบัลลังก์
แต่น่าเสียดาย ที่จักรพรรดิหยวนไม่ชอบเขา ในอดีตแม้ว่าเขาจะแสดงให้เห็นถึงความทะเยอทะยานอันแรงกล้าแต่กลับไร้ความสามารถ แม้ว่าจักรพรรดิหยวนจะได้รับบาดเจ็บสาหัสในปีนนั้น เขากลับไม่เห็นด้วยที่แต่งตั้งเขาเป็นองค์รัชทายาท
จักรพรรดิหยวนได้เลือก หลินเทียนหยวน แทน
เมื่อ หลินเทียนหยวน ขึ้นครองบัลลังก์ จักรพรรดินีองค์ก่อน นางก็ได้ขอร้องให้ หลินเทียนหยวน ไม่ให้ฆ่าลูกชายของนาง
หลินเทียนหยวน ตอบตกลง และมอบตำแหน่งลอร์ดที่เกียจคร้านให้กับเขา
อีกฝ่ายไม่ได้มีอำนาจอะไรเลย นอกจาก วิถีชีวิตที่มั่งคั่งที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
เขามีอิสระที่จะทำทุกอย่างที่เขาต้องการยกเว้นการออกจากเมืองหลวงราชวงศ์
หลินเทียนหยวน ได้ชี้แจงอย่างชัดเจนว่าเขาจะดูแลอดีตองค์ชายคนนี้ตราบจนวันตาย
แต่อดีตองค์ชายผู้นี้-ลอร์ดไท่ปิง คนปัจจุบัน กลับไม่เต็มใจที่จะรับชะตากรรมเช่นนี้!
เขาเป็นบุตรชายของคนโตของจักรพรรดิหยวนและเป็นทายาทโดยชอบธรรมของบัลลังก์ แต่สิ่งที่เป็นของเขากลับถูกเด็กนอกคอกปล้นชิงไป-หลินเทียนหยวน ท้ายที่สุดอีกฝ่ายก็บังคับให้เขาต้องใช้ชีวิตอย่างคนไร้ค่า
ลอร์ดไท่ปิง ไม่ต้องการดำเนินชีวิตต่อไปแบบนี้ ดังนั้นเขาจึงได้ติดต่อกับนิกายปีศาจเฉียนคุนเป็นการส่วนตัวและขอยืมกำลังของพวกเขาในการทำรัฐประหาร
นิกายเฉียนคุน ได้ตอบตกลง แต่พวกเขากังวลเกี่ยวกับยอดฝีมือลึกลับในเมืองหลวง เป็นผลให้พวกเขาติดต่อกับนิกายปีศาจอื่น ๆ อีกหลายแห่งและโน้มน้าวให้พวกเขาสนับสนุนลอร์ดไท่ปิงในความพยายามของเขา
พวกเขาไม่กล้าสร้างปัญหาในเมืองหลวงอย่างเปิดเผย แต่พวกเขากล้าให้การสนับสนุนอดีตองค์ชายที่จะก่อการกบฏ
สมาชิกของนิกายปีศาจเฉียนคุนและนิกายปีศาจอื่น ๆ ได้แทรกซึมเข้าสู่เมืองหลวงของราชวงศ์ได้สำเร็จ
พวกเขาได้ล่อลวงเหล่าผู้บัญชาการกองทัพของพระราชวังต้องห้ามด้วยผลประโยชน์ การข่มขู่ และ วิธีการต่าง ๆ มากมาย
ในเวลาเพียงไม่กี่ปี ผู้บัญชาการทัพที่คุมกำลังนับ 100,000 นาย ก็ตกเป็นฝ่ายของพวกเขา อีกทั้งพวกเขายังให้การสนับสนุนลอร์ดไท่ปิง
พวกเขาได้ถูกดึงตัวมาเป็นพวกตามที่ลอร์ดไท่ปิงคาดการณ์เอาไว้
สนับสนุนองค์รัชทายาทโดยชอบธรรม…
ปราบปรามจักรพรรดิจอมปลอม…
คืนบัลลังก์ให้กับเจ้าของที่ถูกต้องและช่วยราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาให้รอดพ้นจากความพินาศ
หากพวกเขาประสบความสำเร็จพวกเขาจะกลายเป็นข้าราชบริพารที่ภักดีของจักรพรรดิองค์ใหม่ ที่ช่วยให้เขาขึ้นครองบัลลังก์ สถานะของพวกเขาจะสูงขึ้นกว่าสถานะเดิมในปัจจุบันอย่างแน่นอน
หลังจากเตรียมการมาเป็นเวลาหลายปี ในที่สุดเวลาที่เหมาะสมก็ได้มาถึง
สิ่งเดียวที่ ลอร์ดไท่ปิง กังวลก็คือ ยอดฝีมือลึกลับที่ซ่อนตัวอยู่ภายในเมืองหลวง เขากังวลว่าอีกฝ่ายจะปรากฏตัวขึ้นและมาขัดขวางแผนการของเขา
นี่คือเหตุผลว่าทำไมจึงมี ปราชญ์การต่อสู้ 4 คนอยู่ในคฤหาสน์ของลอร์ดไท่ปิงในขณะนี้
พวกเขาทั้งหมดถูกส่งมาจากนิกายปีศาจต่าง ๆ มาที่นี่เพื่อสนับสนุนลอร์ดไท่ปิง
ผู้บัญชาการ 10 คนของกองทัพพระราชวังก็ปรากฏตัวขึ้นด้วย และ แม้แต่ปราชญ์การต่อสู้แห่งราชวงศ์ ก็ยังถูกชักชวนให้เข้าร่วมกับลอร์ดไท่ปิงในเวลานี้
คนเหล่านี้ได้มารวมตัวกันเพื่อหารือเกี่ยวกับการทำรัฐประหาร
“สิ่งเดียวที่พวกเรากังวลในตอนนี้ก็คือกระบี่ลึกลับที่ปรากฏขึ้นเมื่อ 10 ปีก่อน!”
ลอร์ดไท่ปิง ได้กัดฟันแน่น
เมื่อจักรพรรดิหยวนสิ้นพระชนม์ ลอร์ดไท่ปิง มั่นใจว่าเขาจะต้องได้เป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เขาไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิต
เด็กนอกคอกได้ปรากฏตัวขึ้นจากที่ไหนก็ไม่รู้และแย่งชิงบัลลังก์ของเขาไป ที่แย่ไปกว่านั้นคือ อีกฝ่ายยังกักขังเขาไว้ในบ้านไม่ให้มีส่วนร่วมใด ๆ เกี่ยวกับราชสำนัก
นี่คือความอัปยศที่เขาไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิต
“10 กว่าปีแล้ว ยอดฝีมือลึกลับผู้นั้นไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นแม้แต่ครั้งเดียว เราไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่ายอดฝีมือลึกลับนี้ยังอยู่ในเมืองหลวงราชวงศ์หรือไม่”ปราชญ์การต่อสู้ คนนึงได้กล่าวออกมา
“ข้าคิดว่ามันควรจะได้เวลาแล้ว”
“ปัญหาไม่ใช่ว่าคนผู้นั้นจะยังอยู่ที่เมืองหลวงราชวงศ์หรือไม่ แต่เป็นท่านบุตรชายคนโตของจักรพรรดิหยวน ผู้สืบทอดบัลลังก์ของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาโดยชอบธรรม ท่านจะต้องทวงคืนสิ่งที่เป็นของท่านกลับมาให้ได้…”
“นี่ไม่ใช่การก่อกบฏ แต่เป็นภารกิจเพื่อปราบปรามจักรพรรดิจอมปลอม”
ผู้บัญชาการทัพได้มองไปที่ลอร์ดไท่ปิงและพูดขึ้น
“เจ้าพูดถูก!”ความโกรธในใจของ ลอร์ดไท่ปิง ได้ปะทุขึ้นในทันที
เขาอดทนรอมานานกว่า 10 ปีแล้ว
เขาไม่ได้วางแผนที่จะรออีกต่อไป
“คืนนี้พวกเราจะระดมกำลังทหารไปที่พระราชวังและปิดล้อมพระราชวังเอาไว้ จากนั้นก็ทำการปิดชีพจักรพรรดิจอมปลอมผู้นั้นซะ!”ลอร์ดไท่ปิงได้พูดขึ้นด้วยสีหน้าที่ดูน่าเกลียด
“ส่วนจักรพรรดิเฒ่า ให้ข้าจัดการเอง ข้ามั่นใจว่าจะทำให้เขาไม่สามารถช่วยเหลือชีวิตของจักรพรรดิหมิงผู้นี้ได้”
ปราชญ์การต่อสู้ ที่เพิ่งเลื่อนขั้นพลังและได้รับตำแหน่งใหม่ทางราชวงศ์เขามีความมั่นใจมาก
เขาเลือกที่จะจัดการกับจักรพรรดิเฒ่า…
หนึ่งในผู้สนับสนุนของจักรพรรดิหมิง
อีกทั้งยังเป็นเสด็จปู่ของลอร์ดไท่ปิงอีกด้วย
“ลงมือได้!”ลอร์ดไท่ปิงได้ชักกระบี่ออกมาทันที
ติง ติง!
เมืองหลวงของราชวงศ์พลันสั่นสะเทือนภายใต้สายตาที่จับจ้องของเหล่าผู้คนนับไม่ถ้วน
คืนนี้ ทหารของกองกำลังกบฏกว่า 100,000 นายได้วิ่งไปรอบ ๆ พระราชวังต้องห้าม พวกเขาได้จัดการเหล่าเจ้าหน้าที่ในราชสำนักและมุ่งหน้าไปหาจักรพรรดิหมิงด้วยความเร็วสูงสุด
นี่คือสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด
มันกระทันหันเกินไปจนทุกคนไม่ทันตั้งตัว
ปราชญ์การต่อสู้ทั้ง 4 จากนิกายปีศาจ ได้เข้าปราบปรามปราชญ์การต่อสู้ทั้ง 3 คนภายใต้จักรพรรดิหมิง แม้กระทั่ง ไร้นาม ก็ยังถูกปราบปรามในเวลานี้
เสด็จปู่ของจักรพรรดิหมิงเองก็ถูกหยุดโดยปราชญ์การต่อสู้จากราชวงศ์
ในขณะนี้จักรพรรดิหมิงได้ตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง
ภายในห้องโถงกลางของพระราชวังต้องห้าม ลอร์ดไท่ปิงได้หัวเราะออกมาขณะที่มองไปที่ หลินเทียนหยวน อย่างมีชัย ตอนนี้ อีกฝ่ายกำลังถูกล้อมไปด้วยทหารของเขา
“ปราชญ์การต่อสู้ 4 คน ภายใต้ข้าได้จัดการคนของเจ้าหมดแล้ว กระทั่งจักรพรรดิเท่าก็ยังถูกหยุดโดยปราชญ์การต่อสู้จากราชวงศ์ กองทัพพระราชวังได้กลายเป็นคนของข้ามานานแล้ว กระทั่งตระกูลขุนนางน้อยใหญ่ก็ยังสนับสนุนข้า”
“เมื่อเจ้าตายไป ตระกูลขุนนางอีกจำนวนนับไม่ถ้วนและนิกายที่มีอำนาจก็จะเดินทางมาที่นี่เพื่อแสดงความยินดีกับข้าในฐานกวาดล้างพวกกบฏและคืนราชบัลลังก์ให้กับเจ้าของโดยชอบธรรม”
ลอร์ดไท่ปิงมีความสุขมาก
หลังจาก ผลัก หลินเทียนหยวน ไปที่มุมหนึ่ง ในที่สุดเขาก็กำลังจะเอาของที่เป็นของเขากลับคืนมา
“เพื่อที่จะก่อการกบฏ เจ้ากลับร่วมมือกับพวกนิกายปีศาจเลยหรือไม่?”
ใบหน้าของ หลินเทียนหยวน มืดมนขระที่เขากล่าวพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ
“บรรดาผู้ที่ใฝ่ฝันถึงความรุ่งโรจน์ย่อมไม่เกี่ยงวิธีการต่าง ๆ ดังนั้น การร่วมมือกับนิกายปีศาจก็ยังดีกว่าการปล่อยให้ราชบัลลังก์ตกไปอยู่ในมือโจรเช่นเจ้า!”
“10 ปีแล้ว!”
“เป็นระยะเวลา 10 ปีเต็ม!”
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าทนใช้ชีวิตในช่วงระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมาอย่างไร?”
ลอร์ดไท่ปิงได้คำรามออกมา
“วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้า”
“บัลลังก์เป็นของข้า ไม่มีใครแย่งชิงมันไปจากข้าได้”
ลอร์ดไท่ปิง ได้ยกกระบี่ขึ้นและเดินเข้าไปหา หลินเทียนหยวน
หลินเทียนหยวน ต้องการต่อสู้กลับ แต่ถูกปราบปรามโดย ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นปรมาจารย์ที่ยิ่งใหญ่
ลอร์ดไท่ปิง ได้กล่าวอย่างภาคภูมิใจ“คนที่เจ้าเห็นในตอนนี้พวกเขาทั้งหมดเป็นคนของข้า…”
“ทีนี้เจ้าจะสู้กับข้ายังไงล่ะ?”
หลินเทียนหยวน ได้กัดฟันแน่นและมองฉากนี้ด้วยความโกรธ
…
ในตำหนักเย็น หลินจิ่วเฟิง ได้หยิบถ้วยชาขึ้นมาและกำลังชงมันในที่มืด
เจ้าแมวขาวได้เขียนข้อความบนพื้นด้วยอุ้งเท้าของมัน“จะไม่ออกไปช่วยเขางั้นเหรอ?”
“ก็แค่กลุ่มคนไม่กี่คนไม่คู่ควรให้ข้าต้องออกไป”
หลินจิ่วเฟิง ได้สั่นศีรษะ
การกบฏเหล่านี้ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่าการล้อเล่นกันภายในบ้าน
เขาขี้เกียจเกินกว่าจะเดินทางไปด้วยตัวเองและคร้านเกินกว่าที่จะชักกระบี่
นี่เป็นผลให้เขาโยนถ้วยในมือขึ้นไปในอากาศ มันได้ควบแน่นกลายเป็นปราณกระบี่อย่างรวดเร็วและพุ่งออกไป
บูม!
ในเวลาต่อมา ปราณกระบี่นี้ได้แทงทะลุร่างของลอร์ดไท่ปิงและปราชญ์การต่อสู้ทั้ง 4 จากนิกายปีศาจที่อยู่ในพระราชวัง
เจ้าแมวขามกระพริบตา
มันได้เขียนคำสองสามคำอย่างรวดเร็วบนพื้น
เจ้าประหลาด!